อาสาสมัครของ NCCM ที่ภูเก็ตเคยแจ้งกับผมว่า “นางพยาบาลบอกว่าหากเด็กที่เกิดในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เกินกว่า 1 ปี จะไม่สามารถค้นหาหนังสือรับรองการเกิดท.ร.1/1 ได้” การบอกกล่าวอย่างนั้นเสมือนหนึ่งเป็นการปฏิเสธล่วงหน้าเพื่อที่จะไม่ต้องมาขอท.ร.1/1 ที่โรงพยาบาลอีก
แต่ผมก็ได้ชี้แจ้งไปว่า “เอกสารที่เกิน 1 ปี หาไม่ได้ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกรณีของนางเล็กสามารถที่จะค้นหาท.ร.1/1 ได้แม้ว่าจะเกิน 1 ปีแล้วก็ตาม” ( ลูกสาวนางเล็กเกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 ) รายละเอียดตามลิงค์ข้างล่างครับ
http://gotoknow.org/blog/papermoon/252584
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าความคิดของนางพยาบาลผู้นั้นมาจากแนวคิดใด หรืออาจจะ
มาจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ข้อ 57.5 เรื่อง “หนังสือที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญซึ่งไม่มีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี”
หากเป็นการไม่สามารถค้นหาท.ร.1/1 ซึ่งเกิน 1 ปี ได้ เป็นความจริงแล้ว ไฉนทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตสามารถค้นหาเอกสารลูกของนางเล็กได้ เพราะเอกสารที่เก็บตามข้อ 57.5 นั้นครบอายุการเก็บ 1 ปี ต้องทำลาย เมื่อไม่ทำลายก็หมายความว่ายังคงมีการเก็บเอกสารดังกล่าวอยู่
การออกมาปฏิเสธเสียเนิ่น ๆ ดังที่กล่าวข้างต้น หากแม่คนใดคนหนึ่งยื่นคำร้องขอท.ร.1/1 แล้วนางพยาบาลออกมาปฏิเสธว่าท.ร.1/1 ไม่มีแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็เท่ากับว่านางพยาบาลผู้นั้นได้ทำให้ท.ร.1/1 สูญหายเพราะเป็นหน้าที่ของนางพยาบาลที่จะต้องปกครองหรือรักษาเอกสารดังกล่าวไว้ การบอกว่าไม่มีจึงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 158 หรือไม่ก็อาจจะผิดตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นหลักทั่วไป ซึ่งล้วนแต่มีโทษหนักกว่าการไม่ออกท.ร.1/1 ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฏรเสียอีก
หากนางพยาบาลอ้างว่ามีการทำลายเอกสารเหล่านั้นจริง ต้องตอบคำถามว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 ส่วนที่ 3 ว่าด้วยการทำลาย หรือไม่ อย่างไร และต้องตอบคำถามให้ได้ว่าท.ร.1/1 ของลูกนางเล็กมาได้อย่างไร ซึ่งจะต้องตอบคำถามให้ดี ๆ มิฉะนั้นคำตอบอาจผูกมัดตัวเองให้ต้องผิดกฎหมายอาญามาตราอื่นอีก
ผมภาวนาว่าขออย่าได้เจอการปฏิเสธกับตัวตรง ๆ อย่างนั้นอีก เพราะอาจทำให้ผมไม่มีทางเลือก เพราะผมต้องปกป้องเด็กไม่ให้ตกอยู่ในสถานะไร้ความมั่นคงในจิตใจตลอดชีวิต เพียงเพราะท่านไม่ยอมสละเวลาค้นหาเอกสารที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเด็ก แล้วท่านมาปฏิเสธตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือปฏิเสธตามลิงค์ข้างล่างนี้
ผมไม่ปรารถนาให้นางพยาบาลห้องคลอดปฏิเสธการให้ท.ร.1/1 เพื่อให้ตนต้องพ้นภาระไป โดยมิได้อ่านกฎหมายหรือทำความเข้าใจเรื่องงานสารบรรณ เพราะการเก็บท.ร.1/1 เป็นเอกสารที่มีความสำคัญที่สุดของชีวิตเด็กหนึ่งคน มิใช่เป็นหนังสือที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ เกิดขึ้นเป็นประจำเพราะเหตุว่ามีคนพม่าคลอดลูกที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจำนวนมาก
จะตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน สธ. ให้นะคะ
อืมม
ขอบอกว่า
คุณเพ้ง
คุณน่ะ เหลือเชื่อขึ้นทุกๆ วันนะคะ
: )
แวะมาทักทาย
พี่สาร ค่าย มร.
มีไอเดียค่ะ
ทำจดหมายหารือเป็นลายลักษณ์อักษร
๑. นายกรัฐมนตรี
๒.กระทรวงสาธารณุข
๓.กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๔.กรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
สวัสดีครับ พี่สาร