(ต่อ)
“เช้ามืด ผมจะตื่นไปปั่นจักรยาน” ท่านบอกผมเมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๔๓ นี้เองเมื่อตอนที่ผมและหมอลลิตาไปเยี่ยมอวยพรท่านในวันปีใหม่ที่บ้านเชียงใหม่ ครับ ท่านไปออกกำลังการยแบบนี้ทั้งที่เป็นมะเร็งระยะที่สี่ มีก้อนเบ้อเริ่มอยู่ที่ตับ “ลูกศิษย์ผมที่เป็นหมอน่ะบอกให้ผมกินเนื้อ นม ไข่ และไม่เห็นด้วยกับที่ผมกินอาหารอย่างนี้ แต่รู้ไหมครับ ผมกินอย่างนี้ซิกลับรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงเยอะแยะ ทำให้ผมคิดย้อนไปว่า ผมนี่ท่าจะกินผิดมาอย่างมากเมื่อก่อนนี้ จึงทำให้เป็นมะเร็ง ผมคงไม่ถึงกับหวังว่าจะหาย แต่คุณภาพชีวิตของผมก็ถือว่าดีมาก ถ้าผมกินอย่างพวกเขาแนะนำ ผมคงตายไปนานแล้ว”
ท่านเล่าต่อ “แหม...หมอ...เอ๊ย! เวลาที่ผมปล่อยจักรยานให้พาตัวเองเลื่อนไหลลงจากดอย ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเสียจริงๆ”
ผมจินตนาการไปตามคำบอกของท่าน ระลึกถึงอากาศเช้าๆ ที่สดชื่น หมอกจางๆ โรยตัวระเรี่ยดิน ที่มีหยาดน้ำค้างพร่างพรมอยู่ตามยอดหญ้า มองไกลออกไปเห้นตัวเมืองเชียงใหม่ ยอดเจดีย์ วิหาร กำแพงเมือง จัดวางตัวอย่างสงบเหมือนคนขี้เซาที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากหลับอันไร้ฝัน เห็นมหาวิทยาลัยที่อยู่เบื้องล่าง ถนัดชัดขึ้น ชัดขึ้น จนจักรยานของท่านลงมาถึงเบื้องล่าง เพียงแค่นี้ผมก็สัมผัสได้ถึง “ความสุข” ซึ่งที่แท้ก็เป็นเพียง “ความทุกข์น้อย” ที่มีมาชั่วครั้งคราว ท่านยังขยันเก็บรับเอามาเป็นคุณค่าแห่งชีวิตเท่าที่จะแสวงหาได้ในยามบั้นปลายของชีวิต
อาจารย์ธันย์ยังใช้เวลาทั้งหมดเท่าที่จะมีอยู่ช่วยรักษาและแนะนำคนไข้มะเร็งโดยทั่วไปทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ โดยบินมาบินไปทุกสัปดาห์ “คุณพ่อมีความสุขที่ได้ตรวจรักษาคนไข้” ลูกสาวของท่านคุยกับผมทางโทรศัพท์ในอีกครั้งหนึ่งที่ผมทราบข่าวอาการเจ็บป่วยของท่านที่มีอาการหนักขึ้นและใช้วิธีโทรศัพท์ทางไกลไปเยี่ยม
“จะให้ผมอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก เวลาเหลืออยู่ไม่มาก ช่วยเขาได้ก็ต้องช่วย” อาจารย์ธันย์พูดกับผมจากสุดสายอีกข้างหนึ่ง คนที่ส่งข่าวอาการเจ็บป่วยของอาจารย์ธันย์ให้ผมทราบคือคุณสมพร หญิงใจเพชรที่ผมฝากฝังเธอไว้กับอาจารย์ธันย์เพื่อหวังจะให้ไปใช้เคมีบำบัดนั่นเอง
คุณสมพรกลับเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาบอกผมถึงอาการที่เพียบหนักของอาจารย์ “ดิฉันไปหาอาจารย์ทุกสัปดาห์ แต่ไปเที่ยวนี้น่ะ ดิฉันต้องน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นสภาพของอาจารย์ ซึ่งดิฉันคิดว่าอาการหนักกว่าดิฉันเสียอีกนะคะ” เธอเล่าสภาพในห้องตรวจ ขณะที่อาจารย์ลุกขึ้นมาตรวจเธอ
“อาจารย์ผ่ายผอมมาก ท้องกลมใหญ่ และมีเท้าบวมด้วย อย่างที่ดิฉันเคยเห็นเพื่อนมะเร็งที่เป็นมะเร็งตับระยะท้ายนั่นแหละ อาจารย์บอกดิฉันตรงๆ ว่า หมอเห็นท่าจะอยู่ไม่นานแล้ว พูดเสร็จท่านก็คว้าหูฟังมาตรวจดิฉัน แล้วก็สั่งการรักษาให้ดิฉัน” คุณสมพรเล่า
สองสัปดาห์ต่อมาผมก็ได้ข่าวการเสียชีวิตของอาจารย์ธันย์
ครับ นี่คือเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตและการทำงานของอาจารย์ธันย์ ที่ผมมีโอกาสได้สัมผัส ท่านคิดแต่จะเป็นผู้ให้แก่คนไข้ก่อนอื่นใด ท่านเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสทั้งแก่ชีวิตของตัวท่านเองและเป็นแบบอย่างให้คนไข้มะเร็งอีกมากมาย
ท่านเป็นตัวอย่างของแพทย์ผู้หันมาให้ความสนใจในการผสมผสานความรู้การแพทย์แบบแผนกับการแพทย์แผนธรรมชาติต่างๆ
ท่านให้ความสำคัญทั้งต่อร่างกายและจิตวิญญาณของคนไข้และครอบครัวของเขา ท่านใช้สถานะของอาจารย์แพทย์ที่จะนำเสนอหนทางใหม่ๆ ด้านการรักษาโรคด้วยการแพทย์ทางเลือกแนวทางต่างๆ
นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
จากคอลัมน์ธรรมชาติบำบัด
มติชนสุดสัปดาห์
ฉบับที่ ๑๐๓๙ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๓
(ใช้บริการอ่านตัวเล่ม-วารสารเย็บเล่ม ได้ที่สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
และพิมพ์เผยแพร่ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หน้า ๑๕๘-๑๗๑
เคยรู้จักพี่เขาสมัยเรียนครับ สุขสันต์วันก่อนสงกรานต์ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ JJ
ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์ สุขสันต์วันก่อนวันศุกร์ (ก่อนเทศกาลสงกรานต์อีกด้วยแน่ะ ^^) นะคะ
เก็บมะลิที่บ้านมาฝากค่ะ
วันนี้ วันเกิดโรงพยาบาลหลวงแห่งแรกของไทยค่ะพี่ดาว
โรงพยาบาลศิริราช
ขอพี่ดาว คุณหมอและนางฟ้าสีขาวทุกคนมีความสุขมากมายนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
พี่เพิ่งอ่านเวอรชั่นใหม่เล่มขาวสวยสะอาดตาอีกครั้งเมื่อสัปด่าห์ที่แล้วนี้เอง นับเป็นการอ่านครั้งที่สี่หลังจากเล่มเวอร์ชั่นเก่าได้มอบให้น้องนำไปมอบให้ภรรยาของหมอคนหนึ่งที่เป็นมะเร็งทำให้กลับมาทบทวนการออกกำลังด้วยการวิ่ง และปรับเอาการเดินแบบแอร์รูบิคที่อ่านในหนังสือที่ท่านเขียนมาใช้ใหม่ ขอบคุณนะคะ หากการอ่านครั้งนี้มีกุศลจริงพี่ขอมอบให้ท่านผู้เขียนทุกประการ
" หมอเห็นท่าจะอยู่ไม่นานแล้ว พูดเสร็จท่านก็คว้าหูฟังมาตรวจดิฉัน แล้วก็สั่งการรักษาให้ดิฉัน”
อ่านแล้วก็ปลื้มปิติในความเป็นแพทย์มืออาชีพที่อุทิศกายใจให้กับวงการนับเป็นการเสียสละระดับโลก
ขอบคุณมากๆค่ะกับบทความดีๆที่สร้างสรรค์คุณธรรม
สวัสดีค่ะคุณศิลา
ใครมาก่อนไปก่อน ใครมาทีหลังอาจได้ไปก่อน ขึ้นอยู่ที่การกระทำของคนนั้นส่วนหนึ่งนะคะ อีกส่วนหนึ่งอาจจะยกเป็นเรื่องกรรมด้วย เดี๋ยวเราก็จะตามๆ กันไป จริงด้วยค่ะ
เพิ่งกลับถึงบ้านค่ะ (ตอบช้าไปหลายวันเลย)