เบื้องหลังการถ่ายทำรายการทุกปัญหามีทางออก


นำบทความนี่เคยไว้ตามที่ต่างมารวบรวมไว้ใน gotoknow

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงาน ICT4SOCIETY ได้รับโทรศัพท์จากทีมรายการ The Exit ทางช่อง NBT โดยคุณ จอม เพชรประดับเป็นพิธีกรรายการ ได้โทรมาเพื่อขอสัมภาษณ์ อ.อิทธิพลเรื่องปัญหาเด็กติดเกมที่เป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญของสังคมไทยทุกวันนี้ และได้ขอความร่วมมือให้ทีมงาน ICT4SOCIETY แนะนำเรื่องสถานที่ในการถ่ายทำ และแขกรับเชิญผู้ร่วมรายการ โดยมีโจทก์คือต้องการหาตัวแทนเยาวชนที่เล่นเกม ผู้ปกครองและเจ้าของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ มาพูดคุยหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาการติดเกมของเด็กและเยาวชน

ผู้เขียนจึงแนะนำร้านในเครือข่าย OKNET ของเราให้กับทางทีมรายการ ชื่อ SMJ3 แถวสามย่าน ได้นัดหมายเจ้าของร้านใจดีไว้หนึ่งท่านคือ พี่ปรีดา เจ้าของร้าน SMJ และน้องอรรถพงศ์ รักขธรรม อายุ 13 ปี (น้องเต้ )หรือ Konata Freelance ที่อายุน้อยที่สุดของเว็บไซต์ Online-station เพื่อถ่ายทำรายการกันในวันคริสมาสต์พอดี

 

ว่าด้วยเรื่องของสถานที่ถ่ายทำ SMJ3 ร้านสวยแถวสามย่าน

วันนัดหมายผู้เขียนเดินทางไปถึงสถานที่ถ่ายทำก่อนประมาณชั่วโมงเพราะยังไม่เคยเห็นสถานที่ถ่ายทำ (ประมาณการกลัวรถติด) และเพื่อไปเตรียมตัวต้อนรับแขกรับเชิญผู้ร่วมรายการ มาถึงร้าน SMJ3 ที่นัดหมาย อยู่บริเวณ U-CENTER U2 ตรงข้ามอาคารจามจุรี 9 เดินทางมาไม่ยากเลย ได้ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน เมื่อเข้าไปในร้านก็เกิดความประทับใจเรื่องการตกแต่งร้านก่อนเป็นอันดับแรกเพราะเป็นร้านที่มีสีสันสวยงาม สะอาด และที่สำคัญสว่างมาก เป็นร้านขนาด 30-40 เครื่อง และจัดพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว แบ่งเป็นโซนหน้าร้านใกล้ประตูทางเข้าตั้งเครื่องไว้ซ้ายขวาประมาณ 8 เครื่อง

โซนกลางเป็นเคาเตอร์พนักงานซึ่งสามารถมองเห็นเครื่องคอมในร้านได้ทุกเครื่อง บริเวณนี้จะมีการประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นของทางร้าน และกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆที่ทางร้านจัดขึ้น และมีตู้ขายเครื่องดื่มสีขาวไว้เพื่อบริการลูกค้าด้วย

โซนด้านในถัดจากเคาเตอร์ไปจะตั้งคอมพิวเตอร์เรียงเป็นแถวยาวทั้งสองฝั่งของตัวอาคาร

ร้านนี้มีพนักงานบริการ 2 คนใช้ชุดฟอร์มของทางร้านสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีส้มของร้าน  โดยคนหนี่งทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าและอีกคนหนึ่งก็เตรียมความพร้อมของสถานที่ ไปเช้าเลยเจอกำลังทำความสะอาดร้าน เติมน้ำในเครื่องฟอกอากาศ

