หลังจากผมทำการบ้านส่ง ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ (ส่งการบ้าน ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ) แล้ว ก็ได้การบ้านมาอีกข้อ (002) โจทย์ข้อ 2 สำหรับ คุณหนานเกียรติ & เพื่อนๆ GotoKnow ทุกคน)
อันที่จริงผมตอบไปในบันทึกของ ดร.บัญชา แล้ว แต่มาคิดต่อภายหลังพบว่า “คำตอบ” ไม่เหมาะสมกับ “คำถาม” นั้น แม้ว่าอาจจะตอบไม่ผิด
โจทย์ข้อนี้ยากกว่าเมื่อวานครับ เมื่อคืนนอนคิด เข้าห้องน้ำเมื่อเช้าก็คิด นอนกลางวันให้เฌวาหลับคาบนอกก็คิด กระทั่งออกไปสอนเฌวาเรียนวิชาธรรมชาติศึกษา เมื่อตอนเย็นก็คิด คิด คิด คิด แต่คิดเท่าไรก็ไม่ทะลุ
ค่ำมาลองนั่งคิดอีกที คิดออกเพียงเท่าที่จะเขียนต่อไปนี้ครับ
จากภาพสองภาพนี้
ดร.บัญชาให้โจทย์ว่า
ลองมองภาพใบหน้า ๒ ภาพนี้ ที่ระยะห่างสัก ๓๐ เซนติเมตร สังเกตเพศ สีหน้า อารมณ์ ริ้วรอยต่าง ๆ และอื่น ๆ
จากนั้นมองภาพทั้งคู่ที่ระยะห่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนห่างราว 2-3 เมตร
สังเกตการเปลี่ยนแปลง! คำถาม...
(๑) คุณเห็นอะไร?
(๒) ทำไม??
(๓) โจทย์ข้อนี้มีอะไรเกี่ยวกับการเรียนรู้ของคนเราไหม???
ต่อคำถามข้อ (๑) ตอบได้ไม่ยากนัก (อาจเป็นไปได้ว่าจริง ๆ แล้วยากหากผมเข้าถึงคำถามมากว่านี้) ผมขอตอบว่า
จากการมองระยะใกล้
ภาพสองภาพ ทั้ง A และ B เป็นภาพใบหน้าของบุคคล โทนสีขาว-ดำ เค้าโครงใกล้เคียงกัน ทรงผมทรงเดียวกัน ทั้งสองภาพมีเส้นขอบดำเข้มรอบศรีษะ ถัดออกไปเป็นเส้นสีขาว ความหนาของเส้นเท่า ๆ กับสีดำ ถัดออกจากเส้นสีขาวเป็นเงาสีออกเทา ซึ่งภาพ B ดูออกจะเข้มกว่า ใบหน้าทั้งสองภาพอยู่บนพื้นสีเทาและซึ่งภาพ B สีจะจางกว่า
ผมตีความภาพดังนี้
ภาพ A ดูแล้วน่าจะเป็นหญิงสาวใบหน้าเต่งตึง หน้าตาเรียบเฉยไม่แสดงอากัปกิริยาใด ๆ ดวงตาค่อนข้างเปล่งประกาย
ภาพ B ดูแล้วเป็นได้ทั้งชายและหญิงสูงวัย ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่น หน้าตาแสดงถึงภาวะไม่ปกติ (ดูจากดวงตาและปาก) หากไม่อยู่ในอารมณ์ขึ้งโกรธ ก็น่าจะในอาการเจ็บปวด ซึ่งเป็นไปได้ทั้งปวดกาย และปวดใจ
หลังจากการขยับออกไปมองในระยะที่ไกลขึ้น ผมมองไม่เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นขอบดำ เส้นสีขาว และเงาสีเทาที่รอบศรีษะทั้งสองภาพ
สิ่งที่เห็นคือ
ใบหน้าในภาพ A เปลี่ยนจากหญิงสาวไปเป็นชายหนุ่ม เรียกว่าเปลี่ยนตรงกันข้าม
ใบหน้าในภาพ B เปลี่ยนจากคนชราที่อยู่ในอารมณ์ต่ำกว่าภาวะปกติไปเป็นหญิงสาวอมยิ้ม แสดงถึงอารมณ์ที่อยู่ในภาวะเบิกบานยินดี ตรงกันข้ามเช่นกัน
สิ่งที่ไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยคือ โครงสร้างหลัก ๆ เช่น ทรงผม โครงหน้า รวมทั้งโทนสี ทั้งใบหน้าและพื้นหลัง
นั่นคือคำตอบข้อ (๑)
สำหรับข้อ (๒) ผมอธิบายหรือให้คำตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร เหตุที่ตอบไม่ได้ผมจะกล่าวถึงในข้อถัดไป ซึ่งเป้นบทเรียนของผม
ส่วนคำตอบข้อ (๓) อาจจะตอบไม่ตรงคำถาม ดร.บัญชา ซะทีเดียว แต่ถือเป็นการสรุปบทเรียนจากการทำการบ้านชิ้นนี้ ที่ทำให้ผมคิดทั้งวันก็ยังคิดไม่ทะลุ ได้คำตอบแบบทื่อ ๆ อย่างนี้ครับ
(๓.๑) การรับรู้ของคนสองที่อยู่กันคนละเงื่อนไข (บริบท สภาพแวดล้อม โลกทัศน์ วีคิด พื้นฐานทางวัฒนธรรม ฯลฯ) อาจส่งผลต่อการรับรู้ที่ต่างกัน แม้สิ่งที่รับรู้นั้นคือสิ่งเดียวกัน แน่นอนการตัดสินถูก-ผิด ใช่-ไม่ใช่ อาจไม่เกิดประโยชน์
(๓.๒) “ความรู้” “คำตอบ” “ความจริง” ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหนึ่ง ๆ ซึ่งอาจผิดก็ได้หากเงื่อนไขเปลี่ยนไป ดังเช่น การมองภาพ เพียงระยะห่างออกไป ภาพกลับกลายเป็นตรงข้าม หรือแม้กระทั่งว่ามนุษยชาติเชื่อกันมาตลอดว่าโลกแบน แต่วันหนึ่งกลับกลายเป็นกลม ฯลฯ
(๓.๓) ผู้คนโดยมาก มักให้ความสำคัญและตัดสินกับการรับรู้แรก และก็เชื่ออย่างหัวปักหัวปรำว่ามันคือความจริง ซึ่งแท้ที่จริงอาจผิดก็เป็นได้ ผมคิดว่านี่ไม่ใช่จิตใจแบบวิทยาศาสตร์
(๓.๔) อินทรีย์ หรือ ประสาทสัมผัสของมนุษย์ (ตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย ใจ) มีข้อจำกัด มีศักยภาพเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ดังเช่น เส้นสายละเอียดต่าง ๆ ที่มองเห็นได้ในระยะใกล้ แต่ไกลออกไปกลับมองไม่เห็น เพื่อให้เข้าถึงความรู้ควยามจริงได้ถูกต้องยิ่งขึ้น วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นที่มาของเทคโนโลยีได้สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มาขยายอินทรีย์ของมนุษย์ให้แก่กล้าขึ้น เรามองเห็นสิ่งที่เล็กเป็นจุลได้ผ่านกล้องขยาย ขณะที่เราสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลโพ้นออกไปเช่นกัน เราได้ยินเสียงที่เบาที่สุดที่หูปกติมนุษย์ไม่อาจได้ยิน กระทั่งเสียงที่ดังที่สุดเกินกว่าประสาทหูจะรับรู้ได้ ฯลฯ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ข้อนี้ เกิดจากผมทดลองเปิดไฟในห้อง รวมทั้งใช้กล้องมองภาพ ทั้งสองส่วนทำให้ภาพที่มองไกลกลับไปใกล้เคียงกับการมองในครั้งแรก
(๓.๕) ข้อสุดท้าย เป็นคำตอบที่เกี่ยวเนื่องกับข้อ (๒) ที่ผมตอบไม่ได้ ผมคิดว่า “ความรู้” คือ “อำนาจ” และ “พลัง” ครับ อำนาจและพลังที่จะสร้างคำอธิบาย ผมมานั่งทบทวนว่าทำไมผมจึงตอยข้อ (๒) ไม่ได้ นั่นเป็นเพราะผมไม่มีความรู้ที่จะไปอธิบายสำหรับการตอบคำถาม ตรงกันข้ามหากผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ (อาจจะเป็นเรื่องแสง เงา วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการรับรู้ภาพ ฯลฯ) ก็อาจจะอธิบายและให้คำตอบนี้ได้
คำตอบผมมีประมาณนี้ครับอาจารย์
เย้! แวะมาอ่านความคิด ณ ขณะเมื่อกี้ครับ ^__^
แจ๋วจริงๆ
ลองกลับไปดูอารมณ์ของผมอีกทีสิครับ (ภาพแรกสุดที่เพิ่มเข้าไป) ดูดีๆ นะครับ...ทั้งใกล้และไกล
อ้อ! คุณหนานเกียรติจะเรียกผมว่า พี่ชิว เหมือนอีกหลายๆ คนก็ได้ ไม่ต้องเรียกอาจารย์หรอก ใน GotoKnow นี่ ผมถือว่าเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันทั้งนั้น (ผมยังเรียกอาจารย์แป๋วว่าพี่แป๋วเลย ^__^)
แหะ แหะ อยากเรียกเหมือนกันกลัวขี้กลากขึ้นหัวครับ
ถ้าอนุญาตอย่างนี้ค่อยใจชื้นหน่อย
ครับ พี่ชิว ครับ
ผมกลับเข้าไปดูแล้วครับ คิดอะไรออกอีกนิดหน่อยครับ
พอลล่าเม้นได้ไหม คะ
สวัสดีครับ พี่ มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
ขอบคุณที่แวะมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนครับ
กำลังรอเฉลยจาก ดร.ชิว อยู่ครับ
แต่ไม่เฉลยก็ได้เรียนรู้แล้วครับ เพียบเลย
สวัสดีค่ะ
พี่ครูคิม
ไปแวะมาแล้วครับ
ใช่ ๆ อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น จงเชื่อในสิ่งที่ทำ
น้องนัท กับ น้องนุ่น คงสนุกมากนะครับงานนี้
สวัสดีครับท่านหนานเกียรติ
สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นดังที่คิดครับ ต้องมองด้วยสติ ดูด้วยปัญญาครับ
ขอบคุณมากครับที่แวะมาทักทายและแลกเปลี่ยน
ใช่ครับ จริงด้วย "สติ" และ "ปัญญา" สำคัญที่สุด
สวัสดีค่ะมาเยี่ยมว่าพี่หนาน..ได้ตอบท่านแบบมีหลักการละนะ..ไม่ต้องเก็ง..เกินไป..ไม่ได้สอบเพื่อขึ้นชั้นใหม่สักหน่อย....อาจารย์ใจดีมากที่สุด..เห็นในรูปท่านตั้งใจนำความรู้มาให้ชาวG2K มากมายนะคะ..อย่าเชือในสิ่งที่เห็น..เหมือนพี่ครูคิมเจ้า
ตามมาดูก่อนนะครับ เดี๋ยวมาให้ความเห็น ถามพี่ชิวนะครับ ฮ่าๆๆๆ รอดแล้วเรา...
มาชม
อ้าว...เห็นภาพลวงตา...อิ อิ อิ
คำถามยากขึนค่ะ
คนเราต้องมีการเปลี่ยนทางกายตามกาลเวลา ถึงจะลองมองด้วยระยะที่ห่างไป
ไม่ใช่แค่ร่างกายเปลี่ยนแปลงค่ะ สมอง การพัฒนาก็เปลี่ยนค่ะ
ก็เหมือนวิทยาศาสตร์ที่ต้องพัฒนามีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
วิทยาศาสตร์เจริญได้เพราะเกิดจากคนเอาสิ่งที่ตนสงสัยไปทดลองไปปฎิบัติค่ะ
ก็เลยนึกถึงแนวศาสนาพุทธค่ะ ที่ต้องปฎิบัติจึงจะรู้แจ้ง จนมีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า ศาสนาคือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงค่ะ
ในหนังสือเจ้าชายน้อย มีวลีเด็ดว่า "สิ่งสำคัญ ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา" ^^ อิอิ
สวัสดีครับอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง
สองวันก่อน เล่นกันมันส์มาก โจทย์ข้อ ๑ และ ข้อ ๒
อ.ชิว ตามอาจารย์เข้ามาเล่นด้วย แต่ตามไม่เจอ ไม่รู้ไปคอยใครอยู่แถวไหน (ฮิ ฮิ...)
สวัสดีครับ อาจารย์ umi
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
จริง ๆ แล้วเราก็อยู่กับมัน (ภาพลวงตา) ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้วใช่ไหมครับอาจารย์
สวัสดีครับ คุณ berger0123
ใช่ครับคำถามยากขึ้น ผมรับรู้ได้เมื่ออ่านคำถามจบ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนและแสดงความคิดเห็นและเปลี่ยนนะครับ
มีคุณค่ามากครับ
สวัสดีค่ะคุณหนานเกียรติ
งานนี้ไม่ขอตอบแต่แวะมาเชียร์ ให้คุณครูให้คะแนนเยอะๆนะคะ
สวัสดีค่ะ
พี่ ครูคิม
ไปแวะมาแล้วครับ
เรื่องหนังสือทำมือ แหะ แหะ ไม่อยากคุย
ผมเนี่ยขั้นเซียนจะบอกให้ครับ
ทำได้หลายรูปแบบ
ยินดีรับน้องนัทเป็นศิษย์ครับ...
น้องต้อม - เนปาลี ครับ
ใช่แล้ว "สิ่งสำคัญ ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา"
ใช้ตามองไม่ได้ ต้องใช้ใจมอง ฮิ ฮิ...
น้องหนานเกียรติ....นักคิด
เอาล่ะครับ...ข้อ 3 ก็ตามมาติดๆ แล้วครับ คราวนี้กลับไปง่ายบ้าง (ง่าย ไม่ได้หมายความว่า ไม่ลึกซึ้ง)
003) โจทย์ข้อที่ 3 สำหรับคุณหนานเกียรติ และเพื่อนๆ ที่สนใจวิทยาศาสตร์
สวัสดีครับ พี่ชิว บัญชา ธนบุญสมบัติ
แหะ แหะ ขอเป็นแค่ช่างคิดก็พอนะครับ
"นักคิด" มิบังอาจครับ
ดูเหมือนง่าย แต่สงสัยจะไม่ง่ายครับ
คืนนี้จะทำส่งครับคุณครู