เมื่อ อาจารย์แอมป์ อยากแต่งงาน


"..ครูไปแต่งงานดีกว่า..." *(ย้ายบันทึกมาหน่อยค่ะ)

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

ดิฉันได้ติดตามอ่านบันทึก อาจารย์ สุขุมาล จันทวี (อ.แอมป์)

เป็นบันทึกสี่ตอนจบ

อ่านแล้วประทับใจ คอมเม้นท์ หนึ่งที่ได้รับ จึงขอคัดลอกมาเสนอไว้ในบันทึกตัวเองเนื่องด้วยเพราะ อยากให้ลูกชายสุดที่รักได้อ่าน ถ้าเขาเข้าใจบ้าง เรา..ทั้งพ่อและแม่ เต็มตื้นค่ะ

บทความเรื่องนี้มี 4   ตอนค่ะ

ตอนที่     1    นำเรื่อง                   

ตอนที่     2     วิชาครอบครัวศึกษา                   

ตอนที่     3     วิชารู้เท่าทัน   

ตอนที่      4     วิชาภูมิปัญญาไทย  (จบ)

**********
14. ภูสุภา
เมื่อ อา. 25 ม.ค. 2552 @ 10:49
1091344 [ลบ] [แจ้งลบ]

 คำกล่าวที่ว่า “พ่อแม่  คือ ผู้นำเสนอโลกแก่ลูก” ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก เป็นถ้อยคำที่ลึกซึ้ง แยบคาย และจับใจมิใช่น้อย

**********        **********        **********

;P เห็นด้วยกับประโยคทอง นี้ค่ะ

หากว่า วิธีที่เรา-พ่อแม่ จะนำเสนอ "โลก" แก่ลูกของเรานั้น...

มันไม่ง่ายเลยนะคะ

อ่านบันทึกนี้แล้วอิ่ม จนไม่ต้องถามอะไรให้มากความ ควรแต่จะต้องไปเรียนรู้ "โลก"ให้ดี

และหาแนวทางนำเสนอ "โลก" ด้วยวิธีที่ดี เหมาะสม...แก่ลูกของเราเอง     ขอบคุณค่ะ

 

***** ***** ***** ****** ***** *****

 

P
16. ดอกไม้ทะเล
เมื่อ พ. 28 ม.ค. 2552 @ 05:26
1097610 [ลบ] [แจ้งลบ]

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็กภูสุภา

วิธีการนำเสนอความรักของผู้เป็นพ่อแม่นี้...อาจต้องมีโรงเรียนสอนทีเดียว

  
"อาจต้องมีโรงเรียนสอน"  แปลว่า อาจต้องมีผู้ถ่ายทอด (หรือหน่วยที่รับผิดชอบถ่ายทอด)

ความรู้ชุดการสื่อสารในครอบครัว  อย่างเป็นระบบครบกระบวน ถี่ถ้วนทุกมิติการสื่อสารของมนุษย์  ทั้งการสื่อสารภายในใจตนเองและการสื่อสารกับบุคคลอื่นในครอบครัว 

คงพอเรียกว่า  "เรียนรู้  Family Communication  เพื่อนำไปสู่ Effective  Family Communication" ได้กระมังคะ

ประสบการณ์เรื่องการสื่อสารในครอบครัวนี้น่าเรียนรู้และน่าศึกษามากเลยค่ะ  ทุกคนมีประสบการณ์นี้  เพียงแต่จะนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อปรับแก้ให้ดีขึ้นหรือไม่เท่านั้น

หากโชคดีพอ    คนในครอบครัวคิดวิเคราะห์ร่วมกันด้วยความเข้าใจ  และปรับวิธีสื่อสารเสียใหม่ให้เป็นการสื่อสารที่น่ารัก  และนำเสนอความรักได้อย่างถูกวิธีเหมาะแก่วิถีของครอบครัวนั้นๆ  เราจะได้หน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม  ที่มีความมั่นคงทางจิตใจเพิ่มขึ้นมาอีกหลายหน่วย  และหน่วยเล็กๆเหล่านั้นก็จะเป็นรากฐานของความเข้มแข็งมั่นคงของสังคมต่อไป  เราจะได้สังคมสุขภาวะเป็นของขวัญ  ได้พ่อแม่ลูกที่น่ารักเป็นรางวัล  คิดแล้วอยากไปแต่งงานจริงๆ  อิๆๆๆ

