เรื่อง LTC ของ ศูนย์อนามัยที่ 9 พิษณุโลก
โครงการส่งเสริมสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เขต 9 เลือกจังหวัดสุโขทัย มี รพท. 2 แห่ง คือ รพ.สุโขทัย และ รพ.ศรีสังวร รพช. ที่เลือก เป็น รพ.ศรีสัชณาลัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ผลผลิตที่ต้องการ คือ
ในเรื่องสถานการณ์และสภาพปัญหา พบว่า
เราจำแนกประเภทผู้สูงอายุจากการทำกิจวัตรประจำวัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
ผู้สูงอายุประเภทที่หนึ่ง ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ และช่วยเหลือคนอื่นได้ มีร้อยละ 82.07 ประเภทที่สอง ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ช่วยคนอื่นไม่ได้ ร้อยละ 15.86 ประเภทที่สามที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มีร้อยละ 2.07
กลวิธีในการดำเนินงาน เริ่มจาก
การนิเทศติดตาม เมื่อ 15-19 ธค.ที่ผ่านมา ทั้ง 3 รพ.
ที่สุโขทัย ไปที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ท่านที่เป็น อสม. ที่ได้รับรางวัลดีเด่น มีการเยี่ยมบ้านที่เป็นรูปธรรม และมีการสรุปรายงานออกมาให้เราเห็น
นอกจากนั้น เราทำที่วัด เนื่องจากสุโขทัย มีวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่น 2 แห่ง คือ วัดท่ากษีร และวัดสวรรคาราม ไปชักชวนพระคุณเจ้า เจ้าอาวาส มาทำโครงการ LTC ปรากฎว่า ล่าสุดที่เราทราบมา วัดสวรรคาราม ทำโครงการพระเยี่ยมโยม โดยเจ้าอาวาส ขี่จักรยานไปเยี่ยมโยมที่บ้าน และเอาผ้าห่มที่ได้รับบริจาค จากเครื่องไทยธรรมต่างๆ ไปแจกญาติโยมด้วย
ศูนย์ฯ ได้วิเคราะห์รูปแบบการดูสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวของจังหวัดสุโขทัย ประกอบด้วย 8 แนวทาง เริ่มจาก
ทั้งหมด setting ที่บ้าน และในเรื่องของการบริการ ออกเยี่ยมโดยอาสาสมัครผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน มีการกำหนดการเยี่ยมปฏิบัติการ และ set ลำดับความสำคัญของการเยี่ยมตามประเภท ของผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุประเภทที่ 3 ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาจะได้รับการเยี่ยมก่อน จากนั้นในส่วนที่สอง ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาจะเยี่ยมในลำดับต่อๆ มา
นอกจากนี้ การดำเนินงานเรื่อง Day care ที่อำเภอศรีสัชณาลัย ประธานชมรมได้ไปขอสถานที่เก่าของสำนักเทศบาล เป็นอาคาร และวางแผนที่จะทำ Day care ผู้สูงอายุ โดยเทศบาลทำแผน ให้ค่าตอบแทนแก่อาสาสมัคร แล้วก็ set งบประมาณค่าอาหารกลางวัน และมีรถ รับ-ส่ง มีการดำเนินงานเป็นรูปธรรมชัดเจน และจะดำเนินต่อในปี 52 ต่อไป
ปัจจัยความสำเร็จของการทำงานที่สุโขทัย เราเชื่อว่า
สิ่งที่จังหวัดสุโขทัยจะดำเนินการต่อไป คือ จะขยายผลไปยังอำเภออื่นๆ ให้ครอบคลุม
ปี 2552 ศูนย์ฯ จะขยาย ไปชี้แจง 4 จังหวัดที่เหลือ ฉายภาพให้เห็นว่า สุขภาพผู้สูงอายุของสุโขทัยเป็นอย่างไร ปรากฎว่า ทั้ง 4 จังหวัด ตอบรับ และคิดว่าประมาณ มีค. เขาก็จะส่งข้อมูลให้ศูนย์ฯ และศูนย์ฯ จะได้วิเคราะห์ต่อไป
อาจารย์หมอนู เสริมตรงนี้ว่า
จุดประสงค์ของการตรวจสุขภาพเชิงรุก ก็คือ เราต้องการค้นหาคนประเภทไหน ก็คือ คนประเภทที่ไม่เคยตรวจสุขภาพเลย ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นโรคหรือไม่เป็น แต่การตรวจ เราก็ได้คนทั้ง 3 ประเภทมาด้วย คือ คนที่รู้ว่าเป็นโรคแล้วและรักษาประจำ คนที่รู้ว่าเป็นโรคแล้ว-รักษาบ้าง-ไม่รักษาบ้าง และคนที่รู้ว่าเป็นโรคแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการรักษา
คนที่รักษาประจำคงไม่มีปัญหาอะไร และที่เหลือ คนไม่เคยตรวจสุขภาพเลย กับคนที่รักษาบ้าง ไม่รักษาบ้าง ท่านจะทำอย่างไร คนเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่เราจะต้องทำกันต่อไป
เรื่องการคัดกรองสมองเสื่อม แบบทดสอบที่ให้ไปในโครงการไม่ได้บังคับ แต่ใครทำได้ก็ดี แบบทดสอบนี้ เป็นมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของประเทศไทย ได้ดัดแปลงมาจากต่างประเทศ และทางสมาคมโรคสมอง approve แล้วว่า ใช้ได้ แต่ทั้งนี้ คนที่ทำการคัดกรองต้องมีการ training
เราก็มาเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้มาตรฐาน จากการสำรวจประชากรสูงอายุด้วยการตรวจร่างกาย ในปี 2547 ก็พบว่า ตัวเลขคน 3 กลุ่ม ใกล้เคียงกัน แต่เรื่องคนสมองเสื่อมนั้น เขาทดสอบแล้ว ปรากฎว่า ภาพรวม 60 ปีขึ้นไป มีประมาณ 1.8% 60-69 ปี มี 0.6% และ 70-79 มี 2.1% และ 80 ปีขึ้นไป 9.5% มันเพิ่อมมากขึ้นตามอายุ เพราะฉะนั้น ถ้าเราดูตัวเลขตรงนี้ เราก็น่าจะทดสอบ 70 ปี ถึง 80 ปีขึ้นไป เพราะว่า 60-70 ปี คงไม่ต้องทดสอบ
และที่บอกว่า 20% นั้น เราแยกอายุหรือไม่ เพราะว่า ภาพรวม 60 ปี เขาบอกว่ามีแค่ 2% แล้วอันนี้สาเหตุมันน่าจะเกิดจากอะไร เกิดจากคนคัดกรอง หรือเรื่องอะไร ท่านก็ต้องไปพิจารณาต่อไป ลองไปทดสอบโดยมา training คนที่ไปทดสอบ และแยกช่วงอายุ
มาถึงเรื่อง การทดสอบการช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ เราใช้ ADL ซึ่งมีอยู่ 10 ข้อ ในชีวิต กินข้าวได้ หรือไม่ได้
จากที่เราทำงานกับญี่ปุ่น เขาเสนอว่า การที่จะคัดกรองการช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ เขาทำเป็นรูปภาพ แทนคำพูด ประโยชน์ก็คือ คนที่เป็นอาสาสมัคร หรือคนที่ไม่อยู่ในวงการสุขภาพ ก็สามารถคัดกรองแบบง่ายๆ นี้ได้ เขาก็จับ 3 ประเด็นใหญ่ คือ เรื่องความสามารถในการเคลื่อนไหว ขึ้นลงบันได้ได้หรือไม่ ต้องใช้ไม้เท้าไหม หรือว่านอนอยู่บนเตียง นั่งบนเตียงได้ นอนอย่างเดียว กินอาหารเป็นยังไง การขับถ่ายเป็นยังไง และเรื่องสำคัญก็คือ สมอง จิตใจเป็นอย่างไร ซึ่งเราอาจนำของเขามาดัดแปลงใช้ได้กับอาสาสมัคร และมาเปรียบเทียบดู
ของญี่ปุ่นเขาแบ่งคนเป็น 9 ประเภท ตามลักษณะเคลื่อนไหว ได้หรือไม่ได้ การกินอาหาร การขับถ่าย และภาวะความจำ หรือสมองไม่ดี เขาประเมินออกมาได้เป็นคน 9 ประเภท ของเราแบ่งเป็น 3 ประเภท
เรื่องของวัดเยี่ยมโยม เป็นสิ่งที่ทำไมทำตรงนั้น ท่านมีแรงจูงใจอะไร และโยมตกใจไหม ที่พระไปเยี่ยมถึงบ้าน
อันต่อไป คือ เทศบาลจะทำ Day care ซึ่งถือเป็นการดูแลในสถาบัน (Institutional care) เทศบาลเขาก็ไม่ได้ไปสร้างอะไรใหม่ ของเดิมก็มีอยู่แล้ว ไปดัดแปลงของเดิมได้ เช่น เทศบาลที่นครศรีธรรมราช เอาคุกเก่า ที่เขาไม่ได้ใช้งานแล้ว เอามาเป็นที่สำหรับ Day care สำหรับผู้สูงอายุ ไม่ต้องไปสร้างใหม่ ที่สุราษฎร์ เอา รร.ประถมเดิม ซึ่งเขายุบไปแล้ว เพราะว่าเด็กมีน้อย ก็เอามาเป็นสถานดูแลค้างคืน ของ ผส. และใกล้ๆ กันนั้นเขาก็มีบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติ ก็อาจเป็น spa ได้ด้วย ซึ่งเราก็ไม่ต้องไปทำอะไร ปรับปรุงของเดิม
และประเด็นที่สำคัญ คือ บทบาทของกรมอนามัย กับคน 3 กลุ่ม เราก็ดูว่า เราดูเรื่อง long term care ซึ่งจะประกอบไปด้วย ประเด็นการให้บริการ อย่างที่ทำผ่านมาก็จะมี เพื่อการฟื้นฟูสมรรรถภาพ เพราะว่า ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของผู้สูงอายุ คือ การมีหลายโรค และเป็นโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน ควบคุมได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดอัมพาต อัมพฤกษ์เมื่อไร มีปัญหาทันที ต้องการการฟื้นฟู ต้องการการดูแล เพราะฉะนั้น การดูแลมี 2 อย่าง ดูแลในสถานบริการ ดูแลในชุมชน (ที่บ้าน ครอบครัว) เพราะฉะนั้น บทบาทของกรมอนามัยจริงๆ แล้ว คือ การใช้ชุมชนเป็นฐานในการดูแล ไม่มีใครอยากไปอยู่ที่โรงพยาบาล หรือยากจนมากๆ ก็ไม่อยากไปอยู่สังคมสงเคราะห์ เขาอยากอยู่ที่บ้านทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถฟื้นฟูที่บ้าน ชุมชน วัด โรงเรียน อนามัย อบต. เขาได้ ก็เป็นการประหยัด เพราะฉะนั้น บทบาทของกรมอนามัย ก็ทำได้ทั้ง 3 กลุ่ม โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน และที่เราทำก็ใช้ชุมชนเป็นฐาน และส่งเสริมให้รูปแบบที่ชุมชนเป็นฐาน หนึ่ง น่าจะเป็นแบบการดูแลชั่วคราว ที่เรียกว่า Respite care ก็คือ ดูแลเฉพาะกลางวัน สอง ดูแลระหว่างทาง (Half way care) คือ ระหว่างที่ discharge จากโรงพยาบาล และยังไม่สามารถเข้าบ้านได้ คนไข้อยู่ในภาวะที่โรงพยาบาล ต้อง discharge เพราะเขาต้องรับคนใหม่เข้ามา แต่ยังกลับบ้านไม่ได้ ตรงนี้ จะหาคนดูแลไม่ได้ จะอยู่ที่ไหน ชั่วคราวอีกอันหนึ่ง คือ คนดูแล จะมี burden มาก เพราะว่าเขาอยากจะพักผ่อนบ้าง จะทำอย่างไร ถ้าเรามีอาสาสมัคร เราก็ไปดูแลแทนเขาที่บ้าน หรือเขามาฝากไว้ที่สถานที่ดูแล อย่างที่เทศบาล อบต. ทำ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไร
รวมเรื่อง การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว ปี 2552
อ่านบันทึกคุณหมอนนท์ทีไรก็มีความสุขกับการได้รับรู้เรื่องราวดีๆทุกทีเลยค่ะ วันนี้ได้มีเวลาทักทายบ้างแล้ว เห็นด้วยและอยากให้เกิดทั่วไทยจริงๆค่ะ สำหรับ "บทบาทของกรมอนามัยจริงๆ แล้ว คือ การใช้ชุมชนเป็นฐานในการดูแล"
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องของผู้สูงอายุ : LTC เป็นกำลังใจที่มีค่า และเป็นสิ่งดีงามที่ท่านกรุณามอบให้กับทีมงาน LTC ของจังหวัดสุโขทัยและศูนย์อนามัยที่ 9 พิษณุโลก เรายินดีต้อนรับสำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาดูงานในพื้นที่นะคะ