ซำเหนือเมื่อหน้าหนาว(๒)


ระบบเศรษฐกิจของลาวยังเป็นระบบเศรษฐกิจการเกษตรแบบเลี้ยงดูตนเอง

ซำเหนือเมื่อหน้าหนาว(๒)

อาศัยนโยบายอันบรรเจิดของรัฐบาลที่ท่านจะให้เมืองเจียงใหม่ของข้อยเป็นศูนย์การบินนานาชาติ  ทำให้บริษัทการบินไทยมหาชนจำกัดเปิดเส้นทางบินเชียงใหม่หลวงพระบางขึ้น  ขอถือโอกาสลองการบริการหน่อยเถอะ  เครื่องค่อนข้างเล็กแต่เดินทางไปนานเพียงชั่วโมงกับสิบนาทีก็ถึงเมืองหลวงพระบาง  หรือเมืองเชียงทอง หรือเมืองซว่า  ไม่ได้ไปเบิ่งหลายปีดีดัก  คงจะเปลี่ยนแปลงไปหลายอยู่  แต่เที่ยวนี้คงไม่มีโอกาสสำรวจและเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบันตามประสานักเรียนประวัติศาสตร์  สหายจากเมืองหลวงน้ำทาประกอบด้วยคุณบุญส่ง  เจ้าของธุรกิจค้าขายเครื่องเขียนและโรงงานน้ำดื่มจำปาขาว  คุณบุญเชื้อหรือบุนเจ้อเจ้าของร้านอะไหล่ที่ทุกคนในเมืองหลวงน้ำทารู้จักเพราะอัธยาศัยที่เป็นกันเอง  พูดจาสนุกสนานและคุณอำนวยเจ้าของร้านขายเครื่องก่อสร้างอยู่ใกล้ตลาดสดเมืองหลวงน้ำทา  ยืนรออยู่ที่บ่อนบินเมืองหลวงพระบาง  หลังจากตรวจหนังสือเดินทางก็พากันออกเดินทาง  กระเป๋าเดินทางถูกคลุมไว้ด้วยผ้าใบอย่างหนากันฝุ่น  มีตาข่ายคลุมผูกเชือกแน่นหนากันปลิวหายไปยามเดินทาง

              สหายทั้งสามคนเป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจกันมานาน  ถึงพูดจาเข้าอกเข้าใจกันดีและมีการแบ่งงานกันทำอย่างดี  คุณบุญส่งขับรถ  เปิดเพลงลาวสนุกสนานตลอดทาง  คุณบุญเชื้อร้องตามตบมือตบขาเข้าจังหวะแก้ง่วงให้  ในขณะที่คุณอำนวยนั่งอมยิ้มฟัง  ไปถึงตอนเที่ยงต้องหาข้าวกินกันก่อน  สหายเลือกร้านริมน้ำคาน ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านเมืองหลวงพระบางลงแม่น้ำโขง  วิวสวย ลมเย็นพัดโชยระรวยระรื่น  แถมมีลูกค้ากลุ่มใหญ่นั่งอยู่ก่อนแล้ว  ต้องอร่อยซิหนา มีคนร้องเพลงให้ฟังอีกต่างหาก  ฟังแล้วก็รู้ว่าอ้ายน้องชาติก่อนต้องเป็นนักร้องแน่ๆ  โอ้ว่า อนิจจา ปรากฎว่าร้านนี้ข้าเจ้าเป็นร้านบันเทิง  คือ มีคาราโอเกะให้ร้อง  ไม่ได้เน้นอาหารกลางวัน  เลยต้องหามาทำให้กินเท่าที่จะหาได้  มีปลาทอดมาให้กินสองสามตัวเล็กๆ  ผัดผักและแกงอีกชาม  แต่กว่าจะได้กินเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง คุณบุญเจ้อเดินเข้าเดินออก จงกรมจนกลายเป็นจงเหลี่ยมไปแล้วก็ยังไม่ได้กิน แต่ในที่สุดก็ได้กินจนได้แต่ทำให้การเดินทางล่าช้า  จากเมืองหลวงพระบางสหายกะว่าจะผ่านเมืองงอยไปเมืองเชียงคำ  แล้วเข้าเขตแขวงหัวพันอันมีเมืองซำเหนือเป็นเมืองหลักโดยผ่านเมืองเชียงทอง  ปรากฎว่าเบิ่งนาฬิกาได้ห้าโมงกว่า  หน้าหนาวก็ดูครึ้มแล้วละ  ผ่านหมู่บ้านข้างทางไปหลายหมู่  โปรดรับทราบว่าที่เมืองลาวจะมีไฟฟ้าเฉพาะในเมืองหรือหมู่บ้านค่อนข้างใหญ่  จะพักจะนอนที่ไหนก็ต้องไตร่ตรองให้ดี มิฉะนั้นอาจจะไปสร้างความลำบากให้ตนเองและผู้อื่นได้ สหายเลยตัดสินใจแวะดูเรือนพักที่เมืองงอย  เพราะระยะไปถึงเมืองเชียงทองนั้นสามร้อยกว่ากิโลเมตร  และที่สำคัญเชียงทองไม่มีไฟฟ้า

