ลาเกี่ยวข้าว - ข้าวใหม่ปลามัน


ผมเห็นด้วยและสนับสนุนให้ชาวนา "ขอลาไปเกี่ยวข้าว" เช่นนี้ตลอดไป อย่างน้อยที่สุด "การขอลาไปเกี่ยวข้าว" ก็ถือว่าเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ "ชาวนา" ยังคงมีตัวตนอยู่ในสังคมที่แทบจะลืมเลือนความมีอยู่ไปแล้วก็ตาม


ข้าราชการ - ลาเกี่ยวข้าว
หัวหน้างาน (ทั้งราชการและเอกชน) ที่มีภูมิลำเนาจากต่างพื้นที่ ต่างวัฒนธรรมที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน คงยากแก่การเข้าใจละครับถ้าปรากฏว่าในห้วงเวลานี้ลูกน้อง พนักงาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ขอลาไปเกี่ยวข้าว

เฮ๊ย !!!  มันมีในระเบียบว่าด้วยการลาด้วยหรือ "ลาไปเกี่ยวข้าว" เนี่ย

จึงอย่าได้แปลกใจถ้าในระหว่างนี้ ข้าราชการในบางพื้นที่อาจจะลดน้อยลงบ้าง ก็พึงเข้าใจว่าท่านอาจขอ "ลาไปเกี่ยวข้าว" (ฮา)

เจ้านายจะอนุญาตหรือเปล่าไม่รู้ละ
รู้แต่ว่าข้าวในทุ่งนั้น เมื่อสุกเหลืองอร่ามได้ที่แล้ว หากเก็บเกี่ยวไม่ทันมีหวังร่วงหล่นลงพื้นทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

จึงอย่าได้แปลกใจถ้าในระหว่างนี้จะเป็นช่วงของการเจรจาต่อรอง ง้องอน หาคนไปเกี่ยวข้าว ด้วยค่าแรงที่มากกว่า สวัสดิการที่มากกว่า (เลี้ยงต้มไก่ มีขนมหวานหลังอาหารด้วย)

ทำเป็นเล่นไป ทุกวันนี้ดำนา หรือเกี่ยวข้าว เขามีค่าล่วงเวลาด้วยนะครับ




***ภาพจาก :
http://www.thaihandiworks.com/KhunKhao_L03P01.html***


นักเรียน - ลาเกี่ยวข้าว
เมื่อวันก่อน มีโอกาสได้สนทนาระหว่างรอผัดไท ที่ร้านอาหารตามสั่งในบ้านโคกสูง ก็ให้ทราบว่าคุณครูประจำศูนย์เลี้ยงเด็กก่อนเกณฑ์ประจำหมู่บ้านก็ได้รับอิทธิพลนี้ด้วยเช่นกัน จากจำนวนเด็กเต็มจำนวน ๘๔ คน ตอนนี้เหลือไม่ถึง ๔๐ คน ด้วยเหตุผล "แม่พาไปเกี่ยวข้าว" อาจเพราะไม่สะดวกในการรับ-ส่งเด็กๆ  เพราะการไปเกี่ยวข้าวนั้นต้องไปแต่เช้าก่อนตะวันโด่ง ขณะที่กลับเอาก็มืดค่ำ (เพราะฤดูนี้ ๕ โมงเย็นเริ่มจะมืดแล้วละครับ)

ก่อนจะสรุปว่า "เป็นอย่างนี้ละค่ะ เป็นธรรมดาสำหรับช่วงเกี่ยวข้าวกับดำนา แม่ขอลาพาไปเกี่ยวข้าว"


สาวๆ - ข้าวใหม่ปลามัน
ขณะที่เมื่อวาน คุยเรื่องนี้กับน้องๆ สาวๆ ชาวอีสานก็ให้ทราบว่าช่วงนี้ เป็นช่วงที่มีความสุขกันที่สุด นอกจากอากาศจะเริ่มเย็นแล้ว อาหารการกินยังมีให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะความหอมของกลิ่นข้าวเหนียวใหม่ มะกอกสุกได้ที่สำหรับเมนูส้มตำ ขณะที่ปลาดุกย่าง ปลาช่อนเผา หรือปลาหมอย่างเกลือ กินกันในฤดูนี้ถือว่าก็อร่อยที่สุด ยังไม่รวมถึงผักกะเดา ที่แตกดอกอ่อนๆ กินกับอาหารประเภทลาบก็ช่วงนี้ ถ้าพูดภาษาอีสานให้ออกรสออกชาติก็คงว่า "ยามเกี่ยวเข่าลมหนาววอยๆ ลาบปลาข่อนแจไฮ่นา กับผักกะเดาพี่น้องเอ้ย คิดฮอดบ้านหลายเด้ !!!"

