มีคนสนใจศึกษาเรื่อง "บทบาทประเทศไทยต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก"
เราควรจะต้องไปสนใจโจทย์นั้นหรือ ?
การเกษตรไทยมีการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างอย่างรวดเร็ว แต่รัฐไม่ได้เข้าไปช่วยดูแลหรืออาจมองแยกส่วนรายสินค้าจนมองไม่เห็นการเปลียนแปลงเชิงระบบ และไม่ให้ความสำคัญกับการดิ้นรนปรับตัวของเกษตรกรเท่าที่ควร อีกด้านหนึ่ง เกิดการเติบโตของธุรกิจเกษตร คนหนุ่มสาวมีการศึกษาออกนอกภาคเกษตร ขนาดถือครองที่ดินต่อครัวเรือนของไทยจึงเพิ่มสูงขึ้น ผู้สูงอายุในภาคเกษตรที่ทำงานไม่ไหวก็อยากขายที่ดินหรือให้เช่าที่ดินเป็นธรรมดา ใครที่ไหนจะซื้อจะเช่า ถ้าไม่ใช่เกษตรกรที่พอมีฐานะหรือไม่ก็นายทุน... ทรัพยากรจึงถูกเปลี่ยนมือ
ส่วนอีกด้านหนึ่งคือความพยายามขับเคลื่อนของเครือข่ายเกษตรกรหรือเครือข่ายองค์กรชาวบ้านกับองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎกติกา การเปลี่ยนแปลงสถาบัน ที่จะเอื้อให้เกษตรกรอยู่ได้
เรื่อง R&D ในภาคเกษตรก็ switch จากการลงทุนหลักโดยภาครัฐไปเป็นการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งทำให้เกิดการกีดกันการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่งบ R&D ของรัฐที่น้อยอยู่แล้ว กลับถูกตัดไปใช้ไปในการทำงาน "บริการ" เพื่อการทำ testing หรือ certification รับรองคุณภาพเพื่อการส่งออก ส่วนเกษตรกรชาวบ้านก็ทำวิจัยแบบลองผิดลองถูกจากประสบการณ์ไป มีผลงานมากมายที่ไม่เคยจดสิทธิบัตร แต่ก็แพร่กระจายใช้กันอยู่ทั่วไปแบบสินค้าสาธารณะ (public goods)
ก่อนตอบปัญหาความมั่นคงด้านอาหารโลก ปัญหาความมั่นคงความอยู่รอดของเกษตรกรไทยเอง และการแย่งชิงทรัพยากรในการผลิต (ด้านผู้ผลิต) ปัญหาความปลอดภัยด้านอาหาร (ด้านผู้บริโภค) เป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนภายใน
ปัญหาความมั่นคงทางอาหารของโลก เป็นปัญหาการกระจายทรัพยากรในการผลิตและการกระจายผลผลิตที่ไม่สมดุลระหว่างพื้นที่มากกว่า ต่อให้ประเทศไทยผลิตอาหารได้เพิ่มขึ้น คนจนของโลกก็ยังอาจไม่มีกินอยู่ดี คงเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้ที่มีอำนาจซื้ออยู่แล้ว เช่น ยุโรป และญี่ปุ่นมากกว่า
ไม่ยุติธรรมมากเลยที่จะมาบอกให้ประเทศไทยดูแลความมั่นคงทางอาหาร food security ของโลก ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของโลก ผู้เล่นในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าปั่นราคากันจนข้าวในตลาดโลกราคาแพงสำหรับคนจน และขณะนี้ก็กำลังหันมาเล่นกับอ้อยและน้ำตาลเพราะเป็นพืชพลังงาน (เอธานอล)
บางทีพวกเราอาจต้องเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์ของภาคเกษตรกันใหม่ จะฉวยวิกฤตขาดแคลนอาหารของโลกให้เป็นโอกาสของไทยนั้น ต้องมองให้ชัดๆว่า ปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวหรือคนกลุ่มเดียวกันด้วยข้อเท็จจริงในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาส โอกาสของไทยจึงอาจเป็นเพียงโอกาสของคนไทยบางกลุ่มเท่านั้น
อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเลือกออกแบบนโยบายเพื่อใคร
สวัสดีครับ อาจารย์
งาน thailand research expo ในปีนี้ก็เห็นผลงานที่มีงบวิจัยส่วนหนึ่งลงไปยังชุมชนและสร้าง พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ต่างๆมากมายนะครับ ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นการพยายามพัฒนา ยกระดับสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าท้องถิ่น...ดูโดยรวมเหมือนขาดพลังบางอย่าง
ผมเห็นด้วยครับ ในประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนภายใน ปัญหาความมั่นคงด้านอาหารโลก ปัญหาความมั่นคงความอยู่รอดของเกษตรกรไทย และการแย่งชิงทรัพยากรในการผลิต (ด้านผู้ผลิต) ปัญหาความปลอดภัยด้านอาหาร (ด้านผู้บริโภค) ประเด็นเหล่านี้เราถูกละเลย แต่การพัฒนามุ่งเน้นการเสริมความเข้มแข็งในฐานะครัวโลก ในขณะเจ้าของครัวโลกก็อยู่ตามมีตามเกิด
อาจารย์ปัทฯสวัสดีครับ ผมว่าเป็นมุมมองที่ลึกลงไปใต้ผิวหน้าของประเด็นที่อยู่ในสังคมตอนนี้จริงๆ และเป็นประเด็นที่น่าสนใจ สมควรทำการศึกษาให้ลึกจริงๆ รัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญของความมั่นคงทางอาหารของคนในประเทศให้อยู่สูงกว่าของโลก ประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศอย่างเช่นอังกฤษ ก็ให้การสนับสนุนเกษตรกรและพยายามจะไม่พึ่งพาสินค้าเกษตรจากภายนอก (แต่อันนี้เป็นเนื่องจากสมัยสงครามโลกครัั้งที่สองอังกฤษเกือบจะอดตายเนื่องจากถูกปิดทางขนส่งอาหารที่จะมาจาก New Zealand และ Australia) ...
ขอบคุณมาก ครับ สำหรับ บทความ ดี ๆ