              เรือนพักไพบูลย์เป็นเรือนพักจริงๆ  คือ เป็นเรือนที่แบ่งเป็นห้องให้พัก  มิได้มีลักษณะอันใดที่จะบ่งแสดงว่าเป็นโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์อาชีพเลย  ห้องน้ำอยู่ด้านหลังจ้า  น้ำอุ่นบ่มี  ทำใจให้อุ่นเองก็แล้วกัน  คุณบุญส่งจัดการให้ได้ห้องกันแล้ว  ก็ตัดใจอาบน้ำอาบท่าประมาณสองสามขัน เพราะนิสัยคนไทยวนไม่อาบน้ำไม่ได้ หนาวอย่างไรก็ต้องอาบ(นิดหน่อยก็ยังดี)  แต่งกายรัดกุมรับความหนาวแล้วก็ออกไปซิคะ  ไปดูว่าเขามีอะไรให้กินเป็นอาหารเย็นมื้อแรกของเมืองลาว  คุณบุญเจ้อไปควบคุมการปรุงอาหารอยู่ในครัวอีกแล้ว  เธอคงหิวเอาการอยู่  ภายหลังเธอได้สารภาพว่าเมื่อความหิวมาเยือน  เธอจะมีอาการใจสั่นกระวนกระวาย  อยู่ไหนทำอะไรไม่ได้  ต้องกินลูกเดียว  ก่อนแล้วค่อยกินต่ออีกหลายลูก  เนื่องจากได้ปลาจากตลาดมาตัวใหญ่พอสมควร  คุณบุญเจ้อซึ่งได้ตั้งทฤษฎีไว้เอา  ปลาย่างต้องย่างเอง คนอื่นย่างบ่แซ่บ ก็ทำท่าใจเย็นย่างปลาชิ้นอ้วนอยู่บนแตะย่าง  กลิ่นหอมเตะจมูกอย่าบอกใครเธอบอกว่าย่างเก็บไว้กินมื้ออื่น  เราก็ว่ามื้ออื่นไหนอีก เธอก็ว่ามื้ออื่น  จนภายหลังก็เรียนรู้ว่า มื้ออื่นของสหายลาวหมายถึงวันพรุ่งนี้ค่ะ  อาหารเย็นในบรรยากาศที่เย็นยะเยือก คือ ต้มส้มปลาที่แซ่บเอาการ  ผัดผักและแจ่วพริกกับข้าวเจ้าที่หุงด้วยหม้อไฟฟ้าจากเมืองไทยเราเอง  เข้านอนแต่หัวค่ำเพราะไม่มีอะไรจะทำ  แม้จะมีรายการโทรทัศน์จากประเทศไทยมาหลอกหลอนถึงเมืองลาว  แต่ก็ยังทำใจดูละครน้ำเน่ากับพี่น้องลาวบ่ได้

