ในบันทึกตอนที่ ๑ นั้นกล่าวถึงสวนรวมพันธุ์ไม้หอมแต่กลับลงรูปครับ จริงๆแล้วไม่ถ่ายเอาไว้มากกว่าครับ กระหายน้ำเพราะลืมพกติดตัวมาด้วย ทีแรกนั้นว่าจะเดินทางกลับไปที่รถแต่คิดว่าตัวเองยังไหวเอ้าเดินต่อไปที่เทรลบนเขาดูหน่อย
ผมมาสะดุดกับป้ายนี้ครับ คิดว่าเทรลนี้คงจะมีอะไรดีๆให้ดูบ้างแหละน่า
ข้อความที่บนป้ายสื่อความหมายนี้ครับ
ระับบนิเวศวิทยาป่าไม้ของไทย
ระบบนิเวศ(Ecosystem)เป็นโครงสร้างความสันพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างๆกับบริเวณแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตเหล่านีี้อาศัยอยู่
ระบบนิเวศป่าไม้ของไทยเป็นระบบนิเวศน์ป่าไม้เขตร้อน มีลักษณะเฉพาะตัวกล่าวคือมีซับซ้อนหลากหลายของพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์
ภูมินิเวศ สังคมของต้นไม้และสิ่งมีชีวิตอื่นๆมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดผลผลิตที่จำเป็นอันจะขาดเสียมิได้ต่อมนุษย์
ในสมัยก่อนมนุษย์ใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศป่า ทางด้านที่อยู่อาศัย ยา ไม้ฟืน ไม้ใช้สอย การเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากระบบนิเวศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากป่าไม้ไปใช้ประโยชน์ ชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้ป่านำทรัพยากรจากป่ามาใช้สอย และใช้อยู่ในท้องถิ่น คนในแต่
ละท้องถิ่นจึงต้องคุ้มครองรักษาและเสริมสร้างระบบนิเวศป่าไม้ของตนเอาไว้ใช้ประโยชน์
กระบวนการคุ้มครองรักษาและเสริมสร้างระบบนิเวศจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ด้านล่างของป้ายมีข้อความ 550 ม. ทีแรกคิดว่าเป็นความสูง กลับออกมาร้องอ๋อว่าระยะทาง
ผ่านป้ายสื่อป้่ายแรกมาแล้ว
ไม้ที่เป็นตัวแทนของจุดศึกษานี้มาแสดงตัวแล้วครับ
ที่จุดแรกนี้เป็นเรื่องราวของไผ่ครับ
ในศาลาก็มีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้พร้อมส่วนภาพประกอบนั้นก็ดูรอบนอกนะครับ
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๒ ผมไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมาเจอกับท่อนไม้ไผ่ที่ลอยน้ำมาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณแผ่นซีดีน่าจะได้ความยาวก็น่าจะสองเมตรครึ่ง ลองลากเล่นๆมาให้เจ้าเป็ดน้อยดูเล่นๆระยะทางประมาณสิบเมตรเห็นจะได้เหนื่อยหอบแห่กๆเลยครับไม่น่าเชื่อว่าจะหนัก ไผ่นั้นเป็นไม้เบิกนำให้ปุ๋ยปรับปรุงความสมบูรณ์ของดินเพื่อรอการฟื้นตัวเป็นป่ารุ่นต่อไป
ระหว่างทางมองไปด้านล่างพบดินที่ถูกเปิดเพื่อทำทางเดิน เผยให้เห็นรากของไม้ยืนต้นที่อยู่ใต้ผิวดินและชั้นใต้ผิวดิน ต้นหญ้าเล็กๆที่งอกด้านข้างนั้นคงจะช่วยไม่ให้ดินนั้นถูกชะล้างได้ง่ายจากน้ำที่ไหล
ออกเดินทางกันต่อครับ บันทึกหน้าจะเจอป่าอะไรในเทรลนี้ครับ