"ครู" ว่าจ้างคนอื่นทำผลงานวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะของตัวเอง ... ถูกต้องใช่ไหม ?


ครู ... ผู้สอนศิษย์ว่า ต้องเป็นคนดี ไม่คดโกงใคร ... ถ่มน้ำลายรดฟ้า โดนหน้าตัวเอง น่าละอายใจจริง

ช่วงนี้การงานอื้ออึง ... ภารกิจมากมาย ... เรื่องที่ต้องคิดยังมีอีกมาก ทำให้ต้องห่างร้างไกลจากการเขียนบันทึกสักเรื่อง

บังเอิญมีประเด็นทางด้านจรรยาบรรณทางการศึกษาเกิดขึ้น เลยต้องนำมาเขียนเล่าให้ฟังตรงนี้ไว้หน่อย

 

วันหนึ่ง ลูกศิษย์ที่เปิดร้านถ่ายเอกสารอยู่ได้โทรเข้ามาว่า ...

"อาจารย์ขา มี ครู เขามาจ้างหนูทำวิจัยเป็นผลงานวิชาการ เพื่อนำไปประกอบการขอวิทยฐานะให้สูงขึ้น ... ครูเขาจะทำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ที่เป็นวิจัยเชิงพัฒนานวัตกรรม ... อาจารย์พอแนะนำลูกศิษย์ที่ทำเป็น ทำให้ได้หรือไม่ค่ะ"

"อืมม มี ๆ เดี๋ยวครูจะโทรไปบอกลูกศิษย์ให้นะ ให้เขาโทรไปขอรายละเอียดที่ร้านของเรา"

"อาจารย์ขา แต่ ครู เขามาจ้างให้หนูทำให้เขาทั้งเล่มเลยนะค่ะ ตั้งแต่บทที่ 1 - บทที่ 5 รวมทั้งนวัตกรรมด้วย ... หนูอยากจะเข้ามาขอคำปรึกษาอาจารย์ได้หรือไม่ค่ะ"

 

ผมอึ้งไปสักพัก แล้วตอบกลับไปว่า ...

"เธอฟังครูให้ดี ๆ นะ การที่เธอรับจ้างครูคนนั้นมาทำทั้งหมด มันก็ไม่ใช่ผลงานทางวิชาการของครูคนนั้นสิ แต่เป็นของเธอเอง แล้วมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่า ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ทำงานวิชาการแบบนี้"

"แต่อาจารย์ขา ... ครูคนนั้น ทำอะไรไม่เป็นเลยค่ะ เขียนก็ไม่เป็น ค้นหาก็บอกไม่มีเวลา เรียกว่า ทำวิจัยไม่ได้เลย จึงมาจ้างหนูทำ คือ ได้แต่คิดว่าจะทำอะไร เสร็จแล้วเอามาว่าจ้างทำทั้งเล่มเลย หนูก็พยายามแนะนำเขาแล้วว่าไม่ดี หรือแนะนำว่า ให้ครูเขาลองทำตัววิจัยให้เสร็จด้วยตัวเองก่อน แล้วเดี๋ยวหนูรับพิมพ์ให้ แต่ครูคนนั้นก็บอกว่า ไม่ค่อยมีเวลา (ขี้เกียจนั่นแหละ) เลยมาปรึกษาหนูก่อน หนูเลยมาปรึกษาอาจารย์อีกที"

"งั้นครูก็ไม่เห็นด้วยนะครับในสิ่งที่เธอกำลังทำให้ครูคนนั้น ครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อระบบการศึกษาของชาติ ทำวิจัยแบบไร้จรรยาบรรณอย่างนี้ ถ้าเขาเกิดสอบสวนขึ้น เธอจะต้องตกเป็นจำเลยด้วยนะ"

"งั้นเดี๋ยวหนูจะลองคุยกับครูคนนั้นก่อน แล้วดูว่าหนูพอช่วยอะไรได้บ้าง ที่มันไม่ทำให้หนูต้องทำผิดกับเขาไปด้วย"

 

ผ่านไปอีกสัก 3 เดือน ... กริ๊ง กริ๊ง

"อาจารย์ขา ... ครูเขาอยากให้อาจารย์ช่วยเป็นที่ปรึกษาผลงานวิจัยของเขาหน่อย อาจารย์ว่างไหมค่ะ หนูต้องทำอย่างไรบ้าง เข้าไปหาอาจารย์เลยดีไหม"

"อาจารย์ที่ปรึกษาหรือ ? ... แล้วเขาทำไปถึงไหนแล้วล่ะ"

"เสร็จไปถึงบทที่ 5 แล้วค่ะ เขามีหัวหน้าฝ่ายวิชาการเป็นที่ปรึกษาแล้วหนึ่งคน ทางโน้นบอกว่า ต้องมีอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษาอีกหนึ่งคน หนูเลยคิดถึงอาจารย์"

"อ้าว ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะ ปกติ ถ้าต้องการให้เป็นที่ปรึกษาจริง ๆ มันต้องขอตั้งแต่เริ่มต้น พัฒนานวัตกรรม ทดลอง แล้วมาสรุป แต่นี่อะไร ไม่ได้ทำอะไรเลย จะขอเอาชื่อไปแปะ คุณภาพเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ มั่ว ๆ ทำมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จะเอาชื่อครูไปใช้เนี่ยนะ สงสัยจะลำบากสักหน่อยแล้วล่ะ หาอาจารย์รับยากแน่นอน"

คุยกันสักพัก ก็เห็นว่าจะเขามาถามใหม่ หาอาจารย์มหาวิทยาลัยคนต่อ ๆ ไป ที่ยอมรับ

แต่ผม .. ยังไงก็ไม่ขอยอมรับกระบวนการและวิธีคิดแบบนี้โดยเด็ดขาด

 

นี่นะหรือ ... วิธีคิดของครูคนหนึ่งที่อยากมีวิทยฐานะสูง ๆ แต่ผลงานวิชาการที่ออกมา ไม่มีจรรยาบรรณและขาดความรับผิดชอบอย่างมาก

 

ครู ... ผู้สอนศิษย์ว่า ต้องเป็นคนดี ไม่คดโกงใคร ... ถ่มน้ำลายรดฟ้า โดนหน้าตัวเอง น่าละอายใจจริง

 

ตัวอย่างแบบนี้เราคงเคยได้ยินมามากต่อมาก หลายคนสนใจ หลายคนปล่อยให้มันผ่านไป โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับคนที่มีชื่อว่า "ครู"

 

คิดอย่างไรกันบ้างครับ ?