ผู้เขียนทดลองขอใช้บริการเครื่องคอมพิวเตอร์  ทางร้านให้ลงชื่อผู้ใช้และบันทึกเลขบัตรประชาชนไว้ด้วย ซื้อคูปองสำหรับใช้บริการมาในราคาชั่วโมงละ 20 บาท ในคูปองมี ID และ PASSWARD สำหรับเปิดเครื่อง ที่หน้าจอจะมีให้เลือกด้วยว่าจะเล่นเนตหรือเล่นเกมด้วย

รู้จักพี่ปรีดา กับไอเดียการยกระดับร้านเกม

      

      ได้เวลานัดหมายพี่ปรีดาเดินทางมาถึงที่ร้านด้วยหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวทักทาย ชวนพี่ปรีดาคุยเบื้องต้นก่อนถ่ายทำรายการ สัมภาษณ์กันสดๆไม่มี Script กันเลย

ICT4SOCIETY   : สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานสบายดีไหมคะพี่

พี่ปรีดา           : ดีครับ ช่วงนี้ก็ดูแลร้านหลายสาขาก็ยุ่งๆหน่อย เป็นยังบ้างครับสถานที่พอใช้ได้ไหมครับ

ICT4SOCIETY   : ใช้ได้ค่ะ สวยเลยแต่ต้องถามทางทีมรายการเขาว่าจะรบกวนพี่เรืองอะไรบ้าง ร้านนี้เป็นสาขา 3 เหรอคะ เห็น ชื่อ SMJ3

พี่ปรีดา            : ครับผม สาขาแรกอยู่ในตลาดสามย่านเก่า สาขาสองอยู่ใน U-Center U1 และร้านนี้

ล่าสุดเป็นสาขา 3 ครับผม แล้วจริงๆยังมีร้านแถวสายใต้ใหม่อีกที่ดูแลอยู่

ICT4SOCIETY   : ราคาชั่วโมงเท่าไรคะพี่ที่นี่ แล้วมีโปรโมชั่นอะไรพิเศษไหมคะ

พี่ปรีดา            : 20 ครับ และก็มีราคาสมาชิกพิเศษลงไป แล้วก็ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่เราก็จัดอีเว้นท์เล็กๆจับรางวัลกันคืนกำไรให้ลูกค้าครับผม

ICT4SOCIETY   :  ดีคะ แล้วร้านพี่ไม่มีปัญหาเรื่องราคาเหรอคะ ร้านอื่นๆละแวกนี้หนูเห็นเขาราคาถูกกว่านี่คะ ดุแล้วค่าเช่าที่นี่ก็น่าจะแพงด้วย

พี่ปรีดา            : ไม่มีเลยครับ พี่ทำร้านราคา 20 บาทมาเป็น 20 ปีเลยนะครับไม่เคยต้องกดราคาตัวเองเลย เพราะเราทำร้านให้ดูดี เครื่องดีพร้อมบริการและก็มีบริการหลายอย่างๆ ที่ร้านอื่นไม่มี และพนักงานก็ยิ้มยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกค้าส่วนมากจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยก็จะชอบร้านที่นั่งสบายๆทำงานได้ เล่นเกมได้ในร้านเดียวกัน ถูกกว่ากันไม่กี่บาทเขาก็จะเลือกที่คุ้มสุดของเขาละครับ

          อีกอย่างในแง่ธุรกิจมันต่างกันมากนะครับ 1 ชั่วโมงเก็บได้ 20 บาทกับ 2 ชั่วโมงได้ 20 บาทเนี่ย เพราะถ้าราคามันเป็นเท่านี้เราไม่จำเป็นต้องเปิดร้านนานเกินไป เราก็ยังทำกำไรได้เพียงแค่รักษาคุณภาพของการให้บริการไว้ก็เพียงพอ  เราไม่เสียต้นทุนแฝงอีกเยอะครับ พวกค่าซ่อมบำรุง ค่าไฟ ค่าพนักงาน หลายอย่างครับน้อง         เรื่องค่าเช่าก็ตามทำเลครับ อย่างที่นี่เดือนละ 50,000 บาทครับ แต่เราก็ตั้งราคาให้สามารถอยู่ได้ครับ

ICT4SOCIETY   :  ร้านเกมกับเด็กหนีกันไม่พ้นเลยอยากถามพี่ว่าร้านพี่ปรีดามีวิธีช่วยดูแลเด็กตัวเล็กอย่างไรบ้างคะ

พี่ปรีดา            : พี่พูดตรงๆนะครับการทำร้านในราคาระดับนี้ จะช่วยลดปริมาณการใช้ของเด็กเล็กได้นะครับ คือ ถ้าน้องเขามีเงินแค่ 60 บาท เขาจะเล่นได้แค่ 3 ชั่วโมง ไม่ใช่ 6 ชั่วโมงเพราะเงินเขาหมดแล้วนะ

และด้วยลักษณะร้านนี้เด็กกลุ่มหนึ่งก็จะไม่นิยมเข้าครับ คือเอาศัพท์ในวงการนะครับ เขาเรียกกันว่า “เด็กตัวเหม็น” จะเป็นน้องๆที่ไม่เรียนแล้ว หรือ เลยไปถึงเด็กเร่ร่อน กลุ่มนี้ก็จะไม่เลือกเข้าร้านแบบนี้ครับ มันเป็นการสกรีนกลุ่มลูกค้าไปในตัวครับ

ในทางตรงข้ามกันพอร้านบรรยากาศดี ลูกค้าเราก็จะไม่ได้มีแค่เด็กครับ จะมีคนทำงานซึ่งมีกำลังจ่ายได้มากกว่าเด็กๆ พอเด็กเห็นร้านมีคนโตแยะก็ไม่อยากเข้ามาเล่นนานหรอกครับ เหมือนคนละเวที  ภาพลักษณ์ก็จะไม่กลายเป็นที่ซ่องสุมเหมือนตามข่าวด้วย

แล้วพี่มองว่า พ่อแม่นะสำคัญสุดกับการดูแลลูกทุกเรื่องนะ จริงๆตามกฎหมายพ่อแม่นี่ก็มีเรื่องต้อรับผิดชอบหลายเรื่องเหมือนกันนะ แต่แค่ตำรวจเขาไม่ใช้กัน เออพี่ว่า..ต้องไปบอกคนใช้กฎหมายด้วย

ICT4SOCIETY   : แล้วพี่ปัญหาเรื่องการใต้โต๊ะ บนโต๊ะไรบ้างไหม?

พี่ปรีดา            : ไม่มีเลยครับ พี่มีร้านอีกร้านที่สายใต้ใหม่ ก็มีการมาถามหาค่าคุ้มครอง (ฮ่า ฮ่า) พี่ก็อบรมพนักงานทุกคนของพี่ไว้ว่าต้องพูดอย่างไรกับ จนท.แบบนั้น เราต้องให้ความมั่นใจกับพนักงานเราด้วยว่า งานที่เขาทำนี่ถูกต้องตามกฎหมายนะ หากเราสุจริตใครจะมาทำอะไรเราได้ละครับ

ICT4SOCIETY   : พูดถึงอบรมพนักงาน...พี่อบรมอย่างไรบ้างคะ

พี่ปรีดา           : เราควรมองว่านี่เป็น ธุรกิจ ต้องมีระบบไม่ใช่เราเป็นเจ้าของประเภทเถ้าแก่สั่งอย่างเดียว ทำแบบั้นเราเองจะเหนื่อยมาก ดังนั้นแค่วางระบบการทำงานไว้ตั้งแต่ต้น แล้วชี้แจงให้คนทำงานรู้ก็จบถ้าไม่เดินตามระบบ เราก็จะรู้ได้ทันทีสามารถแก้ปัญหาได้ทันที อย่างเช่น การนำเงินเข้าบัญชีที่ต้องมีการเอาเข้าทุกวัน หากพนักงานคนไหนเอาเงินเข้าเราก็ทราบทันที

ICT4SOCIETY   : อย่างนี้มีหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้างคะ

พี่ปรีดา            : เอาจริงๆพี่ใช้หลัก ปรัชญาพอเพียงนะครับ พอเพียงใช่แค่ปลูกผักนะครับ พอเพียงคือ การใช้ประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ คือ อย่างการทำร้านพี่ก็สามารถลงทุนได้ตามกำลังและก็ดูจุดคุ้มทุน และดูว่ามีประโยชน์กับใครได้บ้าง หากลงทุนแล้วมีทั้งเราและลูกค้าได้ประโยชน์ พนักงานมีงานทำ โอเคแล้วครับ แล้วเราทำงานใช้สติปัญญาหรือมีความรู้ แล้วก็ต้องมีคุณธรรมครับกับทุกเรื่องนะครับ และเราก็ต้องหาภูมิคุ้มกันไว้ด้วย อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าพอเพียงนะครับน้อง

ICT4SOCIETY: แล้วตอนนี้มีโครงการพัฒนาอะไรเพิ่มเติมไหมคะ

พี่ปรีดา  : มีอยู่หลายโปรเจคเลยครับ พี่เป็นคนไม่หยุดนิ่งละกัน ตอนนี้ก็มองว่าในร้านเกมมันจะมีบริการอะไรเพิ่มได้อีกไหม? หรือจะขยายกลุ่มลุกค้าไปได้อีกไหมครับ พี่ไม่ได้มองแค่เด็กอย่างเดียวครับ แต่ว่าจะต้องค่อยหาข้อมูล แย้มให้ก่อนซักหนึ่งว่าจะเปิดบริการ “หมอดูออนไลน์” ในต้นปีหน้า

 

ครอบครัวรักขธรรม  ตัวแทนครอบครัวรุ่นใหม่ใส่ใจลูกหลาน

        ไม่นาน น้องอรรถพงศ์ รักขธรรม น้องเต้ วัยอายุ 13 ปี และครอบครัวก็เดินทางมาถึง น้องเต้ มาในชุด นักเรียนโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย โดยคุณพ่อและคุณแม่มาให้กำลังใจน้องเต้...ด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตสีสันสดใสเข้ากับร้านเลยดีเทียว น้องเต้กล่าวทักทายพี่ๆทีมงานและก็ได้ทำการถ่ายทำก่อนเพื่อนเลย ได้มีโอกาสคุยกับคุณพ่อน้องเต้ก่อนทราบว่าคุณพ่อ ทำอาชีพเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถมีลูกชาย 2 คน เต้มีพี่ชายอีกคนหนึ่งซึ่งวันนี้ติดเรียนจึงไม่ได้มาให้กำลังใจน้องชาย

          น้องเต้ก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่เล่นเกมเหมือนกัน แต่เหตุผลเราเชิญน้องเต้มารวมรายการเนื่องจาก ผลงานเขียนของน้องเต้ในฐานะนักข่าว Freelance ของ website Online-station ที่อายุน้อยที่สุดที่เขียนข่าวเกี่ยวกับเรื่องเกมต่างๆ และน้องเต้ก็มีเอกลักษณ์ในการเขียนเป็นของตัวเองที่น่าสนใจจนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงคนหนึ่ง นอกจากนั้นน้องเต้ก็หารายได้จากการเขียนบทความลงขึ้นบนเว็บไซต์ได้ด้วย

          ระหว่างถ่ายทำ น้องเต้ได้สาธิตการเล่นเกมให้ทีมงานและอธิบายพิธีกร คุณจอม เพชรประดับ ทราบข้อมูลของเกม ทีมงานยังแซวว่า น้องเต้เหมือนได้คุยกับ ศาสตราจารย์ด้านเกมเลยทีเดียว

การเริ่มต้นของน้องเต้ กับการเป็นนักเขียน

         น้องเต้ เล่าว่าได้เล่นเกมตามพี่ชาย เนื่องจากคุณพ่อซื้อคอมพิวเตอร์มาให้เล่นและในที่สุดก็ชอบเล่นเกมออนไลน์ทุกประเภท ตอนนั้นอายุประมาณ 8-9 ขวบ ก็สลับกันเล่นระหว่างพี่น้องไม่ได้ออกไปเล่นที่ร้านเกม  โดยที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด พอโตขึ้นมาพี่ชายก็เริ่มเปลี่ยนไปสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับงานอดิเรกอย่างอื่นมากกว่าการเล่นเกม น้องเต้ก็เลยหาข้อมูลเช่นกันโดยปกติเป็นสมาชิกเว็บไซด์ Online-station

           คุณพ่อบอกว่า คุณทำงานอู่ซ่อมรถ จริงๆไม่ค่อยได้ดุแลลูก ไม่ได้ทราบว่าลูกเล่นอะไรในเกมบ้าง ให้อิสระกับลุกในการเลือกชอบเลือกเล่นอะไร ซึ่งไม่ได้ปล่อยจนเกินไป ครอบครัวจะคุยกันสม่ำเสมอ คือ คุณแม่จะเป็นแม่บ้านดูแลลูกชายทั้งสองคน และเห็นว่าเรื่องการเล่นเกมจะเป็นไปตามช่วงวัยเพราะว่า พี่ชายคนโตตอนนี้ก็ไปสนใจใช้Internet เพื่อหาความรู้ด้านกีฬา และ ด้านมายากล ซึ่งเป็นงานอดิเรกไปแล้ว มันค่อยเปลี่ยนไปเอง

          อย่างของน้องเต้ ตอนแรกก็สนใจแต่เรื่องเกมในฐานะคนเล่นอย่างเดียว ตอนนี้เต้ชอบวิจารณ์เกมเต้ก็เลยมาหัดเขียนลงเว็บไซด์ ซึ่งพ่อก็ไม่ทราบว่ามันจะกลายเป็นรายได้เล็กน้อยๆให้ลูกได้ ซึ่งพ่อก็ภูมิใจมาก

          น้องเล่าว่า ตัวเองสมัครเข้าไปเป็นนักเขียนเองพอทางบริษัทตอบรับมาและให้ไปเปิดบัญชีเพื่อเอาไว้รับค่าเขียน น้องเต้จึงไปปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อน ซึ่งเมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้โทรมาสอบถามรายละเอียดจนแน่ใจแล้วน้องเต้จึงได้กลายมาเป็นนักเขียนอิสระเต็มตัว

           ด้วยวัยเพียง 13 ปี กับการเรียนและการทำงานไปด้วย ผู้เขียนจึงถามน้องเต้ว่า หนักไปไหม น้องเต้ทันทีว่าไม่หนักเลยครับเพราะทำใส่สิ่งตัวเองชอบและก็ใช้เวลาในการทำงานไม่นานมาก และเต้ชอบอ่านหนังสือ ชอบเขียนหนังสืออยู่แล้วด้วย  น้องเต้อาศัยการแบ่งเวลาจากการเล่นเกมมาเขียนงานแล้วรับผิดชอบส่งให้ตามกำหนดก็เพียงพอแล้ว และก็อ่านงานเขียนของคนอื่นเพิ่มเติมความรู้ของตัวเองด้วย

          ผู้เขียนถามว่าน้องเต้ เคยเจอ บก ตัวจริงหรือยัง น้องเต้ยิ้มอายๆแล้วบอกว่ายังเลยครับพี่  จึง ต่อสานถึง บก Website Online-station เพื่อให้ได้พูดคุยกันซึ่งน้องเต้ดีใจมาก และฝากขอบคุณ ทาง website Online-station ด้วยที่ให้น้องเต้ได้มีโอกาสดีแบบนี้

        บรรยากาศการถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเทปที่บักทึกนี้จะออกอากาศในวันพุธที่ 7 มค.2552 อย่างไรรอชมทาง NBT นะคะ

 

หมายเลขบันทึก: 253017เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2009 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 13:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท