…………………………….
ข้อเท็จจริงของนางมาต ลุงยอน
…………………………….
· เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ (ปรากฏตาม ท.ร.๓๘/๑) ปัจจุบันอายุ ๔๒ ปี
· เกิดที่หมู่บ้านนามล ตำบลบ้านเลา อำเภอกุนฮี จังหวัดเมืองนาย ประเทศพม่า (ปรากฏตาม ท.ร.๓๘/๑)
· เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางเมืองยอน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑
· ปัจจุบันประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปในพื้นที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
· เธอร้องขอรับจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใน พ.ศ.๒๕๔๗ จึงได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนประวัติตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎรประเภทแรงงานต่างด้าว (ท.ร.๓๘/๑) เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘
· มาตได้รับการจัดทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เลขประจำตัว คือ ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๖๕๔๑-๘ วันออกบัตร ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๙ วันบัตรหมดอายุ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒
· มาตมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวตั้งต่ พ.ศ.๒๕๔๔ จนถึงปัจจุบัน
· มาตมีบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว
· มาตบอกว่า “ครั้งแรกที่มาในประเทศไทยนางมาตไม่มีบัตรประชาชนของพม่า ต้องยืมของคนอื่นมาพอนางมาตกลับไปพม่าเอาบัตรไปคืนแล้วไปขอทำบัตรของตัวเอง เสียเงินประมาณเงินไทย ๓๐ บาท ช่วงไหนที่ทางอำเภอไม่เปิดทำบัตรเราไปขอทำบัตรจะเสียเงินเยอะ”
…………………………….
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบิดาและมารดาของนางมาต ลุงยอน
…………………………….
· บิดา ชื่อนายลุงยอน เสียชีวิตในประเทศพม่า
· มารดา ชื่อนางหมั่น เสียชีวิตในประเทศพม่า
…………………………….
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสามีของนางมาต ลุงยอน
…………………………….
· สามี ชื่อ นายจั้ง มณีวรรณ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายของประเทศใดเลย
· นายจั้ง มณีวรรณ ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
· เลขประชาชน ๖-๕๐๑๐-๗๒๐๕๑-๓๐-๘
· เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒ นายจั้งได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ซึ่งมีชื่อว่า “ทะเบียนประวัติชุมชนบนพื้นที่สูงตามแผนแม่บทฯฉบับที่ ๒” ปรากฏเป็นบุคคลอยู่ในลำดับที่ ๑ เลขที่ ๒/ช ม.๓ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งว่า ระบุเกิดในประเทศจีน เข้ามาในประเทศไทยทางด่านแม่สายเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕
· ดังนั้น นายจั้งจึงเป็นบุคคลเป้าหมายของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ซึ่งยอมรับให้สิทธิเข้าเมืองและอาศัยอยู่ถาวร ทั้งนี้ โดยอาศัยมาตรา ๑๗ แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒
· นายจั้งได้ยื่นคำร้องขอสถานะคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องยังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติฯ
· นายจั้งมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
· ทั้งสองไม่มีบุตรด้วยกัน
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวกับประเทศพม่า
…………………………….
· มาตมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศพม่าโดยการเกิดโดยหลักดินแดนเพราะมาตเกิดในประเทศพม่า
· มาตมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศพม่าโดยการเกิดโดยหลับุคคล เพราะบิดาและมารดาของมาตก็เกิดในประเทศพม่า อีกทั้งปู่ย่าตายายก็เปฯคนไทยใหญ่ที่เกิดในประเทศพม่าอีกด้วย
· แม้รัฐบาลพม่าจะมิได้ออกบัตรประชาชนให้แก่มาตตั้งแต่เกิด แต่ในช่วงที่มีการรณรงค์การทำประชามติรัฐธรรมนูญพม่า มาตก็ได้รับการออกบัตรประชาชนคนสัญชาติพม่า นั่นหมายความว่า มาตย่อมมีชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า
· เมื่อเราฟังข้อเท็จจริงว่า มาตอพยพจากประเทศพม่าเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยในราว พ.ศ.๒๕๔๑ เราจึงสรุปได้ว่า มาตจึงไม่มีจุดเกาะเกี่ยวโดยหลักดินแดนภายหลังการเกิดกับประเทศพม่า ความสัมพันธ์ระหว่างมาตและรัฐพม่าภายหลังการเกิดจึงสิ้นสุด ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างมาตและรัฐไทยภายหลังการเกิดจึงเข้ามาแทนที่
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย
…………………………….
· มาตเริ่มมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยเพราะอาศัยอยู่จริงในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๑ จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลารวมกว่า ๑๐ ปี
· นอกจากนั้น มาตยังมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยภายหลังการเกิด เพราะสามีมีสถานะเป็นคนต่างด้าวในทะเบียนราษฎรไทย (ท.ร.๑๓) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ยอมรับให้นายจั้ง มณีวรรณ ซึ่งเป็นสามีของมาตมีสิทธิเข้าเมืองและอาศัยถาวรมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๓ แต่อย่างไรก็ตาม จั้งยังมิได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว
· เราจึงสรุปได้ว่า จุดเกาะเกี่ยวระหว่างมาตและรัฐไทยเป็นความสัมพันธ์ภายหลังการเกิด
…………………………….
สถานะบุคคลตามกฎหมายพม่าว่าด้วยสัญชาติพม่า
…………………………….
· เราอาจชี้ได้ชัดเจนว่า มาตมีสิทธิในสัญชาติพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิต เพราะเมื่อบุพการีทั้งสองมีสถานะเป็นคนสัญชาติพม่า และเป็นคนในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า กล่าวได้ว่า มาตจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดาและมารดา
· นอกจากนั้น เราฟังได้ว่า มาตเกิดในประเทศพม่า เราจึงชี้ได้ว่า มาตย่อมมีสัญชาติพม่าโดยหลักดินแดน
· เราทราบว่า มาตตกหล่นจากทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าในขณะที่เกิด และมาตได้รับเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าในช่วงที่มีประชาพิจารณ์รัฐธรรมนูญพม่าใน พ.ศ.๒๕๕๑
· ในวันนี้ มาตถือบัตรประจำตัวคนสัญชาติพม่าที่ออกโดยรัฐบาลพม่า มาตจึงทั้งมีและใช้สิทธิในสัญชาติพม่าได้อย่างไม่ตรงสงสัย
…………………………….
สถานะบุคคลตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติไทย
…………………………….
· เราอาจชี้ได้ชัดเจนว่า เมื่อนางมาตมิได้เกิดในประเทศไทย เราก็ต้องชี้ว่า มาตก็ไม่อาจมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิด
· แต่ภายหลังการเกิด มาตย่อมมีสิทธิร้องขอสิทธิในสัญชาติไทยภายหลังการเกิด ซึ่งอาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการสมรส หากมีคู่สมรสเป็นคนสัญชาติไทย หรืออาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ หากมาตแสดงให้ประจักษ์ถึงความกลมกลืนระหว่างมาตและประเทศไทย
· จะเห็นว่า นายจั้งซึ่งเป็นสามีของมาตยังมิใช่คนสัญชาติไทย มาตจึงไม่อาจร้องขอใช้สิทธิในสัญชาติไทยโดยการสมรส แต่หากว่า นายจั้งได้มาซึ่งสิทธิในสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติในอนาคต มาตก็อาจใช้สิทธิร้องขอสัญชาติโดยการสมรสตามสามี
· นอกจากนั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติไทยเป็นไทยนั้น มาตเองก็ยังไม่อาจทำได้ เพราะมาตยังไม่มีภูมิลำเนาตามกฎหมายมหาชนในประเทศไทย เนื่องจากยังไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
…………………………….
สถานะบุคคลตามกฎหมายไทยว่าด้วยคนเข้าเมือง
…………………………….
· เมื่อมาตไม่มีสัญชาติไทย จึงสถานะเป็นคนต่างด้าว
· แต่มาตเข้าเมืองไทยมาโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตจึงมีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย
· แต่เมื่อมาตได้รับการบันทึกใน ท.ร.๓๘/๑ จึงมีสถานะเป็นราษฎรไทย
· เมื่อมาตได้รับอนุญาตทำงานตามกฎหมายไทยมาตลอด มาตจึงมีทั้งสิทธิทำงานในประเทศไทย และความเป็นคนทำงานถูกกฎหมายไทยจึงทำให้มาตมีสถานะเป็น “แรงงานต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยชั่วคราว” แม้จะยังมีสถานะเป็น “คนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย” ก็ตาม
· มาตจะมีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไทยอย่างถูกกฎหมาย หากกระบวนการพิสูจน์สัญชาติพม่าได้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๖
· ขอให้สังเกตในประการแรกว่า มาตมีสถานะตามกฎหมายทะเบียนราษฎรเป็น “สถานะตามกฎหมายทะเบียนราษฎร” แต่อย่างไรก็ตาม ที่อยู่ของสถานะบุคคลของมาตและบุพการี ก็คือ ทะเบียนประวัติ[2] มิใช่ทะเบียนบ้าน[3]
· ขอให้สังเกตในประการที่สองว่า มาตมีสถานะที่ชอบด้วยกฎหมายคนเข้าเมือง กล่าวคือ เป็นคนต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยชั่วคราวโดยผลของมาตรา ๑๗ แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒
· ขอให้สังเกตว่า กรมการปกครองจะต้องออก “บัตรประจำคนไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายทะเบียนราษฎร” ให้แก่มาต เราไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้ จึงต้องตรวจสอบว่า มาตได้รับบัตรประจำตัวนี้แล้วหรือยัง ??
· ขอให้สังเกตในประการที่สามว่า มาตก็น่าจะมีสถานะเป็น “แรงงานแท้” หากพิจารณากับการมีอยู่ของใบอนุญาตทำงาน
โปรดอ่านอีกด้วย
มาต ลุงยอน (ตอนที่ ๒) – เธอไร้รัฐไร้สัญชาติหรือไม่ ? เธอเสมือนไร้สัญชาติจริงหรือ ?
http://gotoknow.org/blog/archanwell-and-maeai-study/255361
ข้าพเจ้ารับอุปการะเด็กที่ไม่มีเอกสารใด ๆ ติดตัว เนื่องจากเข้ากรุงเทพฯ ตัั้งแ่ต่อายุได้ 9 ขวบ และอาศัยอยู่กับช่างรับเหมาทำงานบ้านจนช่างรับเหมาเสียชีวิต เด็กคนนี้อายุประมาณ 15 ปี ก็เลยมาอาศัยอยู่กับข้าพเจ้าตลอดมาจนปัจจุบัน อายุประมาณ 27 ปี
เมื่อปี 2549 ได้แจ้งเป็นแรงงานต่างด้าว สัญชาติพม่า เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชนไทย
และได้ต่ออายุบัตรต่างด้าวตลอดมาทุกปี ไม่ทราบว่ากฏหมายไทย มีทางออกใดให้กับเด็กคนนี้ได้บ้าง เพราะเขาไม่ใช่พม่า แต่เป็นเด็กชาวเขาจากเชียงราย พ่อเสียชีิวิต เหลือแม่กับน้องสาวซึ่งไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จึงไม่ทราบว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ เนื่องจากออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบจึงจำใครไม่ได้อีก ขอความกรุณาท่านที่รู้กฏหมาย หรือระเบียบข้อปฏิบัติกรุณช่วยเหลือด้วยค่ะ
ขอบคุณแทนด้วยค่ะ
เปรม
พาเด็กมาหาดิันที่ธรรมศาสตร์ได้ไหมคะ