เวลาจะฝึกให้นักศึกษาทำงานอะไรสักอย่างแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่  พี่แอมป์ชอบล้อเด็กๆด้วยประโยคนี้มากเลยค่ะ 

"..ครูไปแต่งงานดีกว่า..." 

แล้วเด็กก็จะฮากันครืน  เพราะหน้าตาพี่ดูตั้งอกตั้งใจมาก    ว่าพี่หมายฟามเช่นนั้นจริงๆ 

พี่ตั้งใจสื่อความหมายว่า   "ถ้าเราเสียเวลาชีวิตเพื่อทำสิ่งนี้  แล้วมิได้คุณค่าอย่างที่ตั้งใจ ทำแล้วสูญเปล่า  เราจะไปเสียเวลาทำไม  เราไปทำอะไรของเราเอง ให้เราได้รับเอาคุณค่าจากสิ่งที่เราทำอย่างเต็มที่... มิดีกว่าหรือ?"  

 

แล้วพี่ก็ตัดบททันควันว่า   "อย่าตอบครู  จงตอบตัวเอง...   และขอให้โชคดี  เพราะคำตอบแท้ๆจากใจคุณวันนี้ ...จะกำหนดชะตาชีวิตของคุณเอง..และครอบครัว..ในวันหน้า

                                                          ...ถ้า คุณ มี !   ..."

แปลอีกทีว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์สิ่งหนึ่งคือการมีครอบครัวที่ดี  อยู่ในครอบครัวนั้นแล้วอบอุ่นมีความสุข    พี่ถามเด็กๆว่าหากคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แลกกับการสูญเสียครอบครัวที่ดีของเราไป อย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้  คุณจะยอมไหม?   

 

 

 

นึกแล้วกลุ้มใจวิธีสอนของตัวเองเหมือนกันจ๊ะ  เพราะพี่คิดเอาเอง(ด้วยสามัญสำนึกบ้านๆ)ว่าอะไรน่าจะเป็นปัญหาในชีวิตบ้าง  แล้วพี่ก็ยกปัญหาขึ้นมาคุยกับเด็กๆเพื่อวิเคราะห์พินิจพิจารณาร่วมกัน  จากนั้นก็ร่วมหาทางออกแบบทะลุ่มทะลุยตามใจฉัน  แล้วก็ปล่อยให้เด็กๆไปคิดเอง  ไม่เคยมีคำตอบสำเร็จรูปให้เขาสักที  เด็กๆที่เรียนกับพี่จึงประเมินผลการสอนอย่างมั่นใจว่า "...จารย์สอนอะไรก็ไม่รู้..ไม่รู้เรื่อง"..ต่อเนื่องกันมาจนทุกวันนี้     (และพี่ก็ทำใจได้แล้วนะจ๊ะ)  : )  

สุดท้ายนี้  พี่ก็ได้มองเห็นอีกครั้งว่า ความรักของพ่อกับแม่ทำให้ลูกมีหัวใจที่อ่อนโยน ..หากนำเสนออย่างถูกวิธี   จากบันทึกถึงลูกภูของคุณหมอเล็ก  ที่อ่านแล้วก็รู้สึก "อิ่ม"  อย่างยิ่งเช่นกัน 

และทำให้พี่รู้สึกว่า Family Communication  ที่ดี  เริ่มต้นจาก "ความรักและความตั้งใจที่จะเข้าใจกันโดยแท้จริง" เป็นพื้นฐานสำคัญ    

ขอบคุณจริงๆที่หมอเล็กแวะมาร่วมสนทนาเติมเต็ม  

 

สามารถอ้างอิงเรื่อง "ครอบครัวศึกษาฯ"  ให้เห็นหลักฐานจริงเชิงประจักษ์(แก่ตา)ได้ ในบันทึกของคุณหมอเล็กนะคะ  : )   : )

------* ------ *------ *------- *-------- *------- *--------* ------- *-------

**ต้องขอขอบคุณพี่แอมป์เช่นกันค่ะ ที่เข้าใจวัตถุประสงค์ของน้องที่มีบันทึกถึงลูก

และ ขอยืนยันค่ะ ว่าสังคมหน่วยเล็กสุด ครอบครัว ถ้ามีสุข เข้าใจกันและกัน..

บางครั้งเราเป็นครู บางครั้งเขา(ลูก) ก็เป็นเพื่อน(สนิท) เป็นติวเตอร์ เป็นผู้ชี้แนะ เป็นผู้ปลอบโยนใจเรา

ก็มีค่ะ

ขอขอบคุณ อาจารย์สุขุมาล จันทวี (ดอกไม้ทะเล)อีกครั้งค่ะ

หมายเลขบันทึก: 251121เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2009 22:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

มีคนสนใจศึกษาเรื่องครอบครัวเชิงประจักษ์ขึ้นมาแล้ว

สนทนาวิสาสะKMในสถาบันครอบครัว

วันนี้เห็นรายชื่อ สมาชิกใหม่คนหนึ่ง ภูภา

ขำและคิดขึ้นมาว่า

ลูกไม้หล่นใต้ต้น...

ต้องรอแอบดูบันทึกของเขาค่ะ

ไปที่นครปฐม...

ได้นมัสการพระปฐมเจดีย์ อีกครา..แต่ไม่ได้เจอพี่เล็ก  :)

สวัสดีค่ะ

ป้าแดงว่าเรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ

P พี่อยู่ที่ที่ทำงานทั้งวัน(สามวันแล้วนี่ ไม่มีเดินสาย)  ไม่มาหาเองนี่นา ;P

P  ค่ะ ป้าแดงจริงที่สุดค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก และพี่ๆน้องๆที่แวะมาร่วมสนทนา : ) 

ชื่อบันทึกนี้เร้าใจจริงๆค่ะคุณหมอเล็ก พี่แอมป์ยังคงเดินหน้าโครงการครอบครัวศึกษาอย่างต่อเนื่อง  ด้วยการพูดประโยคขึ้นต้นว่า "ครูจะไปแต่งงาน" กับนักศึกษาทุกรุ่น  ตั้งแต่ผมสีเดียวจนผมสองสี  เด็กรุ่นนึงเคยแซวว่า "หนูว่าจารย์พิมพ์การ์ดเลยดีกว่าค่ะ" 

พี่เลยบอกเธอด้วยความเอ็นดูว่าจะทำการสิ่งใด จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ก่อนจะพิมพ์การ์ด ก็ต้องล็อคคอถามให้แน่ใจว่าเขาจะให้ยืมใช้นามสกุล  เธอก็หัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่  : ) 

พี่คิดว่าเรื่องแต่งงานนี้สนุกแท้  เรามองให้เป็น พิธีกรรม ก็ได้  หรือมองให้เป็น วิธีการ ก็ได้  พี่เองเมื่อแก่ๆเข้าก็ได้ร่วมอยู่ในพิธีกรรมเช่นนี้บ่อยครั้ง ตั้งแต่เป็นแขก เป็นเพื่อนเจ้าสาว  ไปจนกระทั่งเป็นพิธีกร  ล่าสุดก็ผันตัวเองเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าภาพ  เพราะเป็นงานของน้องสาวผู้เป็นญาติสนิท  รู้สึกว่าได้เลื่อนขั้นเร็วดี  จากตัวประกอบข้ามพรวดเดียวเป็นแม่นางเอก รู้เรื่องกันไปเลย  อิอิ

อันว่าพิธีกรรมชุดนี้แม่พี่ทำมานานโดยเริ่มมาจากช่วยจัดขันหมาก(เพราะสอนคหกรรม) ไล่ไปจนถึงเป็นเถ้าแก่สู่ขอ  ส่วนพ่อก็เป็นผู้ช่วยที่ดีคือแม่สั่งอะไรก็ทำอย่างคนใจดี  : )      จนเดี๋ยวนี้คนรู้จักจะจัดงานแต่งงานก็แวะมาปรึกษาแม่กับพ่อ   เป็นอันว่าได้ครบวงจร  ตั้งแต่เถ้าแก่ คนจัดขันหมาก ผู้ใหญ่ปูที่นอน  พิธีกร  แลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  ล่าสุดพี่ปฏิเสธงานพิธีกรอย่างเด็ดขาดเพราะได้พิ'ณาเห็นแล้วว่าการพูดในสิ่งที่เราไม่มี ประสบการณ์ตรง นั้น สร้างความอัตคัตขัดสนอับจนถ้อยคำแก่เราเป็นอันมาก   ให้พี่เทศน์เด็กสามวันสามคืนไม่ซ้ำกันยังเวิร์กกว่า...  : ) 

สิ่งหนึ่งที่พี่ได้เรียนรู้จากการแต่งงาน (หมายถึงหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานไปแล้ว)  คือการได้เห็นสัจธรรมของการอยู่ร่วมกัน  ว่าต้องประกอบไปด้วยความอดทนและความเข้าใจกันอย่างสุดซึ้งทีเดียว  พี่เองก็ไม่ใคร่แน่ใจว่าตนเองจะมีตบะเดชะพอที่จะปฏิบัติธรรมขั้นสูงเช่นนี้ได้หรือไม่  แต่หากผู้ใดปฏิบัติได้ ก็เป็นกุศลอันยิ่ง

และพี่ได้เห็นว่าความรักนั้นเป็นสิ่งดีแท้ เพราะทำให้จิตใจของเราชุ่มชื่นดี   แต่หากว่ามีความรักที่ไม่สมดุลแล้ว ก็จะทำให้ใจเป็นทุกข์นัก พี่เคยเป็นทุกข์ด้วยรักมาบ้างพอเป็นประสบการณ์ชีวิต  จึงเรียนรู้ที่จะรู้จักความทุกข์  และก็ทำให้รู้ว่า "ใจ"มนุษย์นั้น "ฝึก" ได้  หากเรารู้เท่าทันใจตัวเอง  เราก็จะอยู่เหนือทุกข์อันเกิดแต่ความรักได้  การรักด้วยใจที่เป็นกลางๆคือรักแบบพลอยยินดีที่เขาสุข  และกุลีกุจอช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจเมื่อเขาทุกข์  โดยไม่เริ่มและจบด้วยการคิดผูกมัดยึดครอง ก็จะทำให้จิตนิ่งๆเย็นๆและสบายใจดี   พี่ชอบความสุขที่นิ่งๆเย็นๆแบบนี้  พี่เคยคุยกับเพื่อนในเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ  พอพี่พูดจบ เพื่อนก็สรุปว่าคนแก่ก็เป็นแบบนี้แหละ  คือเธอไวมาก  พูดไม่ทันจบเธอก็เผ่นแผล็วไปในระยะที่เชี่ยนหมากของพี่ปลิวไปไม่ถึง

แต่ไม่เป็นไรนะคะคุณหมอเล็ก  วันพระไม่ได้มีหนเดียว  หลังจากที่เทศนาเอ๊ยพูดเสร็จแล้วพี่ก็ไปนั่งเลี้ยงหลานอย่างมีความสุข บางครั้งความสุขอาจไม่ได้เกิดจากการที่เราจะต้องเป็นนางเอกหรือพระเอกเสียเองเสมอไป  และหากเราดูหนังดูละครให้ดีๆแล้วไซร้ เราก็คงเห็นในหลายๆครั้งว่าชีวิตตัวประกอบดูจะมีเรื่องวุ่นวายน้อยกว่ากว่าพระเอกนางเอกอยู่เนืองๆ

เพื่อนพี่ยังอุตส่าห์โผล่มาบอกว่าบอกว่าอย่างนี้เขาเรียกว่าคิดแบบ sour grape  แต่พี่คร้านจะเถียงกับเธอ  เพราะต่างคนก็ต่างใจ ความสุขของใครก็เป็นไปตามแบบของคนนั้น จะมาบังคับให้สุขเหมือนกันนั้นหาได้ไม่   ขึ้นอยู่แต่ใจใครจะเห็น  ว่าเป็นทุกข์ในสุข หรือสุขในทุกข์  ว่าแล้วก็นึกถึงเพื่อนคนเดิมนี้ที่จู่ๆก็เคยถามขึ้นมาว่า เมื่อปลาทูกับปลากะพงอยู่ในกระทะ  มันจะร้องเพลงอะไรรู้ไหมจ๊ะ  

แล้วเธอก็ฉะ-เหลยเป็นเพลงเสียงลั่นๆว่า

"..สุกกันเถอะเรา  เศร้าไปทำไม..."      : )   : ) 

พี่ถึงแก่ตา สะ-หว่าง เห็นสัจธรรมขึ้นมาทันทีเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ  อิอิอิอิ

ความจริง "เมื่ออาจารย์แอมป์อยากแต่งงาน"

ในนี้ "บล็อกสนทนาวิสาสะ" หรือ ต้นฉบับของอาจารย์ดอกไม้ทะเลเอง

P   ดอกไม้ทะเล 

นี่ใส่ได้เลยนะคะ Digital divide เพราะว่าด้วย Family KM, Knowledge divide จากสุดยอดมือกระบี่-อาจารย์สุขุมาล จันทวี

ขออนุญาตใส่ Digital divide ให้ทีมงานตรวจ และ ท่านอื่น ๆ ได้อ่านบันทึกดี ๆ ของอาจารย์ดอกไม้ทะเลค่ะ

 

  

สวัสดีค่ะอาจารย์ค่ะ

บทความของอาจารย์น่าสนใจมากเลยน่ะค่ะ

หนูชอบตอนที่ 3 เรื่องรู้เท่าทันค่ะ

**..การรักด้วยใจที่เป็นกลางๆคือรักแบบพลอยยินดีที่เขาสุข  และกุลีกุจอช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจเมื่อเขาทุกข์  โดยไม่เริ่มและจบด้วยการคิดผูกมัดยึดครอง ก็จะทำให้จิตนิ่งๆเย็นๆและสบายใจดี   พี่ชอบความสุขที่นิ่งๆเย็นๆแบบนี้ **

 

มีคุณหนูนี มาอ่าน

หมอเล็กจึงตั้งต้นอ่านใหม่ทั้งหมด

 

ข้อเขียนของพี่แอมป์ ทำให้คิดได้ คิดแบบใหม่ คิดดี คิดต่าง คิดแตกยอดไปได้เรื่อย ๆ

และคิดไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้งที่มาอ่าน นะคะ

 

เช่นคราวนี้ มาสะดุดข้อความที่โค้ดมา

 

การรักด้วยใจที่เป็นกลางๆคือรักแบบพลอยยินดีที่เขาสุข

 

จริงแล้วก็คือ มุทิตา ซึ่งเป็นหัวข้อธรรมหนึ่งใน พรหมวิหารสี่


ตัวเองเคยอ่านพบ

ความคิดแรกคือ ความคิดเกี่ยวกับความรักที่คนเป็นพ่อแม่ มีต่อลูก

ความคิดอื่น ๆ ที่ตามมาคือ ความรักต่อคนรัก ญาตสนิท มิตรรักกัลยาณมิตร และบรรดาลูกศิษย์


ถ้าเรามีข้อนี้และ/หรือ มีให้ครบทั้งสี่ข้อ

เราก็จะเป็นบุคคลที่มีความสุขกับสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก"

 

ขอบคุณพี่แอมป์

ขอบคุณคุณหนูนี ที่มาอ่าน

 

*อ้อ ข้อเขียนที่คุณหนูนีชื่นชอบเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์แอมป์ ดอกไม้ทะเลนะคะ*

 

"..ครูไปแต่งงานดีกว่า..." 

มาอ่านอีก ติดใจตรงนี้อีก

 

คนที่หาญกล้าพูดอย่างนี้ อย่างน้อยต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ พอสมควรเลยค่ะ พี่แอมป์

เมื่อไรพี่แอมป์จะกลับมาประกาศเจตนารมณ์ อื่น ๆ บ้าง คิ ด ถึ ง

พี่ได้เห็นว่าความรักนั้นเป็นสิ่งดีแท้ เพราะทำให้จิตใจของเราชุ่มชื่นดี   แต่หากว่ามีความรักที่ไม่สมดุลแล้ว ก็จะทำให้ใจเป็นทุกข์นัก พี่เคยเป็นทุกข์ด้วยรักมาบ้างพอเป็นประสบการณ์ชีวิต  จึงเรียนรู้ที่จะรู้จักความทุกข์  และก็ทำให้รู้ว่า "ใจ"มนุษย์นั้น "ฝึก" ได้  หากเรารู้เท่าทันใจตัวเอง  เราก็จะอยู่เหนือทุกข์อันเกิดแต่ความรักได้  การรักด้วยใจที่เป็นกลางๆคือรักแบบพลอยยินดีที่เขาสุข  และกุลีกุจอช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจเมื่อเขาทุกข์  โดยไม่เริ่มและจบด้วยการคิดผูกมัดยึดครอง ก็จะทำให้จิตนิ่งๆเย็นๆและสบายใจดี   พี่ชอบความสุขที่นิ่งๆเย็นๆแบบนี้  พี่เคยคุยกับเพื่อนในเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ  พอพี่พูดจบ เพื่อนก็สรุปว่าคนแก่ก็เป็นแบบนี้แหละ  คือเธอไวมาก  พูดไม่ทันจบเธอก็เผ่นแผล็วไปในระยะที่เชี่ยนหมากของพี่ปลิวไปไม่ถึง

แต่ไม่เป็นไรนะคะคุณหมอเล็ก  วันพระไม่ได้มีหนเดียว  หลังจากที่เทศนาเอ๊ยพูดเสร็จแล้วพี่ก็ไปนั่งเลี้ยงหลานอย่างมีความสุข บางครั้งความสุขอาจไม่ได้เกิดจากการที่เราจะต้องเป็นนางเอกหรือพระเอกเสียเองเสมอไป  และหากเราดูหนังดูละครให้ดีๆแล้วไซร้ เราก็คงเห็นในหลายๆครั้งว่าชีวิตตัวประกอบดูจะมีเรื่องวุ่นวายน้อยกว่ากว่าพระเอกนางเอกอยู่เนืองๆ

 

*วันนี้มาอ่านอีก ชอบตรงนี้อีก ใกล้ ๆ ข้อความเดิมที่ชอบ...

แต่ตัวเองทำไม่ได้ แหะ แหะ

 

สวัสดีครับคุณหมอ

เคยคิดมั้ยครับ เวลาเปลี่ยนไปใจก็เปลี่ยนตาม  เสมือนหนึ่งว่าเรากำลังหาอะไรอยู่

แล้วก็ยังหาไม่เจอเสียที

ผู้กล้า ประทับฝ่ามือฝากไว้ในวงการยุทธจักรแล้วก็จากไป

ต่างคนต่างหาหนทางของแต่ละคน

บางคน มารู้สึกตัวก็เกือบจะสายเสียแล้ว

พระท่านว่าที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

จริงเสียยิ่งกว่าจริงครับ

Ico48
คนบ้านไกล พี่คะ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
จริงค่ะ
แต่ถ้า โลกนี้ไร้รัก มันจะเป็นอย่างไร หนอ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท