...คิดถึงเรื่องความตาย...
เคยไหมคะที่จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า เอ... เวลาเราจะตายนี่จะรู้สึกอย่างไรกันนะ? จะเหมือนเวลาเราง่วงแล้วนอนหลับไปเฉย ๆ (แต่ไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก)หรือเปล่า? หรือว่าจะหายใจไม่ออก อึดอัด แล้วก็น็อคไปเฉย ๆ หรือจะเจ็บปวดทรมาน ทุรนทุรายจนขาดใจไปเอง หรือจะเป็นแบบอื่น ๆ ที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่จะสัมผัสได้เฉพาะเวลาใกล้สิ้นลมเท่านั้น...
เคยคิดไหมคะว่าพอเราตายแล้วเราจะไปไหน? หรือว่าจะเหมือนตอนที่เราหลับ ไม่รู้เรื่องรู้ราว จนกว่าจะรู้ประสาอีกทีในชาติหน้า... หรือว่าจะมีคนมายืนรอรับแล้วพาเราไปยังที่ที่คนตายแล้วจะต้องไป...... มันมีนรกจริง ๆ หรือเปล่าหนอ? เราจะต้องไปลงกระทะทองแดงหรือเปล่า? หรือว่าเราต้องไปเกิดเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรม
...แล้วชาติหน้าเราจะเกิดเป็นอะไรกัน? จะได้เป็นคน หรือเป็นสัตว์ หรือเป็นอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็น...
เคยคิดไหมคะว่าพอเราตายแล้วเราจะรู้สึกอย่างไร? จะเหมือนอย่างที่เรารู้สึกอยู่ในเวลาปกติไหม? จะรู้สึกร้อน รู้สึกหนาว รู้สึกกลัว รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเปล่า? หรือจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ เพราะกายเนื้อสลายไปแล้ว ไม่มีเส้นประสาท ไม่มีความเจ็บปวด มีเหลือแต่จิตที่สามารถคิดได้เหมือนปกติ...
มันเป็นคำถามที่สักวันเราจะรู้คำตอบด้วยตัวเอง แต่บางครั้งกลับอยากรู้ขึ้นมาเฉย ๆ และพอยิ่งคิด มันก็จะยิ่งรู้สึกวาบเย็นลึก ๆ อยู่ในช่องอก มันคือความกลัวตายหรือเปล่าหนอ? หรือเป็นแค่ความรู้สึกไม่มั่นคงคล้ายเวลาที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งแรกในชีวิต
...
สงสัยว่าฉันคงกินอาหารเย็นหนักไปหน่อย แถมยังดวดเป๊ปซี่เข้าไปอีกขวด ปริมาณคาเฟอีนในเลือดเลยกระฉูดและเป็นสาเหตุให้มานั่งตาค้าง คิดฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้ เห็นทีว่าจะต้องนั่งสมาธิก่อนนอนเสียแล้ว...
แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีล่ะค่ะ... ว่าจะมีใครเคยคิดเรื่องแบบนี้เหมือนฉันไหมหนอ?
ตายแล้ว ไม่ต่างอะไรกับซาก
จิตวิญญาณก็แตกสลาย
จับต้องหรือสัมผัสไม่ได้
ไม่สามารถรับรู้อะไรได้
สูญสิ้น ดับไป
และมีคำว่า รอ รอ รอ รอ ...อยู่ในใจผู้กำความทุกข์ตลอดไป
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า อานนท์ เธอระลึกถึงความตายวันละกี่เวลา
พระอานนท์ตอบว่า ข้าพเจ้าระลึกถึงความตายวันละ 3 เวลา พระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า เธออย่าได้กล่าวเช่นนั้น เธอยังตั้งอยู่ในความประมาทอยู่ เธอจักต้องระลึกถึงความตายทุกลมหายใจ ออก - เข้า ของเธอ
ขอบคุณมากค่ะ
ครูเอ
ร่มใม้ใหญ่ใกล้ทาง
ที่ให้คำแนะนำ
และมิตภาพ
สวัสดีค่ะ
เมื่อก่อนเคยกลัวความตายจะมาเยือนตัวเอง
แต่ตอนนี้...."กลัวคนที่เรารักจะตาย"
มากยิ่งกว่าค่ะ
สวัสดีค่ะ
นานมาแล้วที่เคยคิดเรื่องความตายประมาณนี้ คือ ตายแล้วจะเป็นอย่างไรหนอ ตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหนหนอ...เหมือน ๆ กับคุณก้าวแรกที่คลานด้วยสายใยรักเขียนบันทึกนี่แหละค่ะ คือมีคำถามเกิดขึ้นในใจ แล้วก็อยากรู้คำตอบ...ก็เลยพยายามศึกษาหาความรู้เรื่องราวเหล่านี้ และมาจบลงตรงที่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ได้อธิบายไว้ชัดเจนเรื่องราวของการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิค่ะ(มนุษย์เราก็อยู่ในภพภูมิเหล่านี้ค่ะ)
ตายแล้วไปไหน...อยากรู้ต้องศึกษาเรื่องของ "ศึกชิงภพ" ค่ะ ประมาณว่า...ณ วินาทีนั้น ถ้าจิตเรารำลึกถึงเรื่องดี ๆ ได้ ก้ไปดีค่ะ คือไปสู่สุขคติภูมิค่ะ... แต่หากตรงกันข้าม คือจิตเศร้าหมองก็จะน่ากลัวมากค่ะ เพราะจะมีภพภูมิของนรก เปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉานรองรับตามสภาพจิตขณะนั้นค่ะ
เราจึงต้องหมั่นทำแต่ความดี และคิดนึกถึงเฉพาะเรื่องราวดี ๆ ค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะตายตอนไหน ตายอย่างไรค่ะ
หากปรารถนาจะมีชีวิตหลังความตายที่มีความสุข มีหลักง่าย ๆ 3 ข้อค่ะ คือ "ละชั่ว ทำดี และทำใจให้ใส" ค่ะ
ปล.ขออภัยด้วยนะคะที่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องการประกันรถที่เขียนถามมาใน Lifediagram ค่ะ ประการแรกคือ ไม่มีเวลาและโอกาสเปิดเน็ทเท่าใดนักค่ะ (จะตอบก็รู้สึกว่าคน post เข้ามาคงลืมไปแล้วละมั้ง เพราะเวลาก็ผ่านเนิ่นนานเป็นเดือนแล้วค่ะ ) ที่สำคัญคือ ไม่มีความรู้ทางด้านปัญหาการประกันรถเท่าใดนักค่ะ ขออภัยอีกครั้งนะคะ
คิดเหมือนกัน...แล้วก็กลั้นหายใจดู.. จึงรู้ว่ามันทรมานมากก่อนตาย การตายที่สงบโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรปรารถนา...ต้องถอดจิตออกอย่างสงบ....ไม่รับรู้อะไรอีก...สู่สมาธิญาณ...น่าจะตายอย่างสงบที่สุด...
รู้สึกน้อยใจ กับชีวิตเหมือนกัน แต่ ความแกรงของ ใจ สุงกว่า ความ้อยใจ