เราจะดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาและขันติ ไม่ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นจะมากขนาดไหน
เราจะไม่ละทิ้ง “ยิ้มน้อยๆ ในใจ” และเตือนตัวเองว่า ทุกข์นี้คือปุ๋ยแห่งชีวิต เป็นยาบำรุงหัวใจของเราให้แข็งแรง
สวัสดีค่ะ วันนี้มีนิทานมาเล่าสู่เพื่อนๆ ชาว G2K ฟัง หลังจากเหนื่อยกับการงานมาทั้งวัน ลองมาพักเมื่อย นั่งอ่านนิทานคลายเครียดกันบ้างดีกว่า เผื่อจะได้กำลังใจกลับไปทำงานต่อในวันพรุ่งนี้ไงค่ะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคนหนึ่ง เลี้ยงลาไว้หนึ่งตัวซึ่งแก่มากแล้ว ด้วยความโง่เขลามันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา ในที่สุดชาวนาก็หวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่มากแล้ว อีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา มันตกใจและรู้ชะตามกรรมของตนทันที มันร้องโหยหวน สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป หลังจากชาวนาตักดินไปถูกหลังลา มันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจในที่สุดเจ้าลาก็สามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้
สวัสดีค่ะ พี่ปรีดา (^_^)
หายไป มิย 51
ตอนนี้ 53 แล้วจ้า..น้องสาวสบายดีไหมเอ่ย..
ยังคิดถึงอยู่นะ