              นอนหลับได้ดีทีเดียวเพราะถุงนอนคู่ชีพ  ตื่นแต่เช้าตามประสาผู้อาวุโส  อาจจะเพราะตื่นเต้นกับการเดินทาง  คุณบุญส่งบอกว่าต้องออกแต่เช้าเพราะระยะทางไกลมากกว่าจะถึงซำเหนือ  ลากสัมภาระออกจากห้องมาให้สหายจัดขึ้นรถคลุมผ้าเหมือนเดิม  กล่าวอำลาเจ้าของเรือนพักไพบูลย์พร้อมกับบอกว่าวันหลังจะมาอีกนะเมืองงอย นั่งรถไปจนเจ็ดโมงกว่าๆมาถึงบ้านเวียงคำสุดเขตแขวงหลวงพระบาง  แวะลงกินเฝอร้อนๆกับผักสด  อร่อยใช้ได้  ยังมีปลาย่างกับข้าวเหนียวและแจ่วพริกของคุณบุญส่งซึ่งก็เป็นพริกป่นผสมกับเกลือ  ทำให้อาหารมีรสชาติอีกเยอะ คนไทยคนลาวขาดพริกคงเหมือนจะขาดใจ  ไม่เชื่อลงไปกินอาหารจีนในเมืองจีนอยู่สักสามวันจะรู้สึกถึงความแตกต่างของเผ็ดแบบจีนกับเผ็ดแบบไทย  อาหารเผ็ดของจีนยังไงๆก็ไม่เหมือนอาหารไทย กลับจากเมืองจีนเมื่อไหร่ต้องเผ่นไปร้านก๋วยเตี๋ยว  ขอสักชามเถอะ ก่อนที่จะลงแดงตาย  ชาวบ้านเมืองเวียงคำนั่งไฟเป็นกลุ่มๆอย่างสบายๆ ท่าทางไม่เร่งรีบอะไร  ทำให้นึกถึงบ้านเราที่เช้าอย่างนี้แต่ละคนต้องกระวีกระวาดไปทำงาน ไปส่งลูก และไปทำธุระอะไรสักอย่างแล้วล่ะ  จะมานั่งสำออยข้างกองไฟอย่างนี้ ทำไม่เป็นกันแล้ว  ชีวิตมันรีบจนหัวซุกหัวซุนจนเคยตัว  ระบบเศรษฐกิจของลาวยังเป็นระบบเศรษฐกิจการเกษตรแบบเลี้ยงดูตนเอง  ทุนนิยมเข้าถึงเฉพาะเมืองใหญ่  การผลิตเพื่อขายก็ยังไม่มากนัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท้องถิ่นที่เข้าถึงยากและท่องเที่ยวยังไม่ลุกลามไปถึง  ชาวบ้านทั้งผู้หญิงและเด็กจึงยังมีเวลาและมีแก่ใจนั่งผิงไฟ  คุยกันกระหนุงกระหนิง  เมื่อมีหญิงชราแปลกหน้าแถเข้ามาหาแถมยังพูดภาษาที่พยายามจะให้เป็นลาวอีก สายตาจึงบอกว่าน่าสนใจแฮะ  รอยยิ้มปรากฎขึ้นขยับให้นั่งใกล้ๆไฟอย่างมีน้ำใจ  จะได้หายหนาวน่ะ  แต่เมื่อป้าขอถ่ายรูปหน่อยนะ  ก็หลบให้วูบวาบเชียว  ผู้หญิงคนหนึ่งเอาข้าวปั้นมาจี่  เป็นข้าวเหนียวนึ่งสุกใหม่ๆปั้นเป็นก้อนเสียบไม้โดนไฟร้อนก็พองตัว เกรียมไฟนิดๆเป็นสีเหลืองทอง หอมน่ากิน  เธอบิส่วนที่กรอบพองให้ชิม  แล้วค่อยๆจี่ส่วนที่เหลืออย่างใจเย็น  ขอบใจหลายเด้อพี่น้อง  ช่างมีน้ำใจจริงๆ

หมายเลขบันทึก: 200627เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2008 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วอยากไป สปป.ลาวบ้างจังครับ นึกถึง นิยายเรื่อง "ตามลมปลิว ของ ว. วินิจฉัยกุล"   นางเอกเดินทางไปเมือง หลวงพะบาง ประเทศลาว

ปล.ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่อง ลำน้ำเซ ไว้ ที่ลิงค์
http://gotoknow.org/blog/kelvin/177659 นี้นะครับ ถ้าอาจารย์แม่ (ขออนุญาตเรียกอาจารย์แม่ นะครับ เพราะอาจารย์หน้าเหมือนคุณแม่ผมมากๆ) แวะเข้าไปอ่านได้นะครับ

  • ธุ อาจารย์เจ้า..

อยากดูภาพประกอบจังค่ะ ^^   จะได้นึกภาพการเดินทางของอาจารย์ตามไปด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท