บทอาราธนาธรรมที่ใช้อยู่ปัจจุบัน คือ
มีประเด็นที่ผู้เขียนสงสัยอยู่ตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาบาลี และความสงสัยนี้ก็ยังมิได้คลี่คลาย จนกระทั้งคืนก่อนจะนำเอาคาถานี้มาเป็นหัวข้อแสดงธรรม จึงได้ค้นคว้าอีกครั้ง ก็ไปเจอบทความวิจารณ์ไว้ (คลิกที่นี้) เมื่อสืบค้นต่อไปก็ทำให้ความสงสัยที่เก็บงำมานานคลี่คลายไปได้... อนึ่ง คาถาเดิมของบทอาราธนาธรรมนี้ มีที่มาจากพระไตรปิฏก และอรรถกาก็ได้อธิบายไว้ ผู้สนใจจะอ่านในส่วนนี้ก็ (คลิกที่นี้) ส่วนในบันทึกนี้ จะวิจารณ์ที่ผู้เขียนเคยสงสัยเท่านั้น...
อนฺธิวรํ คำนี้แปลว่าอย่างไร ? เพราะผู้เขียนแปลไม่ถูก แต่เมื่อมาทราบว่า คำเดิมในพระไตรปิฏกคือ อนธิวรํ และเป็นคุณนามของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เขียนก็สว่างโล่งทันที เพราะสามารถตั้งวิเคราะห์ในใจได้ทำนองว่า...
การทำตัวก็ น +อธิวโร = อนธิวโร ( น เป็นศัพท์ปฏิเสธ เมื่อเข้าสมาส ถ้ามีสระอยู่ข้างหลัง ให้แปลง น เป็น อน ) แค่นี้ ก็สำเร็จ...
แต่ปัจจุบันที่เราใช้กันอยู่แปลงเป็น อนฺธิวโร (อนฺธิวรํ) ผู้เขียนแปลยังไงก็ไม่ถูก เพราะไปหลงกับศัพท์ว่า อนฺธ อนฺธิ ซึ่งแปลว่า มืดบอด ... อนฺธิวโร จะแปลว่า ผู้มืดบอดอย่างประเสริฐ หรือ ผู้ประเสริฐด้วยความมืดบอด ก็กระไรอยู่...
จากบทอาราธนาธรรมนี้ สะท้อนให้เห็นได้ว่า บทสวด บทอาราธนา หรือคาถาต่างๆ ที่เราใช้อยู่นั้น มีที่ผิดเพี้ยนจากคัมภีร์เดิมอยู่ด้วย แต่เราใช้กันมานานแล้ว ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่... บางอย่างก็พอทราบเค้าเงื่อนถึงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงได้... บางอย่างก็ไม่อาจทราบสาเหตุเบื้องต้นได้ว่า คนโบราณท่านจงใจเปลี่ยนเพราะเหตุไร ?... หรือบางอย่างก็ได้เพียงแต่คาดหมายว่า อาจเปลี่ยนแปลงมาเพราะความพลั้งเผลอ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนและบรรดาท่านอื่นๆ แม้จะพอรู้บ้างว่า ที่จุดนั้นไม่ถูกต้อง หรือผิดแผกไปจากคัมภีร์ แต่เกือบทุกท่านก็ยังคงสวดอยู่ตามที่เคยหัดท่องหัดสวดมา ยกเว้นผู้หนักแน่นบางท่านเท่านั้นที่ไม่ยอม ก็คงต้องปล่อยให้ท่านยึดถือไปตามประสาท่านเถิด
สาธุ สาธุ สาธุ
เพิ่งกระจ่างก็วันนีล่ะครับ
นมัสการค่ะ
เพิ่งจะทราบเหมือนกันค่ะ
กราบ 3 หนค่ะ
นมัสการครับท่าน
ก็เพิ่งทราบเช่นกันครับ...แต่เขาว่ามีอีกบท...ที่เขาเรียกว่า...หางพฺรหฺมา...มีจริงหรือไม่...มีบทสวดว่าอย่างไรครับผม
ขอนมัสการ
หางพฺรหฺมา ! น่าจะเป็นส่วนที่ต่อไปจากบทพรหมาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันสักสองสามคำ รู้สึกว่าเคยได้ยินอุบาสกอาวุโสมากๆ อาราธนาสักครั้งสองครั้งนะ แต่นานมากแล้ว...
หางพฺรหฺมา ถ้าเป็นประเด็นนี้ก็จำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นประเด็นอื่น ก็ไม่รู้ (............)
เจริญพรทุกท่าน
นมัสการ ท่านอาจารย์
"พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ
กตฺอญฺชลี อนฺธิวรํ อยาจถ
สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา
เทเสตุ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปชํ "
สมัยก่อนจะมีหางต่อไปอีกว่า
"สะธัมมะเภริง วินะยันจะกายัง สุตตันจะพันธัง อะภิธัมมะจัมมัง อาโกจะยันโต จะตุสัจจะพันธัง ปัพโพชะนะเย ปะริสายะมัชเฌฯ"
เป็นบทที่ท่องจำกันมา อาจผิดเพี้ยนไปบ้างนะครับแต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้กันแล้ว มีอุบาสกบางท่านยังใช้กันอยู่ครับ
กราบนมัสการครับ
ตามที่ยกมา เป็นส่วนต่อจากพระไตรปิฏก ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าน่าจะเป็นบทนี้ แต่ไม่ได้ยินนานนนนนนนนน แล้ว จึงมิกล้ายืนยัน...
เจริญพร
ทำอย่างไรที่จะให้คนฟังพระสวดแล้วรู้ความหมาย เพราะถ้ารู้ความหมายพุทธศาสนิกชนจะสามารถจำได้ง่ายขึ้น น่าจะมีการอบรมพิธีทางศาสนากับประชาชนว่า งานขึ้นบ้านใหม่ต้องมีขั้นตอนการอารธนา สวดอย่างไรบ้าง มีความหมายแต่ละขั้นตอนอย่างไร (งานอื่น ๆ ด้วยเช่นงานศพ งานแต่งงาน การทำบุญในโอกาสต่าง ๆ
คนที่สนใจ เค้าก็พยายามจนรู้และเข้าใจเอง... ส่วนคนที่ไม่สนใจ แม้นอนอยู่ในวัด ก็อาจไม่รู้เรื่อง...
เรื่องทำนองนี้ มิใช่เรื่องปกปิด จะทำให้คนเข้าใจและรู้เรื่องเหมือนกันทุกคนในทุกเรื่องนั้น เป็นสิ่งที่เพ้อฝันเกินไป...
เหมือนนักเรียนในห้องนะแหละ จะให้เก่งและฉลาดเหมือนกันทุกคน อย่างนั้นใช่มั้ย ? ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ?
เจริญพร
กระผมเองก็เคยศึกษาเรื่องนี้เหมือนกันครับ ในพระไตรปิฎกก็เขียนแบบนึง ในคัมภีร์ฉันท์ก็แบบนึง ว่างๆ สมเด็จพระญาณสังวรฯ พระองค์ท่านก้แสดงพระมติไว้เช่นกันครับ จะอ่านตามแหล่งข้อมูลที่พระอาจารย์แนะนำอย่างละเอียดอีกครั้งครับครับ
พิมพ์ผิดครับ
กระผมเองก็เคยศึกษาเรื่องนี้เหมือนกันครับ ในพระไตรปิฎกก็เขียนแบบนึง ในคัมภีร์ฉันท์ก็แบบนึง สมเด็จพระญาณสังวรฯ พระองค์ท่านก็แสดงพระมติไว้เช่นกันครับ กระผมว่างๆจะอ่านตามแหล่งข้อมูลที่พระอาจารย์แนะนำอย่างละเอียดอีกครั้งครับครับ