ก่อนจะต่อเนื่องเรื่องที่สัญญาไว้ในบันทึกที่แล้ว ดิฉันขออนุญาตนำบทกวีของ "ธันย์ โสภาคย์" มาฝากไว้ในสมุดบันทึก "กอเอ๋ย กอแกะ" นี้ก่อนค่ะ ด้วยมีเหตุผลที่จะขอโยงใยไปยังสมุดบันทึก "ใครอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร" และเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับเรื่องแกะรอยขณะนี้ หรืออาจจะคือวิถีของความคิดของ "ธันย์ โสภาคย์" เองก็เป็นได้
มาอ่านกันค่ะ
ราตรีนั้นข้าฯ ท่องไปในวิถี
ข้ามนทีจันทร์กระจ่างสว่างหน
ถึงธานีแสนงามเมื่อยามยล
ผู้คนล้วนการุณย์อุ่นอาจิณ
ต่างเห็นอกเห็นใจใครไม่เท่า
ช่วยปัดเป่าโรคภัยทั้งหลายสิ้น
ประชาราษฎร์แซ่ซ้องก้องธานิน
ได้ยลยินสรรเสริญเจริญพลัง
ข้าฯ ผ่านเข้าเนาในนิยามเขต
ได้ร่ายเวทย์อ่านมนต์ปนของขลัง!
ได้ค้นคว้าศึกษาสิ่งอันจริงจัง
เพื่อประทังชีพฟื้นยั่งยืนทน
ทั้งครูบาอาจารย์สถานพัก
อีกเพื่อนรักร่วมงานการกุศล
เป็นโชคดีที่ใฝ่พบจบสากล
ดังเทพดลใจให้ได้เผชิญ
แล้วพบว่างานเข็ญใจกระไรนี่!
แต่เพื่อที่สร้าง “กุศล” คนสรรเสริญ
ดุจประทีปส่องสว่างทางดำเนิน
จะขอเดินรีบรุดสุดทางยาว
อรุณรุ่งฟ้าสกาวพราวพิลาศ
สกุณชาติผกฟ้าเวหาหาว
น้ำค้างตกปรกพฤกษ์แต่ดึกพราว
วะวับวาวราวเกล็ดเพชรผ่องอำไพ
ข้าฯ ท่องไปทั่วใน “ศิริราช”
คราต้องคลาดแคล้วกันสะท้านไหว
ดั่งใครฉุดกระชากพรากดวงใจ
จำจากไปไม่มีหวังคืนหลังมา
จะไปดีไปเด่นเป็นที่พึ่ง
จะเป็นหนึ่งหรือเป็นท้ายไม่ประสา?
“ศิริราชา” ประสาทถ้วนมวลวิชา
แม้นกายาหมายชอบ – กอบการดี
ข้าฯ ขอตั้งปณิธานมานกล้า
จะรักษาตนเด่นเป็นศักดิ์ศรี
จะไว้เกียรติก่อนได้ไว้ชีวี
จะรักดีมุ่งสร้างทางเจริญ
แพทย์ พยาบาลทำงานช่วยคนป่วยไข้
ด้วยเต็มใจสละได้ไม่ขัดเขิน
ด้วยเห็นอกคนตกยากลำบากเกิน
คราวเผชิญโรคา รักษากาย
คิดถึงบุญคุณเอื้อเหลือตันตื้น
ทุกวันคืนผ่านไป ข้าฯ ใจหาย
เฝ้ารำลึก “ศิริราช” มิขาดคลาย
แม้นมิตายกุศลรับกลับมาเอย
โดย ธ.ส.เกษมสันต์
แกะรอยเรื่องนี้ทราบในเวลาต่อมาว่า ท่านเขียนเพื่อมอบให้คุณแม่ เนื่องในวาระที่ศึกษาสำเร็จวิชาพยาบาลของคุณแม่ค่ะ เป็น ปณิธานที่เขียนในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ลายมือเขียนยังเก็บรักษาไว้อย่างดี และในหนึ่งหน้าหนังสืออนุสรณ์ฯ คุณแม่ของฉันบอกเล่าเรื่องที่คุยกับคุณพ่อไว้เมื่อทราบในภายหลัง ยิ่งทำให้ เรื่องต่างๆ ถูกผูกโยงเป็นเส้นใยสายป่านที่อยากจะสาวให้ถึงจุดมุ่งหมาย… หรือจุดนั้นจะอยู่ที่ ปลายฟ้า…ที่ธันย์โสภาคย์ เดินทางไปถึงและรอเราอยู่แล้ว“…แม้ขณะที่อยู่ในระหว่างพักผ่อนรักษาตัว พี่ทราบว่าพี่มีเวลาเหลือน้อยลงแล้วพี่ก็ยังอุทิศตัวเองเป็นที่ปรึกษา ให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยซึ่งบางคนอาจจะป่วยน้อยกว่าตัวพี่ ใครได้ยิน ได้ฟังน้ำเสียงของพี่จะไม่รู้สึกหรอกว่าพี่มีอาการเจ็บป่วยมากสักแค่ไหน จะมีก็แต่พวกเราลูกและหลานเท่านั้นกระมังที่ทราบตลอดเวลาว่า ในไม่ช้าหากพี่ยังไม่หยุดพักผ่อนจริงจังเสียที… น้องและลูกเคยขอร้องให้พี่พักผ่อนบ้าง แต่คำตอบที่พวกเราได้รับก็คือ“พี่ชอบทำงาน ถ้าพี่พัก จะทำให้พีต้องจากน้องและลูกหลานไปเร็วขึ้น” แต่พวกเราไม่คิดเช่นนั้น มีเพียงรู้สึกในใจเงียบๆ ว่า“พี่ทำงานหนักมากขึ้นก็ยิ่งทำให้พี่จากพวกเราไปเร็วยิ่งขึ้น” แต่ถึงอย่างไรน้องก็รู้ดีว่า ตลอดชีวิตนี้ พี่ก็ได้ทำสมกับปณิธานที่พี่เขียนไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗…”
ขอบคุณค่ะที่ติดตามงานของพ่อ
สวัสดีค่ะพี่เจ๊
มีความฝันอยู่หนึ่งความฝันที่ดาวลูกไก่จะทำเพื่อใช้คุณสมบัติในตัวของเราให้เป็นประโยชน์ แม้ว่าจะไม่ได้ทำตามความฝันหนึ่งความฝันของพ่อที่อยากให้ ดาวลูกไก่ เรียนรู้เป็น พยาบาล เหมือนแม่ พี่เจ๊ ป้าแดง พี่ไก่กัญญา และอีกหลายๆ ท่านในพื้นที่นี้ค่ะ แต่ ฝันที่มีมานานแล้วก็เพื่อสังคมได้...
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ความฝันหนึ่งข้อนี้ก็ไม่ไกลเกินที่จะลงมือค่ะ
ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม
ใจเมื่อยอมเสียสละสีจะขาว
มือเปื้อนดินจะปั้นดินเป็นดวงดาว
ใจเหน็บหนาว, จะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ
...บทกวีของไพวรินทร์ ขาวงาม...
ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม
ใจเมื่อยอมเสียสละสีจะขาว
มือเปื้อนดินจะปั้นดินเป็นดวงดาว
ใจเหน็บหนาว, จะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ
...บทกวีของไพวรินทร์ ขาวงาม...
ขอบคุณค่ะคุณแผ่นดิน
พี่เจ๊คะ
ตามไปหยิกเนื้อที่พุงมาแล้วค่ะ... ไม่เจ็บเลย อ้าว! นึกว่าเนื้อพุงตัวเองเสียอีกแน่ะ...^^...อิอิ ขอบคุณเรื่องราวดีดีค่ะ
ตามมาอ่านบันทึกที่มีคุณค่านี้ต่อค่ะ
สวัสดีค่ะคุณSasinand
ข้อมูลในบันทึกนี้ มาต่างกรรมต่างวาระ กับเรื่องที่กำลังนำเสนอ แต่จับโยงกันได้ โดยนึกคิดเอาเองนะค่ะ