สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว เรื่อง การประดิษฐ์-ดัดแปลงของใช้ ตอน : เครื่องนับเหรียญ คราวนี้จะพาท่านไปสัมผัสเรื่องเลวร้ายที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ ของใช้ที่มาจากแดนมังกร
ขอเคลียร์กันก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ Made in China นั้นมีคุณภาพที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ ยอดแย่ ถึง ยอดเยี่ยม เลยทีเดียว
สมัยก่อนตอนที่ยังต้องใช้ฝีมือของคนจริงๆประกอบวงจรในเครื่องใช้เช่นเครื่องรับวิทยุ หรือเครื่องเสียง จะเห็นชัดเจนมากถึงความหยาบ ความไม่ประณีตของงาน เทียบกันไม่ได้เลยกับของที่ประกอบด้วยมือคนญี่ปุ่นที่เขาละเอียดพิถีพิถันมากกับงานทุกอย่าง แต่ปัจจุบันเป็นยุคที่เครื่องจักร หุ่นยนต์มาทำหน้าที่แทนมือคน เรื่องดังกล่าวเลยก่อปัญหาน้อยลง คุณภาพสินค้าจึงขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือกวัสดุอะไรมาใช้ผลิตมากกว่า
เมื่อสัมผัสด้วยสายตา งานที่เห็นจะดูเรียบร้อย ประณีตพอๆกัน ไม่ว่า Made in Japan หรือ Made in China แต่นั่นมันคือภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น พอตรวจสอบลึกเข้าไปข้างใน หลายครั้งพบว่าเขานำของที่อาจเรียกได้ว่าเหลือใช้ หรือที่เขาแทบจะคัดทิ้ง มาใส่ไว้ เช่น IC (Integrated Circuit) ที่คุณภาพต่ำ เป็นต้น ผลก็คืออุปกรณ์ เครื่องใช้ราคาถูกๆที่เราซื้อมาใช้ ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ของมาด้วยกัน 1 กล่อง รุ่นเดียวกัน นำมาทดสอบดูจะพบคุณภาพที่หลากหลายมาก ประเภททดสอบ 1 ชิ้น แล้วเหมายกลังไปเลยนั้น น้ำตาแทบตกในมามากแล้วครับ แต่ถ้ารู้จักเลือก เราก็จะได้ของดี ราคาถูกมากๆได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นวิทยุประเภท Multi-band รับได้ทั่วโลก ผมจ่ายเงินแค่ 200 กว่าบาท ใช้เวลาทดสอบนิดหน่อยก็ได้ของที่คุณภาพที่ทัดเทียมกับที่เคยซื้อของญี่ปุ่นประมาณ 2000 บาทได้ และก็ใช้พกติดตัวยามเดินทางอยู่จนทุกวันนี้ครับ
จากประสบการณ์ตรง ผมได้เคยทดลองนำของราคาถูกที่ผลิตในจีนมารื้อ ดัดแปลง แก้ไขบางส่วน ก็สามารถได้ของดีราคาถูกไว้ใช้งานได้ครับ ตัวอย่างมีมากมายทั้งที่เป็นเรื่องง่ายๆ และค่อนข้างซับซ้อน วันนี้จะขอนำเรื่องเล็กๆที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนมาเล่าสัก 1 ตัวอย่าง
มันเป็นผลงานควันหลงจากการไปตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ในห้องประชุมที่ บ.ไดเร็คชั่น แปลน ก่อนการไปบรรยายของผมครับ เพราะวัสดุอุปกรณ์ไม่ค่อยพร้อมผมจึงต้องมาเตรียมของใช้ไปเอง และหนึ่งในนั้นคือการเตรียมใช้เครื่อง Dopod 818 Pro เป็นเครื่องสำรองแทน Notebook เพื่อเล่นเพลงที่เป็น MP-3 และด้วยเหตุที่ช่องเสียบหูฟังของเครื่องรุ่นนี้เป็นขนาดจิ๋ว ไม่ใช่ขนาด 3.5 มม. แบบที่มีอยู่ใน Notebook จึงจำเป็นต้องใช้สายแปลงขนาด จาก Jack ตัวเล็ก มาเป็นขนาด 3.5 มม. ดังกล่าว
นี่ครับของเดิมๆที่ว่า และ มันมาจากแดนมังกรครับ
ครั้นพอหยิบของชิ้นดังกล่าวที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่นานมาทดลองดูก็ดังๆ หยุดๆ แสดงชัดว่าสายขาดอยู่ข้างในเป็นแน่แท้ จึงตัดสายและปอกดูก็ได้เห็นภาพดังนี้ครับ
เส้นที่ 1 สายไฟ 2 เส้น แดง-เขียว พอยอมรับได้ ส่วนเส้นที่ 3 เล่นใช้สายทองแดงเส้นเดียว เหมือนจงใจให้ขาดง่ายๆ จะได้ซื้อกันบ่อยๆ ... แย่มากครับ และเส้นนี้เองที่ขาด
เส้นที่ 2 คราวนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก ใช้ลวดทองแดงอาบน้ำยา ขนาดเล็กจิ๋วทั้ง 3 เส้นเลย .. ดูมันทำ
ด้วยความแค้น ผมจึงผ่าตัด ขั้วต่อทั้งสองด้านจนถึงจุดบัดกรี รื้อสายเดิมทิ้งไปทั้งหมด พิจารณาดูแล้ว ตัวปลั๊กและแจ๊ค ก็ดูมาตรฐานดี เสียก็แต่เขาวางยาให้มันขาดง่ายๆ ด้วยการใช้สายไฟที่เปราะบาง คงกะว่าบิดไปบิดมา ไม่กี่ครั้งก็เป็นอันพัง ได้ขายเส้นใหม่อีก เพราะวัสดุพวกนี้ไม่มีใคร ร้านไหนเขารับประกันอยู่แล้ว
พูดถึงสายที่จะนำมาใช้แทน ผมนึกถึงของคุณภาพยอดเยี่ยมที่สะสมไว้ นั่นคือสายไฟขนาดเล็กที่ซื้อมาจากร้านที่เขาชำแหละ Mini Computer เก่า แยกชิ้นส่วนออกมาขาย สายไฟที่ใช้เดินในเครื่องราคาแพงเหล่านี้คุณภาพจะสูงมาก ลวดทองแดงตัวนำมีหลายเส้น แถมยังเหนียว ขาดยากแม้จะบิดไปมาหลายๆครั้ง
นี่ครับ ของดีที่สะสมไว้
สิ่งที่เตรียมไว้ใช้ควบคู่กันอีกอย่างหนึ่งคือท่อหด 3 ขนาด
ผมใช้สายไฟดังกล่าว 3 เส้นมาบิดเป็นเกลียว
แล้วจึงร้อยเข้าไปในท่อหด ก่อนนำไปลนไฟเพื่อให้ท่อรัดสายให้แน่นหนา และดูเรียบร้อย
ที่ปลายทั้งสองด้าน ก็สวมท่อหดขนาดโตพอเหมาะเอาไว้ หลังบัดกรีสายไฟเข้ากับทั้ง 3 จุด ทั้งสองข้างก็จัดตำแหน่งให้ดูดี มั่นคง แข็งแรง เรียบร้อย ลนไฟบริเวณท่อหดอีกครั้ง ก็ได้ผลงานที่ใช้ได้อย่างมั่นใจว่าต่อให้ผ่านไปเป็นปีๆก็ไม่มีทางที่สาย Adapter เส้นนี้จะขาดให้ต้องรำคาญใจเป็นแน่นอน
หน้าตาของผลงานขั้นสุดท้ายเป็นอย่างนี้ครับ
หายแค้นครับ และได้ใช้พกติดตัวคู่กับ โทรศัพท์ + Pocket PC ของ Dopod 818 Pro ไปไหนมาไหนอยู่ทุกวันนี้ครับ
ตอนปีใหม่ไปหลวงพระบาง เห็นโทรศัพท์มือถือดูทีวีได้ หลายคนบอกไม่น่าเล่น ไกด์ลาวบอกว่า ซื้อได้พี่ ตัวนี้ใช้มาแล้วสามเดือน พูดแล้วก็หัวเราะแล้วเสริมว่า ก่อนถึงตัวนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วสองตัว แต่ละตัวอยู่ไม่เกิน 1 สัปดาห์
สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อมา ใช้มาถึงบัดนี้ก็เกือบปีแล้ว นับว่าพอไหว ที่พลาดไปหน่อยคือทำสายชาร์ตหักเลยไปหาซื้อที่มาบุญครอง ถูกเคาะไปสี่ร้อยบาท คือมีสาย adaptor ที่เป็น USB มาเข้าเครื่อง กับ ตัวแปลงไฟ ซึ่งของเดิมก็ยังใช้ได้อยู่ คนขายบอกว่าถ้าไม่เอาตัวแปลงไฟก็ลดให้ 50 บาท สรุป ตัวแปลงไฟ 50 บาท สายต่อ 350 บาท ทำไงได้ เดี๋ยวนี้เห็นขายกันเกร่อ
สวัสดีครับ
ท่านพี่เก่งจังครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ เห็นมากับตาแล้วค่ะ ...อิอิ...มีเครื่องมือ ซ่อมเองทำเอง สอนเอง... อิอิ ...ครบวงจร
สวัสดีครับ
อ่านแล้วครับ อันนี้ยากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
อาจารย์ Handy ถ้าเปรียบว่าเป็นตัวยาสมุนไพร ก็เข้ายาได้หลายขนานจริงๆ นะครับ
จะคอยตามเก็บไอเดีย อาจารย์ต่อไปครับ
ขอบคุณ คุณ Thawat ครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ขอบคุณ ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee