7-8 กุมภาพันธ์ พานักศึกษาไปจังหวัดตราด....
เราไม่ได้ไปกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ของพระอาจารย์สุบิน เพราะได้ฟังเรื่องราวของที่นั่นมามากแล้ว แต่ไปเรียนรู้ที่อีกตำบลหนึ่ง
ตำบลนี้มีหมู่บ้านเปร็ดในที่เข้มแข็งในการจัดการด้านอนุรักษ์และใช้กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ของหมู่บ้านเป็นเครื่องมือในการรักษากติกาการอนุรักษ์ และตำบลนี้มีสถานที่หนึ่งที่เรียกตัวเองแบบไม่เป็นทางการว่า “ธนาคารชุมชน”
“ธนาคารชุมชน” (ชื่อไม่เป็นทางการ)
เป็นองค์กรการเงินชุมชนเครือข่ายในระดับตำบล เป็นที่ที่ พอช. สนับสนุนโดยทำหนังสือเล่มเล็กเกี่ยวกับองค์กรแห่งนี้ออกเผยแพร่ เป็นที่ที่ธนาคารกรุงไทยมาขึ้นป้ายสนับสนุน
แกนนำบอกว่า “เรียกธนาคาร เพราะเข้าใจง่ายสำหรับชาวบ้าน เนื่องจากเราทำหน้าที่เหมือนธนาคาร” ...
แกนนำเริ่มเล่าถึงที่มาอย่างคล่องแคล่ว....... อุดมการณ์ของกลุ่มครูถูกนำมาใช้เป็นเป้าหมายของกลุ่ม อธิบายให้คนภายนอกซาบซึ้ง....... ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่คนโน้นคนนี้ทำ ถูกสรุปรวมมาเป็นคำอธิบายถึง “ที่มา” ....ที่มาของใครไม่ชัดเจน เพราะไม่มีประธานของประโยค..นอกจากคำว่า “เรา”
กลุ่มสัจจะฯของบ้านเปร็ดในไม่เข้ามาเป็นสมาชิกองค์กรการเงินชุมชนในระดับตำบลแห่งนี
“เขาเป็นสายพระ” แกนนำบอก “ของเราเป็นกลุ่มการเงินภาคประชาชน” แกนนำตั้งใจแบ่ง
ทำไมแกนนำจึงเรียกตัวเองว่า ภาคประชาชน คงเป็นเพราะเขามองตัวเองว่าเปิดกว้างสำหรับการฝากเงินของทุกคนทั้งตำบลรวมถึงนอกตำบล และรวมเงินของกลุ่มต่างๆที่เข้ามาเป็นสมาชิก คงเป็น “บูรณาการ” ตามเป้าหมายของ พอช.
ธนาคารชุมชนแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 เกิดหลังกลุ่มอื่นๆ แต่รวมกลุ่มอื่นๆได้อย่างไร
กลุ่มที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกคือกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มโอทอป ร้านค้าชุมชน ... สมาชิกกลุ่มต่างๆ แทนที่จะจ่ายเงินค่าหุ้นหรือเงินออมเข้ากลุ่มตัวเอง ก็มาจ่ายหรือฝากที่ธนาคารชุมชน แต่การปล่อยเงินกู้จะผ่านที่กลุ่มต่างๆที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก “ธนาคารชุมชนจะไม่ปล่อยกู้” แกนนำบอก
บริการใหม่ของธนาคารชุมชนคือ “ตั๋วเงินชุมชน” (ตั๋วเพื่อผลัดผ้าขาวม้า)
วันที่ 5 เป็นวันส่งเงินของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต วันที่ 20 เป็นวันส่งเงินของกลุ่มกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารเปิดบริการให้สมาชิกสามารถมาซื้อตั๋วแลกเงินได้ในวันที่ 4 สำหรับสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ และวันที่ 19 สำหรับสมาชิกกลุ่มกองทุนหมู่บ้าน สมาชิกเหล่านี้จะได้มีเงินไปใช้หนี้กลุ่มของตนได้ทันในวันรุ่งขึ้นเพื่อจะได้มีสิทธิ์กู้ใหม่ ตั๋วนี้จะระบุเงินต้นที่ยืม+ดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียม 50 สตางค์ เมื่อสมาชิกได้กู้เงินจากกลุ่มต้นสังกัดแล้วก็จะนำเงินมาจ่ายหนี้ธนาคารชุมชนภายใน ....?...วัน
ขัดกับประโยคแรกๆที่แกนนำบอกว่า “ธนาคารชุมชนจะไม่ปล่อยกู้” อย่างชัดเจน
ตั๋วเงินชุมชนทำด้วยกระดาษโรเนียว เป็นเงินตราชุมชนรูปแบบหนึ่งที่เราเห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะมาศึกษาพัฒนาการ ("ยัง"ไม่แนะนำให้แทรกแซง) มากกว่าไปไล่จับหนูเบี้ยชุมชนที่มีเป้าหมายพึ่งตนเองและปริมาณไม่มาก
ตั๋วเงินชุมชนนี้ปัจจุบันยังใหม่ การใช้ประโยชน์ยังตรงไปตรงมา แต่เมื่อนานขึ้น ตั๋วกระดาษแผ่นนี้จะถูกใช้หมุนเวียนอย่างไร ยังน่าจับตามองเพราะพฤติกรรมการเรียนรู้ของคนนั้นรวดเร็วมากที่จะนำมันไปเอื้อประโยชน์อย่างอื่น
ที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ การเปิดช่องทางให้สมาชิกหมุนหนี้อย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย สวนทางแนวคิดการพัฒนาแบบพึ่งตนเองอย่างสิ้นเชิง แต่แกนนำ ก็ย้ำว่า “เราเป็นเศรษฐกิจพอเพียง” …. นี่แหละคือการรวมรวมอุดมการณ์ต่างๆมาเป็น “วาทกรรม” ฟังสวยงามสำหรับผู้คนภายนอกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
ดีใจที่นักศึกษาเศรษฐศาสตร์ออกมาบอกเราทีหลังว่า “หนูว่าไม่ใช่”....
สงสัยว่า พอช. ทำงานสนับสนุนโดยตรวจสอบแนวคิดของกลุ่มต่างๆมากน้อยเพียงใด ... ยังไม่ต้องถึงขั้นตรวจสอบบัญชีและความเสี่ยง...
“เราไม่เป็นนิติบุคคล เราไม่เสียภาษี เพราะถ้าให้เสียภาษี สมาชิกจะเลิกเป็นสมาชิก” แกนนำเล่า แต่เราฟังเหมือนเป็นคำขู่....
เขากำลังทำธนาคารอีกแบบหนึ่งที่ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบโดยรัฐ และแม้แต่การตรวจสอบโดยสมาชิกเองจะมีหรือไม่ เข้มข้นแค่ไหน เรายังไม่มั่นใจ เพราะระบบนี้ สมาชิกกับธนาคารไม่ได้ใกล้ชิดกันโดยตรง สมาชิกครึ่งหนึ่งเป็นของกลุ่ม แล้วกรรมการกลุ่มที่เข้ามาเป็นเครือข่ายจะเป็นกรรมการธนาคาร
“ตำบลนี้มีองค์กรการเงินสามสาย” .... เราสรุป
เรานึกถึงความต่าง ไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยก
“ใช่” แกนนำรีบตอบรับอย่างมั่นใจ “สายพระ สายรัฐ และสายภาคประชาชน”
สายพระ คือ กลุ่มเครือข่ายกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ฯของพระสุบิน ปณีโต
สายรัฐ คือ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน
สาย “ภาคประชาชน” ที่ว่า คือ ธนาคารชุมชนแห่งนี้
บทเรียนเรื่องเป้าหมาย อุดมการณ์ กระบวนการตรวจสอบ เป็นจุดต่างที่ชัดเจนระหว่างองค์กรการเงินสามสายนี้
บูรณาการแบบรวมเงินมีประโยชน์ด้านการเงินล้วนๆ ต้องแลกกับอะไรบ้าง ?
ดูเหมือน.. ขบวนองค์กรการเงินชุมชน.. กำลังจะไปไกลสุดกู่ ที่ผู้ริเริ่มหรือผู้สนับสนุนก็ตามมันไม่ทัน และอาจมีอุปสรรคมากในการตามด้วย คำขู่ที่เอาสมาชิกเป็นข้ออ้างนั่นอย่างไร...
ไม่มีความเห็น