 

บุญรักษา ครูที่ดี ครับ :)

 

ป.ล. กรณีศึกษานี้เฉพาะ "ครู" บางคนเท่านั้น ยังมี "ครู" ดีอีกมากมายในประเทศนี้

หมายเลขบันทึก: 202697เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2008 16:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)

เชื่อไหมครับ ว่ากรณีนี้ ผมเจอบ่อยมากมีทั้ง คุณครู ทั้งข้าราชการที่เลื่อนระดับ(บางคน) นศ.ปริญญาโท (บางคน)และนักศึกษาปริญญาเอก (บางคน)ส่วนใหญ่ก็เสนอเงินให้จำนวนไม่น้อย ...

นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และเศร้าไปกว่านั้นที่มีผู้รับงานลักษณะนี้เป็นล่ำเป็นสัน เรียกว่า รวยกันเลยครับ

มีทั้งคุณครู ทั้งข้าราชการที่เลื่อนระดับ นศ.ปริญญาโท และนักศึกษาปริญญาเอก

ขอบคุณครับคุณครู

 

สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

เชื่อครับผม ... และยิ่งไปกว่านั้น มีผู้ประกอบอาชีพเป็นมือปืนรับจ้างทำผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย ที่เรียกว่า นักวิจัยในมุมมืด

รับผลประโยชน์เป็นค่าจ้าง หากแต่จรรยาบรรณได้ใช้เท้าลบทิ้งไปนานแล้ว

และ "รวย" ขึ้น มีฐานะขึ้นจริง ๆ ด้วย

หากแต่ผมคิดว่า ผมยังคงเชื่อเรื่อง "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง" อยู่ครับ

"เงินร้อน" อยู่กับเราไม่นานครับ

"ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"

ขอบคุณมากครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

แล้วเราจะทำอย่างไร ที่จะแก้ปัญหา เพื่อให้ครูที่ปฏิบัติการสอนให้เด็กจริงๆ ได้มีวิทยฐานะ ด้วยความภูมิใจโดยผลที่ได้ต้องเกิดกับ เด็กจริงๆ ล่ะคะ

เพราะประเมิน แต่ละครั้ง ก็ไม่พ้นต้องทำ เอกสาร มากมาย แถม มีการให้ทำวิจัย 5 บท วิจัยนี้ต้องให้ถูกต้อง ตามหลักการทำวิจัยทุกอย่าง (ครูหลายๆท่าน อาจต้องใช้เวลาศึกษา บางคนยังทำไม่เป็นซึ่งตัวดิฉันอยู่ในข้อนี้ )

ที่น่าสงสารที่สุดคือ เด็กนักเรียน ครูทำนวตกรรม เพื่อ ส่งรับการประเมิน

แต่ไม่ได้ทำนวตกรรม เพื่อ พัฒนาเด็ก

ครูบางคน สอนเก่ง ขยันสอน ไม่มีเวลา เขียนเอกสาร ที่ต้องอ้างอิง หลักวิชาการมากมาย

บางคนไม่ค่อยสอน แต่มีผลงานวิจัย มีผลการทลองเลิศหรู และได้ผ่านวิทยฐานะ

และ..ที่เป็นแบบที่อาจารย์เขียน ก็มี ......

....เราจะแก้ไขอย่างไร.....

ส่วนตัวไม่ได้ทำ เพราะไม่สามารถ ไม่ชอบการประเมินแบบอิงเอกสารแบบนี้ (เป็นประเภท ไม่รู้จักพัฒนามั้งคะ... อิอิอิ)

แต่...ขอชื่นชมครูดีๆ เก่งๆ ที่ผ่านวิทยฐานะด้วยความสามารถ และ มีการประเมินผลจริงๆ กับเด็ก ยินดีด้วยจ้า

สวัสดีครับ คุณครู tiya  :)

ยินดีที่คนอยู่ในวงการ "ครู" ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ครับ

อีกทั้ง ครูยังมีความกล้าหาญมากพอที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน

ผมเองก็คิดจนหัวแตกไปเหมือนกัน ทำให้พบว่า "ระบบ" ที่ถูกวางโดย "วิธีคิด" อันมาจากหอคอยงาช้าง และเลียนแบบวัฒนธรรมต่างประเทศ ของผู้บริหารระดับสูง ช่างไม่เหมาะสมกับบ้านเรา ครูของเราเลย

ยิ่งได้ข่าวจากอดีตเลขาฯ คุรุสภา ว่า ระบบการทำผลงานวิชาการกำลังจะเปลี่ยนไปอีกรอบหลังตุลาคมนี้ โดยมีการเน้นไปที่ OUTPUT เป็นหลักในการพิจารณา

ถ้า OUTPUT ดี เก่ง ครูคนนั้นก็ย่อมได้รับความดีความชอบไปด้วย

อันนี้เป็นแนวคิด แต่หลักปฏิบัติ ไม่ทราบแน่ชัดครับ

แต่ที่แน่ ๆ ... การว่าจ้างทำผลงานวิชาการที่เป็นงานวิจัย ผมไม่ยินดีด้วยแน่นอน อันเนื่องจากการขาดความรับผิดชอบต่อจรรยาบรรณของคนที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สอนเด็กตาดำ ๆ อย่างยิ่ง

ถ้าทำไม่เป็น ควรแสวงวิธีที่เพิ่มศักยภาพตัวเองในด้านนี้ โดยที่การสอนลูกศิษย์ต้องภาระงานหลัก ครับ

ก็คิดไปเรื่อยครับครู ... ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ

และอยากให้กำลังใจแด่ "ครูดี" ครับ

<P><FONT color=#0000ff>น่าเศร้าใจกับระบบการประเมินเลื่อนขั้นเลื่อนระดับของเรานะคะ ที่ก่อให้เกิดความไม่ถูกต้องลักษณะนี้ ถ้าระบบไม่เปลี่ยนเราก็จะเจอคนท้อใจ คนขี้โกง คนเห็นแก่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เขามาถามว่าเรียนอะไรถึงได้เป็นคนคุมกระทรวงศึกษาฯ เขาอยากรื้อระบบการเรียนการสอนของไทยค่ะ เขาบอกว่าคุณครูเราสอนในเด็กคิดไม่ค่อยเป็น เด็กไทยไม่ชอบคิด ชอบจำสูตรมากกว่า จำเพื่อสอบ เรียนเพื่อสอบให้ได้ขั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เรียนเพราะอยากรู้ </FONT></P>
<P><FONT color=#0000ff>ฟังแล้วก็เห็นด้วยกับลูกไปหมด อยากให้เด็กรุ่นใหม่ๆคิดแบบนี้กันเยอะๆนะคะ</FONT> </P>

สวัสดีค่ะอาจารย์วสวัต ดีมาร

ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้วค่ะ ว่ามีการจ้าง มีการอบรมเพื่อเลื่อนวิทยาฐานะ เมื่อสงสัยก็ถามๆคนในวงการนั้นเขาก็พูดในทำนองว่า เป็นเรื่องปกติ ทำได้ แต่ก็ยัง งงๆๆ กับการจ้างคนอื่นทำ แล้วเอาสิ่งที่จ้างมาเป็นผลงานของตัวเอง เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ... ฟังแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ เพราะคิดว่า ระบบนี้เขาน่าจะวางไว้เพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเอง และเมื่อพัฒนาแล้วก็จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าในอาชีพต่อไป

เมื่อข้างบนบอกมาว่าจะปรับรูปแบบใหม่ในการประเมิน อาจารย์ทราบมั้ยค่ะ ปรากฎว่ามีคุณครูส่งผลงานกันมากมาย จนให้ผู้ประเมินไม่พอ และไม่ทัน และเชื่อมั้ยค่ะ หากผู้ประเมินไม่ให้ผ่าน ก็จะมีการสอบสวนผู้ประเมิน...

แต่ก็มีคุณครู คุณภาพบางท่านทำเอง ก็ก่อให้เกิดความเตรียดจนเสียชีวิต ดูได้จากบันทึกต่อไปนี้นะคะ

พิษร้ายของอาจารย์ 3... (1)

พิษร้ายของอาจารย์ 3... (2)

 

สวัสดีครับ คุณ โอ๋-อโณ :)

ระบบการศึกษา ระบบความคิด และบุคลากรที่ฝังรากลึกอยู่วงการการศึกษา หากมี Super Man สักคนมาช่วยก็น่าจะดี

แต่การศึกษาเป็นคนไทยทุกคน คงต้องช่วยกันทุกฝ่ายครับ

ขอบคุณมาก ๆ ครับ รู้สึกดีที่มีคนสนใจปัญหานี้เช่นกันครับ

สวัสดีครับ อาจารย์แป๋ว paew :)

ยินดีที่อาจารย์ได้เข้าแสดงความคิดเห็นครับ

การทำ "ผลงานวิชาการ" ก็เป็นการใช้ "วิธีวิจัย" เข้ามาจับกระบวนการทั้งหมด

แนวคิดที่ว่า การให้ "วิทยฐานะครู" สำหรับครูที่พัฒนาตนเองนั้น ดูมาตรฐานแล้วเป็นเรื่องตลกร้าย ถึงแม้วัตถุประสงค์หลัก ก็คือ ครูพัฒนาตน กับ ช่วยค่าครองชีพครู

เรียกง่าย ๆ ว่า เอาเงินเป็นตัวตั้ง หน้าตาทางสังคมเป็นตัวรอง

ระบบแบบนี้ทำให้ครูจำเป็นต้องลืม "นักเรียน" ของตนไปตลอดปี เพื่อผ่านการประเมินแบบนี้

เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะโทษครูก็ไม่ได้ทั้งหมด หากแต่ "ระบบ" สร้างคน สร้างครูให้เป็นแบบนี้ ครับ

"ระบบ" ก็จะลามไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์อีกทั่วประเทศ เพราะต้องเอาชื่อคนตรวจเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สร้างความน่าเชื่อถือ

อาจารย์บางคนก็ขายวิชาชีพตัวเอง โดยเซ็นผ่าน แต่ไม่ได้ตรวจ เอาแต่ค่าตรวจ ก็มีเยอะแยะ ครับ

ขอบคุณอาจารย์มากครับ น่าเศร้าใจจริง ๆ ด้วยครับ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ขอร่วมวงพูดด้วยค่ะ  เรื่องนี้เต็งทีเดียวกับชีวิตครูอ้อย  ทั้งสถานะที่เป็นครูผู้สอนที่กำลังเลื่อนวิทยฐานะ  ทั้งเป็นที่ปรึกษาการทำผลงาน  และเอ้อ...เอ่ยไม่ได้
  • น่าสงสาร  มากกว่า  ที่จะประณามว่ากล่าวกันค่ะ   หลายท่านที่มาปรึกษาครูอ้อย  ทั้งทางเมล์.....ขอรายงานวิจัย 5 บทค่ะ
  • ทั้งในบล็อก.....ขอความกรุณาส่งรายงานวิจัยมาให้
  • โทรศัพท์มา....ทำผลงานเรื่องอะไรดี
  • มาดูที่ต้นเหตุ  ก็คือ พ.ร.บ.  การพัฒนาตนเอง  สังคมรอบข้างเป็นแรงผลักดัน  เร่งรัด  ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ 
  • ซึ่งบางท่าน  ไม่ได้คิดถึง  เงินวิทยฐานะเลย...โต๊ด หรือเต็ง ไม่รู้สิคะ

เพียงเท่านี้ก่อน....ครู มากค่ะที่นี่ 

สวัสดีครับ พี่ ครูอ้อย แซ่เฮ :)

"ระบบ" ยังคงทำหน้าที่ "บีบ" อยู่ไม่เปลี่ยนแปลงครับ

มีท่านผู้รู้บอกว่า "พฤติกรรมของคนในองค์กร เป็นผลมาจาก ระบบขององค์กรที่ถูกวางไว้"

วิทยฐานะ คือ ที่มาของค่าครองชีพ มาพร้อมกับ เกียรติยศในตัว ครับ เรื่องนี้ต้องยอมรับครับ

ปัญหาอยู่ที่ "วิธีคิด" ของแต่ละคนเองครับว่า สิ่งใดคือสิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม สิ่งใดคือ สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ดีงาม หากคิดได้ดังนั้นแล้ว จึงทราบว่า ตนเองจะปฏิบัติอย่างไรได้บ้าง ครับ

การเลือกเส้นทางผิด ดั่งเช่น การว่าจ้างนั้น อย่างไรก็ "ผู้ว่าจ้าง" ย่อมหนีความรับผิดชอบมิได้ ซึ่งอาจจะเป็นผลจาก "ระบบ" และ "วิธีคิด" ก็ตาม ครับ

"รู้จักตนเอง ก่อน รู้จักคนอื่น" จึงจะทำให้งานออกมาได้ราบรื่นที่สุด ครับ ไม่ออกนอกทาง

ขอบคุณครับ พี่ ครูอ้อย แซ่เฮ :)

โห!!!นี่หรือคนที่เรียกตัวเองว่า"ครู" "อาจารย์"

ในเมื่อตัวเองเป็นคนดีวื่อสัตยืไม่ได้

แล้วไปสอนเด็กแล้วใครจะเชื่อ

ทำไมจรรยาบรรณความเป็นครูหายหมด

ฟังอย่างนี้แล้วเยาวชนอย่งหนูเศร้าใจจริงๆค่ะ

ถ้าหากหนุเป้นครูหนุจะต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง

และเพื่อให้เด็กที่เป็นลูกสิษยืได้ภาคภูมิใจกับความสามารถของครูพวกเขา

สวัสดีครับ ว่าที่คุณครู  toisang 

ดีใจครับที่เรากำลังมี "อนาคตครู" เป็นกำลังต่อไป

ขอให้กำลังใจในการเป็น "ครูที่ดี" นะครับ

ขอบคุณครับ :)

   สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn

  • ได้อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจแทนครูที่จ้างคนอื่นทำผลงานจังค่ะ ถ้ายังไม่พร้อมจริงๆก็ยังไม่ต้องทำ ซื้อความคิดคนอื่นถึงได้มาก็ไม่น่าภาคภูมิใจ
  • ได้อ่านเรื่องครูที่จบชีวิตเพราะเครียดหนักจากการทำผลงานเลื่อนวิทยฐานะแล้วยิ่งเศร้ากว่าค่ะ เสียดายครูดีๆ ที่ทำงานจริงจังจนทนกับระบบที่ต้องสู้กันด้วยเอกสารท่วมหัวไม่ไหว
  • เคยถามครูที่ย้ายจากขุนยวมไปลำปาง ได้ไปอยู่ร.ร.รางวัลพระราชทานด้วย (ซึ่งรางวัลนี้ได้ยากมาก ที่ร.ร.ก็ยังไม่ผ่านค่ะ ได้แต่รางวัลนักเรียนพระราชทาน เพราะถ้าเป็นประเมินร.ร.ดูหมดต้องยอดเยี่ยมแบบถาวร ทั้งครู นักเรียน และร.ร.พร้อมสรรพ ปลูกผักชีไม่ได้ คณะประเมินจะแอบปลอมตัวมาไม่ให้รู้ตัวเหมือนในหนังเลย อิอิ แล้วก็จะทำทีไปถามข้อมูลต่างๆจากชุมชน) ก็ถามว่าพี่จะทำผลงานมั้ย เพราะเป็นคนเก่ง สอนเก่ง ทำงานเนี้ยบเป็นระเบียบ มีการวางแผน และขยันมาก เค้าตอบว่า ..ไม่ทำกลัวความดันขึ้น ใช้เวลาอยู่กับแม่ดีกว่า.........จริงๆถ้าทำโอกาสผ่านมีสูง...แต่ความสุขอยู่ที่ความพอใจในวิถีทางที่เลือกแล้วว่าดีเหมาะสมค่ะ
  • ไม่ชอบวิธีประเมินแบบนี้ค่ะ อาจารย์พอจะลองคิดเล่นๆ หาวิธีอื่นๆ มาเป็นเกณฑ์ดูมั้ยคะ อาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่    เอาแบบไม่เครียด ไม่มีคนคิดสั้นลาโลกก่อนได้ส่งผลงานเหมือนที่ผ่านๆมาอีก...
  • ดูแลรักษาสุขภาพนะคะ  ขอบคุณค่ะ   

สวัสดีครับ อาจารย์  Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์ :)

ความคิดเห็นของอาจารย์ ถือเป็น "ตัวแทนครู" ที่สะท้อนความเป็นไปของ "ระบบ" ให้ผมได้มีโอกาสรับทราบครับ

ชอบใจ "วิธีคิด" ของคุณครูท่านนั้นมากเลย ที่เลือก "ความสุข" มากกว่า "หลุมพราง" ที่ "ระบบ" ที่ถูกคิดโดยบุคคลระดับสูง โดยไม่แน่ใจเหมือนกัน ได้เดินลงจาก "หอคอยงาช้าง" มาเดินลงรับฟังความรู้สึกของ "ครู" ดี ๆ เหล่านี้หรือไม่

วิธีคิด โดยนำ "เงิน" มาล่อใจนั้น เป็นวิธีคิดของนักธุรกิจ ที่ชอบใช้ระบบ CEO นั่นแหละครับอาจารย์

"เงิน" ซื้อคนดีไม่ได้ครับ

เรื่อง "ระบบ" ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผมได้ยินเรื่องราวจากทางคุรุสภาว่า

ปัญหาในปัจจุบัน ครูทำผลงานวิชาการเพื่อขอวิทยฐานะ แต่ผลงานวิชาการไม่ลงไปที่เด็ก หรือ นักเรียนของตัวเองเลย

ครูเจริญขึ้น เด็กฉลาดน้อยลงไปเรื่อย ๆ

ทางคุรุสภาจึงมีความคิดว่า "ครูที่ขอวิทยฐานะได้ เด็กต้องได้รับการบูรณาการจากผลงานของครูด้วย มิฉะนั้น จะไม่พิจารณาวิทยฐานะต่อ ๆ ไป ครับ"

สงสัย "วงการครู" ต้องเปลี่ยน "วิธีคิด" และ "ประเพณีปฏิบัติ" อีกครั้งแล้วล่ะครับ

หวังว่า "ฝนคงจะตกทั่วฟ้า" สักทีนะครับ

ครูมีคุณภาพมากขึ้น เด็กไทยก็ฉลาดขึ้น

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

ผมเคยได้ถูกเชิญไปเป็นกรรมการอ่านผลงาน อ.3 (reader) อยู่ครั้งหนึ่ง..เป็นรุ่นหลังรุ่นเชิงประจักษ์...ผมตรวจอย่าง"ตรงไปตรงมา"...พบข้อผิด เช่น ช่วงชั้นที่ 1 ไม่ควรมี คัตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ตัดกระดาษ...ขอให้เธอผู้ส่งผลงานกลับไปแก้ไข ...ผลก็คือ...ครูที่ดูแล้วจะไม่ผ่าน 2 ท่าน...ได้ใช้เส้นบารมีของพี่ชายที่ทำงานบริหารใน สำนักงานเขตพื้นที่ฯ ให้เปลี่ยนตัวกรรมการอ่านผลงานท่านนั้น ซึ่งก็คือผมเอง...แล้วผมก็ได้รับหนังสือขอยกเลิกการเป็นกรรมการของผม โดยไม่ได้ให้โอกาสผมชี้แจงเลย...แล้วเธอทั้ง 2 ก็ผ่าน...แล้วก็เที่ยวไปคุยกับหมู่เพื่อนครูว่า...ขนาดด๊อกเตอร์ในมหาวิทยาลัย กูยังปลดมาแล้ว...ผมได้อุตส่าห์แจกตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ให้ดัดแปลงแทบทั้งเล่ม...ก็ถูกเธอทั้ง 2 นำไปกล่าวเย้ยในที่ประชุมครูที่หนึ่งว่า เป็นแผนที่ไม่เป็นตาซิแตก(ภาษาท้องถิ่นอีสาน)...ทั้งๆที่ แผนฯของเธอ จ้างเขาทำ....เชื่อไหมว่า..เธอเป็น อ.3 ที่ หาค่า C.V. และ SD. หรือแม้แต่ การทำตารางแจกแจงความถี่ ก็ไม่เป็นเลย เพราะจ้างทั้งนั้น เพื่อนครูที่เป็นน้องๆผมมากมาย เพื่อน ๆ และผู้บังคับบัญชาของผมที่มหาวิทยาลัย แนะให้ผมทำบันทึกฯ...ผมขอบคุณ และตอบว่า ไม่....และจะไม่ยอม เจ็บ+เปลืองตัว เปลืองใจ ไปกับการเป็นกรรมการ หรือ วิทยากรรับเชิญ เช่น backward design, systemic design, วิจัยชุมชน, สถิติ, การทำwebกับhosting, การทำบล็อก, On-Farm trial, ฯลฯ...ให้กับพวกเธอฯ ๆ ๆ...อีกแล้ว......ชยพร แอคะรัจน์

เรียน ท่านอาจารย์ ชยพร แอคะรัจน์ :)

รู้สึกปลาบปลื้มใจครับ ที่อาจารย์ได้ให้เกียรติเข้ามาแลกเปลี่ยนประเด็นนี้

"ระบบ" ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

"คนไร้คุณภาพ" มีอยู่ทุกวงการน่ะครับ แล้วแต่ว่าจะหนัก หรือ จะเบา

จ้างเขาแล้วยังมีหน้ามาคุยอีกแบบนี้ มิสมควร คบหาสมาคมด้วยครับ

"กรรม" อาจารย์เชื่อไหมครับ สักวัน "ผลกรรม" จะวิ่งตามก้นเขาเอง

ขอบพระคุณอาจารย์มาก ๆ ครับ 

โอกาสหน้าต้องเชิญต่อครับ ชัดเจน แจ่มแจ้งมาก ๆ :)

ขอบคุณมาก ๆ ๆ นะครับ...ผมรู้สึก อบอุ่นขึ้นมาก ครับ...ชยพร แอคะรัจน์

ยินดีครับ อาจารย์  ชยพร แอคะรัจน์  ... โอกาสหน้าได้คุยกันอีกนะครับ :)

พูดถึงครูที่ชอบจ้างให้เข้าทำวิจัยให้แล้วดิฉันนึกถึงครูที่บ้านของดิฉันเป็นครูระดับประถมศึกษาแต่การสอนเด็กไม่ได้เรื่องเอกสารบางอย่างครูท่านนี้ต้องมาขอที่ ผดด.ทั้งที่ผดด.เป็นแค่ครูผู้ช่วยผู้ดูแลเด็กปฐมวัยแต่ ผดด.ทุกคนจะมีเอกสารประจำอยู่ที่ศูนย์อยู่แล้วดิฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้อ่านจากครูทุกท่านเขียนมาเล่าสู่กันฟัง เพราะเด็กที่จบจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไปจะมีพัฒนาการที่สมวัยแต่พอเข้าไปที่โรงเรียนที่มีครูแบบนี้ทำให้พัฒนาการของเด็กหยุดชะงักทันทีท่านว่าจริงหรือไม่

สวัสดีค่ะ

  • บันทึกฉบับนี้น่าจะถูกปั่นด้วยความคิดเห็นของคุณครูอยู่ทุกวันนะคะ  ให้อยู่เป็นปัจจุบันด้วยค่ะ
  • ดิฉันรู้สึกพอใจมากนะคะ  ขอขอบคุณท่านคว่ามเห็นที่ 19 ที่ทำให้ดิฉันมีโอกาสได้อ่าน
  • และทำอย่างไรคุณครูจึงจะได้อ่านกันคะ
  • ประสบการณ์ที่ดิฉันได้รับทราบทั้งทางตรงและทางอ้อม  เป็นเช่นเดียวกับบันทึกของอาจารย์และการแสดงความคิดเห็นของทุกท่าน
  • ปัญหา..เมื่อไรจะแก้ปัญหาได้ก็ไม่ทราบนะคะ
  • ดิฉันจะพยายามมาคุยด้วยบ่อย ๆ ค่ะ

ขอบคุณ คุณครูรัตน์ มากครับ ที่ได้แชร์ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน :)

หากคุณครูรัตน์มีเวลาว่าง ๆ ลองมาเป็นสมาชิกของชุมชนเสมือนแห่งนี้ดูนะครับ เราจะได้คุยกันเยอะแยะ :)

โดยเฉพาะในวงการศึกษาบ้านเรา ครับ

สวัสดีครับ คุณ ครูคิม :)

ปัญหานี้ ควรได้รับการปรับวิธีการขอวิทยฐานะด้วยผลงานทางวิชาการให้รัดกุม ปิดช่องโหว่ทุก ๆ ทางให้ดีกว่านี้ครับ หรืออาจจะมีบทลงโทษที่ทำให้ "ครู" ที่เห็นแก่ตัวมากเกินไป ได้รับบทเรียนสำคัญ ครับ

แค่หวังไว้เท่านั้นนะครับ

ผู้กุมนโยบายยืนอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่ทราบว่าอีกเมื่อไหร่จะลงมาดูปัญหาให้ถึงรากฐานของหอคอยบ้าง

"จิตสำนึก" ความเป็นคนดี ครูดี สอนกันยาก ทำได้ยาก ดังนั้น สิ่งใดที่ทำให้ได้มาแบบ "ง่าย" ที่สุด คงเลือกเส้นทางนั้น ครับ

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ :)

สวัสดีค่ะ

  • ควรอย่างยิ่งในการสร้างมาตรการติดตามผลด้วยค่ะ
  • ดิฉัน..รู้สึกอับอายและนับว่าสูญเสียหลาย ๆอย่างนะคะ
  • ครู คศ.3 /อาจารย์ 3 เทียบไม่ได้เลยกับความรู้ ความชำนาญของ ผศ.ในมหาวิทยาลัย
  • บางคนได้มาแล้ว  ถือว่าได้เงิน ทิ้งศักดิ์ศรี ไม่พัฒนาตนเองให้สมกับตำแหน่งทางวิชาการ
  • ที่บอกว่าจะลงโทษ..ก็เพียงแค่ได้ยินเท่านั้นค่ะ
  • ในตความเป็นจริง..คำว่าครูชำนาญการ..ก็น่าจะสูงสุดกับความภาคภูมิใจ แถมมีเงินเพิ่มอีกเดือนละ 3500 บาท
  • ถามว่า..หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสาระที่คุณสอนมีอะไรบ้าง..เขาตอบได้กันสักกี่คน ..ดิฉันก็ไม่อยากจะเรียนตรงนี้นะคะ
  • ดิฉันเริ่มเป็นอาจารย์ 3 ระดับ 7 ศึกษาค้นคว้าพัฒนาตนเองให้ได้มีคุณสมบัติครบถ้วนก่อน  จึงจะมาศึกษางานวิชาการ งานการเรียนการสอนทำนอกเวลาเสมอค่ะ
  • ใช้เวลาประมาณ 4 ปีในการจัดทำเอกสารงานวิชาการ แต่ก็ยังนับว่ามีความรู้น้อย  แต่ผลจากเด็กทำให้รู้วิธีการแก้ปัญหา หลังจากนั้นรีบมาดิ้นรนศึกษาเพิ่มเติมให้รู้เพิ่มขึ้น  โดยไม่หยุด
  • พูดแล้ว..มันก็ไม่จบง่าย ๆหรอกนะคะ
  • ดิฉันจะมาพูดด้วยบ่อย ๆค่ะ

ผมพบ "คุณครูในดวงใจ" แล้วล่ะครับ ตอนนี้ ...

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แอบบอกไว้ว่า "การศึกษาของประเทศไทย ต้องเป็นการศึกษาตลอดชีวิต" ครับ ... คำว่า การศึกษานั้นคงมิใช่หมายถึงแต่เพียงนักเรียน นักศึกษา แต่เพียงฝ่ายเดียวนะครับ หมายถึง ประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งหมายถึง "ครู" ผู้ทางรัฐได้เปิดโอกาสให้ครูได้มีการปรับปรุงตนเองทางวิชาการ นั่นก็เพื่อ "เด็กนักเรียน" ของตนเองจะได้พัฒนาตามศักยภาพของ "ครู" แล้วรัฐจักให้ครูมีค่าตอบแทนทุก ๆ เดือน ที่เรียกว่า "วิทยฐานะ" ครับ

การริบตำแหน่งคืน หรือ ลดขั้นกลับไปที่เดิม อาจจะมีคนกำลังคิดอยู่ก็ได้นะครับ แต่ทางปฏิบัติคงเหนื่อยหน่อยล่ะครับ

ครูดีจะทราบว่า ณ ลมหายใจปัจจุบัน ท่านกำลังทำอะไรอยู่ จริงไหมครับ

ด้วยจิตคารวะ คุณ ครูคิม ครับ

สวัสดีค่ะ

  • กราบขอพระคุณในการยกย่องของอาจารย์ค่ะ
  • ดิฉันเป็นเพียงครูคนหนึ่ง..ที่ขอทำหน้าที่ให้เพื่อเด็กค่ะ  เพระโรงเรียนของดิฉันอยู่บ้านนอกห่างไกลความเจริญ  เด็ก ๆ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านออกเขียนได้เท่านั้นนะคะ
  • มีปัญหาระดับสังคม ครอบครัว ที่เราจะมองข้ามไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่มีคนช่วยเหลือดูแล ด้วยวิธีการศึกษาเรียนรู้

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แอบบอกไว้ว่า "การศึกษาของประเทศไทย ต้องเป็นการศึกษาตลอดชีวิต" ครับ ... คำว่า การศึกษานั้นคงมิใช่หมายถึงแต่เพียงนักเรียน นักศึกษา แต่เพียงฝ่ายเดียวนะครับ หมายถึง ประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งหมายถึง "ครู" ผู้ทางรัฐได้เปิดโอกาสให้ครูได้มีการปรับปรุงตนเองทางวิชาการ นั่นก็เพื่อ "เด็กนักเรียน" ของตนเองจะได้พัฒนาตามศักยภาพของ "ครู" แล้วรัฐจักให้ครูมีค่าตอบแทนทุก ๆ เดือน ที่เรียกว่า "วิทยฐานะ" ครับ

  • ดิฉันบอกเพื่อน ๆ ตามความเข้าใจว่า  การที่ได้ตำแหน่ง คศ. 3 ไม่ได้มีไว้เพื่อไต่เต้าไปเป็น คศ. 4 หรือ คศ.5 แต่มีไว้เพื่อให้ทำการช่วยเหลือดูแลเด็กให้มีคุณภาพ
  • นอกจากนั้นต้องช่วยเหลือ ดูแลเพื่อนครูในโรงเรียน เพื่อนครูอื่น ๆ รวมทั้งดูแลสังคมตามความจำเป็น
  • ค่าตอบแทน..เป็นเงินไม่น้อยนะคะ  ใช้จ่ายดี ๆ ก็อยู่ได้อย่างสบายทั้งเดือน โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินเดือนอีกส่วน
  • ดิฉันศึกษาเรียนรู้  เพื่ออยากจะทำวิจัยเชิงคุณภาพเกี่ยวกับโรงเรียนและชุมชน  โดยไม่ได้มุ่งหวังตำแหน่งทางวิชาการแต่อย่างใด  แต่อยากทำเพื่อตอบแทนแผ่นดิน (มีคนบอกว่าโง่..น่าจะทำ คศ.4) แต่ก็รู้สึกภูมิใจกับความโง่อันนี้ค่ะ

ดิฉันเคยอ่านผลงานของพบปัญหาที่ไม่สมควรดังนี้ค่ะ

1. ไม่เข้าใจแม้แต่การเขียนปก หน้าคำนำ หน้าบัญ หน้าบรรณานุกรม

2. ไม่เข้าใจว่าประเภทของการวิจัยในชั้นเรียนคืออย่างไร

3. พบเช่นเดียวกันค่ะครบ 5 บทแล้วนำมาให้ดู  ไม่ทราบจะแก้ไขตรงไหน ตั้งแต่หน้าปกเรื่อยไป  เหลือเวลาอีก ไม่ถึง 10 ก็จะส่ง

ดิฉันเคยแนะนำให้คุณครูศึกษาก่อน  6 เดือน  เมื่อเข้าใจแล้วให้ไปสมัคร และเรียบเรียง น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6-8 เดือน เหลือเวลาทบทวนอีกเล็กน้อย  คนที่ทำตามก็มาก  ภายหลังท้อถอย

แต่ที่น่าอับอายสังคมอายผู้ปกครองนักเรียนก็คือ..การเรียกร้อง ขอแก้ไข ขอปรับปรุง สมัยนั้นที่ดิฉันส่ง..ตกเป็นตกค่ะ ไม่เห็นมีใครมาเรียกร้อง

เรื่องน่าเกลียดที่เห็นอีกประการก็คือ  การไปว่าจ้าง ภายหลังผลงานไม่ผ่าน ไปเรียกร้องขอเงินคืน

ครูคือแบบอย่างที่ดี..(งาม) อยู่ทีไหนคะ  คุณครูคนไหนมีบ้างดิฉันอยากทราบจังค่ะ

ดิฉันได้ฝึกทำเว็ปไซท์  ก็เพื่อเด็ก เชิญอาจารย์เยี่ยมชมและฝากความคิดเห็นสิ่งที่ควรปรับปรุงและการนำเสนอด้วย จักเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ  http://www.krukimpbmind.com

ด้วยความเคารพค่ะ

ครูคิม

เมื่อก่อน หกหมื่นบาท

เดี๋ยวนี้ หนึ่งแสนบาทครับ

   

ขอบพระคุณ คุณ ครูคิม ครับ แลกเปลี่ยนยาว ๆ แบบนี้

คุณ ครูคิม ต้องเขียนบันทึกเรื่องราวเหล่านี้แล้วล่ะครับ เพื่อสะท้อนมุมมองของครูดี ๆ คนหนึ่งที่ได้มองสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่นับวัน "จรรยาบรรณ" จะลดลงไปเรื่อย ๆ ตามระบบทุนนิยมและความเห็นแก่ประโยชน์ของหลาย ๆ คน

หลาย ๆ ครั้งครับ เวลาผมเขียนเรื่อง "วิทยฐานะ" ของครู ครูหลาย ๆ ท่านมักเกิดความไม่พอใจ หาว่าไม่ได้เป็นครูตรงนี้ แล้วจะรู้ได้อย่างไร หรือบ่นไปเรื่องอื่น เช่น กรรมการไม่ยุติธรรม อาจารย์มหาวิทยาลัยจะเอาอย่างไรกันแน่ โน้นก็ผิด นี่ก็ผิด แบบนี้ครับ

หากว่า ระบบการทำวิทยฐานะ สัมฤทธิผลตามเป้าประสงค์ของรัฐแล้วไซร้ ไม่มีปัญหาคดโกงผลงานวิชาการกัน ผมก็ไม่สนใจที่จะพูดเรื่องพวกนี้แน่นอนครับ และยิ่งไปกว่านั้น การทำผลงานวิชาการกลับมีผลกระทบโดยตรงต่อ "เด็ก" ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตัวเองแท้ ๆ

ผมขอเล่าความในใจให้คุณ ครูคิม ฟังเล็กน้อย

อยากให้ทุกอย่างมันดีขึ้น มีคุณธรรม จริยธรรมกันทุกคน หรือ คนส่วนใหญ่ก็ยังดี

แค่นี้ก่อนนะครับ แค่นี้ก็ถูกเขม่นเต็มที ครับ

อยากให้กำลังใจสำหรับคุณ ครูคิม  เยอะ ๆ นะครับ :)

สวัสดีครับ ท่าน รองฯ small man :)

ราคาค่าจ้างทำผลงานวิชาการขึ้นแล้วหรือครับ

มี Demand ก็ต้องมี Supply ตรงตามหลักเศรษฐศาสตร์นะครับ

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์ Wasawat Deemarn

พอดีกูเกิ้ลเกี่ยวกับเรื่องการรับจ้างทำผลงาน เลยทำให้ได้อ่านบทความของอาจารย์ และการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นของคุณครูหลายๆท่าน ดีใจที่ยังมีพวกท่านอยู่ แต่ยอมรับว่าเราต้านกระแสยากมาก

เคยได้รับรู้จากญาติๆซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ (มีหลายคนเลยทั้งพี่สาว พี่ชาย เขยและสะใภ้เป็นครูหมด) ในเขตภาคกลาง ยอมรับว่าหดหู่ใจที่ได้รับทราบเรื่องราวแบบนี้ เช่นครูที่ทำผลงานผ่าน ไม่เคยแตะแป้นคอมพิวเตอร์เลยก็มี เรียกว่าปฏิเสธเทคโนโลยี่หมด ผลงานเพื่อเด็กก็ไม่เคยทำ แต่อยากเลื่อนขั้นทุกรอบที่มีการพิจารณา

ยอมรับว่าหนักใจกับปัญหานี้ แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ และคุณครูทุกท่านที่ทำเพื่อเด็ก และรักษาจริยธรรม และจรรยาบรรณของอาชีพครูตลอดไปนะคะ

ขอบคุณมากครับ คุณ น้องครู ... หากมีโอกาส เราช่วยกันพัฒนาสังคมการศึกษาให้ดีกว่านี้นะครับ ;)

อ. Wasawat Deemarn

พี่เจอสมุดบันทึกที่ไปอบรมการการทำบล้อกแล้วจึงหา password เจอ ได้กลับมาอ่านบันทึกต่างๆของอาจารยืย้อนหลัง หลายๆบันทึกประทับใจมากๆจึงขอร่วมแสดงความคิดเห็น ในหัวข้อ "ครู" ว่าจ้างคนอื่นทำผลงานวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะของตัวเอง ... ถูกต้องใช่ไหม ? พี่ขอตอบด้วยจิตวิญญาณ และ ศักดิ์ศรีของความเป็นครู ว่าผิดมากๆ พี่คนเป็นครูคนหนึ่งที่ทำผลงานวิชาการด้วยตนเอง จากผลผลิตที่เกิดจากสอนนักเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2543 เริ่มทำผลงาน ปี 2546 ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ประสบการณ์ปางตาย จากการเยี่ยวยาเชิงกระอัก พี่ก็ประสบด้วยตนเองมาแล้ว เกือบจะไม่มีวันนี้ ถ้าไม่ได้นม 1 กล่องที่สามีเตรียมไว้ให้ เพราะนั่งทำงานตั้งแต่ 08.00น.ของเช้าวันเสาร์ ถึง ตี 4ของวันอาทิตย์ ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอมจึงทุ่มเวลาให้อย่างเต็มที่ นอนดึกทุกวัน จนทำให้วูบ หน้ามีดไปหมด ดีที่คว้านมมาดื่มได้ทัน ช่วงอบรม 13 วัน เขากำหนดให้ทำกิจกรรมโดยการให้เขียนด้วยลายมือของตนเองให้คณะกรรมการอ่าน ไม่ให้ใช้คอมพิวเตอร์ เพราะกลัวครูคัดลอกงานกัน งานทุกชิ้นต้องส่งก่อน 18.00นของวันอบรมทุกวันเลยเวลาไม่ได้ สาธิตการสอนให้คฌะกรรมการดู( สอบสอนนั่นแหละ อายุก็ปูนนี้แล้วยังต้องทำ

ในเมื่อมันเป็นกติกาที่เบื้องบนกำหนดมา) ทำแผนการจัดการเรียนรู้ 6แผน ที่ครบองค์ประกอบด้วยลายมีอของตนเอง ( โต้รุ่งอีกตามเคย) สอนเสร็จวันนี้พรุ่งนี้สอบ ในสภาพที่เหมือนกระท้อนที่ถูกทุบมาตลอดการอบรม ทั้งการทำงานส่งแต่ละวัน ติวหนังสือเตรียมสอบถึง 2ทุ่ม อาหารทานบ้างนิดๆหน่อยๆ (ไม่ใช่อาหารไม่อร่อยนะแต่ทานไม่ลงและไม่มีเวลา) ผลการประเมินครั้งนั้น ตกยกห้องอย่างเท่าเทียมกันทั้งผู้ที่จบเอกศิลปะและไม่ได้จบเอกศิลปะ พี่ยังไม่ย่อท้อนะทำผลงานวิชาศิลปะต่อโดยมีกำลังใจจากคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน การทำงานครั้งนี้พี่วางแผนอย่างดี ศึกษางานวิจัยทุกเรื่อง ถ่ายเอกสารเก็บไว้ ซื้อหนังสือการวิจัยต่างๆ ขอยืมหนังสือ เอกสารงานวิจัยจากผู้ที่เรียนจบปริญญาโท ถ๋ายเอกสารไว้ สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต (ลูกชายช่วยค้น)ปริ้นข้อมูลไว้แบ่งงานอย่างเป็นระบบโดยมี สามีและลูกชายทั้งสองคนช่วยพิมพ์ (ทำแบบอุตสากกรรมในครัวเรือน ผลพลอยได้ที่ตามมาคือความสัมพันธ์อันอบอุ่นในครอบครัว ความสามัคคี การร่วมทุกข์ร่วมสุข ซึ่งมีค่ามากยิ่งกว่าเงินประจำตำแหน่งเสียอีก) ผลการประเมินครั้งนี้ผ่าน พี่จึงตั้งใจไว้ว่าจะไม่รับจ้างทำผลงานให้ใครเป็นอันขาดแต่พร้อมจะให้คำปรึกษาฟรีแก่ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ ปัจจุบันนี้ก็ยังให้ปรึกษาอยู่ แม้ว่าจะมีครูหลายคนเสนอเงินเพื่อจ้างทำผลงานในราคาแพงๆก็ตามแต่พี่ก็ปฎิเสธทุกครั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้ขัดต่ออุดมการณ์ เป็นการทรยศต่อวิชาชีพครู และคิดว่าคนที่ไม่ได้ทำด้วยตนเองก็ไม่สมควรที่จะได้รับวิทยฐานะนั้นๆ ขอประนามทั้งคนรับจ้างทำ และครูที่จ้างทำว่าคุณคือผู้ที่ทำให้งบประมาณของประเทศสูญเปล่าโดยไร้คุณค่า เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างหนึ่งด้วย

ชื่นชม คุณครู พิศมัย เทวาพิทักษ์ ครับ ... การลงทุนจ้างใครก็ตาม ถือเป็นการฉ้อฉลทั้งสิ้น ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ผู้ร่างวิทยฐานะคิดมาอย่างแน่นอนครับ

เขามีวัตถุประสงค์ให้วิทยฐานะเป็นตัวยกระดับคนที่ชื่อว่า "ครู" ให้สูงส่งยิ่งขึ้น แต่นี่อะไรกัน ยิ่งเวลาผ่านไปนาน ๆ การว่าจ้างกลับกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ละอายใจกันบ้าง

วงการครูต่ำลง แต่ครูมีหม้อที่ข้าวกินได้ไม่มีวันหมดเยอะครับ เด็กอ่านหนังสือออกน้อยลง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า คุ้มไหม กับระบบที่ว่านี้

ผมว่า คงมีครูเป็นโรคร้ายกันเพียบ ด้วยความเครียดแบบนี้ สังคมจะต่ำลงไปอีกครับ

ขอ "ก๋วยเตี๋ยวเป็ด" ร้านเดิมครับ ;)

มีทุก "วิชาชีพ" ครับ  ที่อาศัย "จมูกคนอื่นหายใจ"

เดี๋ยวนี้ มาเรียน เพื่อหวัง "ปริญญา" กันเยอะครับ ทั้งที่ไม่มีความสามารถถึงระดับนั้นเลย ไม่ว่าจะ โท-เอก ในหลายๆ แห่ง เพื่อเอาใบคุณวุฒิ ไปสมัครงาน เมื่อเข้าได้ ก็กร่างทางวิชาการ ทั้งที่ความรู้กลวง

ถ้าเขา "คิดเป็น" นี่ถ้าฉันจบ ฉันจะได้นำความรู้นี่แหละไปสอนลูกศิษย์นะ ลูกศิษย์จะได้ทำเป็น เขาจะมีพลังในการทำปริญญานั้นด้วยตนเอง เขาจะภูมิใจกว่าเยอะด้วย เมื่อสอนลูกศิษย์ได้

ไม่น่าเชื่อ คิดอะไรกันอยู่หนอ สังคมไทย
หรือคิดแค่ หาเงิน เลี้ยงชีพ ได้มาอย่างไร ช่างมัน  ^^

ขอบคุณมุมสะท้อนของท่านอาจารย์ตี๋ ครูgisชนบท ด้วยครับ ;)...

ช่วย ๆ กันนะครับ ;)...

คิดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ไม่กล้าโพสต์

กลัวมุมมองไม่เหมือนกัน

คุณพยาบาล เพชรน้อย เรียนเชิญให้มุมมองได้เลยครับ

คนที่ไม่เคยทำผิด คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย ครับ

;)...

ครูดีมั่งไม่ดีมั่ง

หลายแง่หลายมุม  เห็นด้วยกับทุกความคิดเห็น  คนเราจะเก่งทุกด้านนะหายากมาก ๆ  แต่เขาประเมินด้านวิชาการ  กระดาษพร้อมข้อมูลจริงบ้างเท็จบ้าง  จริงๆ ก็อยากให้ปรับเปลี่ยนให้ถูกต้อง  เห็นเด็กรุ่นหลังนี้ไหมเข้ามาปุ๊บ เงินเดือนก็ฉลุย  วันเอาแต่เล่นไลน์  (เขียนถูกไหมน่ี่)   แต่ก็เข้าตาผู้บริหารบ้างคน  การแต่งกายก็รึ  แย่มาก ๆ  ยังคิดว่าตอนกลางคืนคงทำงานในผับ  ตื่นขึ้นมาแล้วแปรงฟันขี้ตาก็มาโรงเรียน  ปากแดง  กระโปรงสั้นจุดจุ๊  ปล่อยผมยาวสยาย  ราวกับจะไปเดินแบบทีไหนแน่ะ  ระบายนอกเรื่องมายาว  จริงแล้วคนเราควรมีความภูมิใจของตนเองนะ  แต่พอมาในยุคปัจจุบัน  เฮ้อ.....  เป็นครูรุ่นพี่โบ..น่ะ  ปากยังแว๊ด ๆ  กับนักเรียนอยู่  แตกต่างจากครูรุ่นหลังพอหมดช.ม.สอนปุ่บก็ให้นักเรียนทำความเคารพแล้วออกนอกห้อง  โดยไม่มองเลยว่าตนเองจัดกิจกรรมแล้วห้องมันเลอะเทอะขนาดไหน  เป็นว่าเห็นด้วยทุก ๆ ความคิด  อยากเห็นเด็กไทยมีศีลธรรม  คุณธรรม  จริยธรรม  มากขึ้น  แต่หาทางแก้ไขไม่ได้เพราะคนเดียว

 

ขอบคุณเสียงสะท้อนจากคุณ ครูดีมั่งไม่ดีมั่ง มาก ๆ ครับ ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท