กระนั้นเองดังกล่าวมาแล้วว่าระบบคิดแบบฉันทามติเองนั้นก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากรองสิแยร์ว่า ถึงที่สุดแล้วอาจเป็นเพียงการแปรรูปจากเผด็จการเสียงข้างมากโดยสภา ไปเป็นเผด็จการเสียงข้างมากของภาคสังคมการเมือง นักการศึกษาจำนวนจึงพยายามแก้ปัญหาตรงจุดนี้บนฐานความเชื่อที่ว่า “เมื่อประชาชนรู้มากขึ้น ก็จะเกิดความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น” รัฐสมัยใหม่ตั้งแต่ช่วงปลาย ศ.ต. ที่ 18 จนราวต้น ศ.ต. ที่ 19 นั้นจึงสร้างความคิดรวบยอด(concept)ในการให้การศึกษาแบบใหม่ที่สำคัญนั่นคือ “การศึกษาแห่งชาติ(national education)” โดยมีแม่แบบหลักคือในอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอเมริกา ซึ่งมีหลักการสำคัญโดยรวมคือ
“ทำให้เหล่าพลเมืองตระหนักในความเป็นสมาชิกของสังคม และความเป็นอิสรชน... ทั้งยังเป็นการกระจายความคิดในเรื่องประชาธิปไตยออกไปสู่พลเมืองอย่างกว้างขวาง... รัฐประชาธิปไตยจึงจำเป็นต้องจัดให้มีการศึกษาอย่างน้อยสองระดับคือระดับต้น(ประถมศึกษา) และระดับสอง(มัธยมศึกษา) และหากรัฐใดที่ต้องการสร้างผู้นำทางสังคม และทางการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยด้วยแล้ว รัฐนั้นสมควรที่จะจัดการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย...”[1]
ในกระบวนการสร้างความรู้ทางการเมืองบนฐานคิดเช่นนี้ วงวิชาการการศึกษานั้นเริ่มตั้งแต่การถกเถียงในระดับรากศัพท์ที่ว่า การศึกษานั้นเกิดขึ้นเมื่อมีมนุษย์คนหนึ่งมีประสบการณ์จากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง, แล้วจดจำ, นำกลับมาใคร่ครวญ, และจากนั้นนำมาสั่งสอนให้กับมนุษย์คนอื่นๆ การศึกษาสำหรับนักการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดอย่างจงใจในสภาวการณ์ที่มีมนุษย์ 2 คนขึ้นไปเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหากมีมนุษย์เพียงคนเดียวแล้วการศึกษาคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เกิดเพียง “การเรียนรู้”(learning) ที่ได้รับจากสภาพแวดล้อมเท่านั้น ด้วยข้อสรุปเช่นนี้ “การศึกษา”(education) จึงมีความใกล้เคียงกับ “การชี้แนะ”(instruction) จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนักเพราะหากลองสำรวจไปที่ “คำ” ในภาษาจำนวนหนึ่งจะมีการใช้คำทั้งสองนี้ในความหมายเทียบเคียง(synonyms) หรือเป็นคำเดียวกันไปเลย อาทิ[2]
ภาษา |
การศึกษา |
การชี้แนะ |
ฝรั่งเศส |
Éducation, Instruction |
Instructions |
อิตาเลียน |
Cultura |
Educazion |
โปรตุกีส |
Instrução |
Instrução |
สเปนิช |
Instrucción |
Instrucción |
[1] Ellwood P. Cubberley, The History of Education, (Cambridge · Massachusetts : The Riverside Press, 1930), p. 788, 791 - 793. หลักการเหล่านี้ได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากนักคิดในฝรั่งเศสโดยเฉพาะรุสโซ(Jean-Jarques Rousseau) และกองดอร์เชต์(Marquis Jean-Marie-Antoine-Nicolas Caritat de Condorcet) โดยแต่เดิมเป็นความคิดที่เกิดขึ้นสำหรับโรงเรียนของรัฐเท่านั้น ต่อมาในอเมริกาได้มีการเรียกร้องให้เอกชน หรือท้องถิ่นจัดการการศึกษาโดยตนเองได้ แต่โดยความคาดหวังหลักของการศึกษานั้นก็คงยังไม่แปรเปลี่ยนไป.โดยละเอียดโปรดดู ibid., p. 508 – 515.
[2] อ้างอิงจากประมวลศัพท์ของพจนานุกรมอิเลคทรอนิคส์สาธารณะ <http://freelang.net/>
ไม่มีความเห็น