นี่คงเป็นที่มาของคำ "ข้าวใหม่ปลามัน" ซึ่งก็ให้บังเอิญเสียด้วยว่าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูเกี่ยวข้าวนี้เอง ที่ชาวบ้านมักถือฤกษ์จัดงานแต่ง ได้ลูกเขย ลูกสะใภ้กัน  (เนี่ย ถึงตอนนี้ได้รับการ์ดเชิญงานแต่งแล้ว ๓ ซอง)


อู่ใหญ่ - ลาเกี่ยวข้าว
บ่ายวันนี้ผมขับรถไปเคลมประกันชั้นหนึ่ง (ก่อนหมดอายุประกันต้นเดือนหน้า) กับอู่ประจำ แล้วขอคุณพี่เจ้าของอู่รับรถคืนวันเสาร์นะครับ (เพราะวันอาทิตย์มีงานสำคัญต้องใช้รถ)  คุณพี่เจ้าของอู่ทำหน้าแบบอึดอัด แล้วพูดแบบไม่เต็มเสียงว่า

เอ่อ !!!  จะว่ายังไงดีละครับ ตอนนี้ช่าง ลูกน้องผม เขาลาไปเกี่ยวข้าวกันครับ อย่างวันนี้ก็ขอลา ๘ คน จะไม่ให้ไปก็ไม่ได้ครับ ผมไม่กล้ารับปากครับแต่ก็จะเร่งให้ ยังไงก็โทรมาสอบถามละกันนะครับ


ถ้าผมมีโอกาสได้คุยกับคนในวงกว้างกว่านี้ ผมเข้าใจว่าคงได้เห็นภาพที่กว้างกว่านี้
ผู้รับเหมาพักงานที่เร่งรีบลงชั่วคราว เพราะกรรมกรก่อสร้างขอลาไปเกี่ยวข้าว
ผู้จัดการโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เข้าใจ เห็นใจ และยอมรับให้ผลัดกันลาไปเกี่ยวข้าว
ครูใหญ่เข้าใจและยอมรับ ที่ผู้ปกครองจะขออนุญาตนำพาลูกๆ ไปช่วยยก หาบ คอน กลางทุ่งนา
ฯลฯ


นี่เป็นเรื่องของวัฒนธรรม
นี่เป็นเรื่องของการจัดการที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม
เป็นการจัดการให้สอดคล้องเพื่อการดำรงอยู่ของวัฒนธรรมท้องถิ่นและชุมชน
แม้ว่าเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาจะมีตัวตนในสังคมน้อยลงทุกทีก็ตาม


ผมเห็นด้วยและสนับสนุนให้ชาวนา "ขอลาไปเกี่ยวข้าว" เช่นนี้ตลอดไป
อย่างน้อยที่สุด "การขอลาไปเกี่ยวข้าว" ก็ถือว่าเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ "ชาวนา" ยังคงมีตัวตนอยู่ในสังคมที่แทบจะลืมเลือนความมีอยู่ไปแล้วก็ตาม

 

หมายเลขบันทึก: 314499เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2009 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เห็นด้วยครับ "ลาเกี่ยวข้าว"

และทางที่ดีชุมชนที่ยังมีการทำนา ในช่วงเกี่ยวข้าวน่าจะหยุดเรียนไปเลยครับ ไปเรียนรู้ในวิถีชีวิตจริงในท้องทุ่งน่าจะมีประโยชน์กว่าไหน ๆ

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

ตอนเป็นเด็กเคยเห็นที่โรงเรียนวัดห้วยน้อยอำเภอหนองบัวปิดตอนทำนา-เกี่ยวข้าวประมาณสองอาทิตย์

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย "ลาเกี่ยวข้าว"

นมัสการพระคุณเจ้า และขอบพระคุณ คุณหนานเกียรติ ครับ

ระหว่างที่อากาศเย็นลงเรื่อยๆ แบบนี้ (จะเย็นลงได้กี่วันก็ไม่ทราบ) สิ่งที่มาพร้อมกันโดยทันทีคือ "ข้าวหลามพื้นบ้าน" เผากันกินร้อนๆ

บางพื้นที่ใช้ต้นกล้วย หรือใช้ท่อนเหล็กพาดกลางกองไฟไว้พิงบั้งข้าวหลาม ขณะที่บางพื้นที่ใช้ระบบฝังบั้งไม้ไผ่แล้วจุดไฟเผารอบๆ อบอุ่นทั้งคน ทั้งบั้ง

แต่...  แต่... แต่...

คุณหมอบอกว่า "ข้าวเหนียว" มีส่วนสำคัญต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงๆๆๆๆๆ  เป็นเบาหวาน และโรคอ้วน - - อ้าว !!!!

อยู่ไฟก็ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นมะเร็ง
กินข้าวเหนียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นเบาหวาน
กินผักติ้ว ผักกระโดน ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นนิ่ว

ชาวบ้านอย่างเรา คงไม่แคล้วที่ต้องไปเป็นลูกจ้าง หาเงินไว้ซื้อข้าว ซื้อผักที่ร้าน "โลตัส" - "เซเว่น" ใกล้บ้าน เพราะปลอดภัยกว่า มีเครื่องหมาย Q 

(ไม่ฮา)

ตามเข้าไปอ่านมาหลายบันทึก

ชอบบันทึกนี้มากครับ

ลึกซึ้ง คมคาย และลื่นไหล

เขียนแบบนี้อีกนะครับ ชอบ ชอบมาก ๆ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท