Detox ลดความดัน


อาหารเก่านี่ช่วยเพิ่มความดันนะ ถ้าไม่มีอาการเก่าค้างอยู่เลยความดันเป็นต่ำอย่างนี้แหละ

หลังจากเมื่อคืนที่ผมเองมีอาการมึนหัวแล้วก็ใช้การนวดเคลียร์เส้นบริเวณต้นคอทำให้อาการทุเลาลงไปได้มาก เมื่อเช้านี้หลังจากตื่นนอนขึ้นมาก็พบว่าอาการมึนหัวยังมีอยู่นิดหน่อย ครั้นเมื่อออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้กลับมาทำ Detox ด้วยกาแฟเพื่อลดความดันโลหิตให้ต่ำลงบ้าง รวมถึงจะได้รสกรดและแก๊สในลำไส้ที่มีส่วนทำให้เกิดอาการความดันโลหิตสูง

การ Detox เพื่อลดความดันโลหิตสูงนี้ เป็นความรู้ที่ผมพบโดยบังเอิญเมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นผมเป็นค่อนที่ประสบปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ เพราะวัน ๆ หนึ่งใช้ชีวิตกับการนั่งทำงานเป็นเวลานาน คือ 12-16 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นลำไส้จึงไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อน ประกอบกับเป็นคนดื่มน้ำน้อยจึงมีปัญหาเรื่องของการถ่ายยาก และ 2-3 วันถึงจะได้ถ่ายท้องสักครั้งหนึ่ง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปี คือเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ตอนนั้นเองมีพระ 2 รูปเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี มาสอนผมกับเพื่อน ๆ ให้รู้จักการทำ detox ด้วยกาแฟ และได้ทดลองทำแต่ก็ห่างหายไปเพราะเนื่องด้วยเวลาที่จะต้องทำรวมถึงสถานที่ไม่อำนวย

แต่ในช่วงที่ผมนั่งทำงานจนเกิดอาการท้องผูกนั้น ก็ได้เริ่มนำการ detox กลับเข้ามาช่วยแก้อาการท้องผูกและถ่ายยาก แต่ทว่าเมื่อทำแล้วก็ทำให้ผมติดนิสัยว่าต้องทำอยู่บ่อย ๆ  คือ ทำวันเว้นวัน ทำจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเลย

แต่ปัญหามันเกิดขึ้นตอนที่มีคุณลุงท่านหนึ่งมาขอพักรักษาตัวหลังจากการผ่าตัด ณ สถานที่แห่งนี้ ผมไปเยี่ยมไข้คุณลุงเขาบ่อย ๆ พอไปเยี่ยมก็ไปลองใช้เครื่องวัดความดันที่คุณลุงเขาใช้วัดความดันตัวเอง แล้วก็พบว่าความดันโลหิตของตัวเองนั้นอยู่ที่ 60/90 ตลอด 

ตอนนั้นภรรยาของคุณลุงที่เฝ้าไข้ก็บอกว่าความดันของผมต่ำมาก ต่ำจนน่าตกใจ จากนั้นผมเองก็แวะเวียนไปวัดความดันที่ห้องของคุณลุงตลอด ไปเช้า ไปเย็น ไปวัดตอนไหนก็ได้อยู่แค่นั้น ตัวบนไม่เคยขึ้นถึงร้อยเลย

จากนั้นภรรยาของคุณลุงก็แนะนำยาอันนั้น ผลไม้อันนี้ อาหารอันโน้นให้กินเข้าไป กินเข้าไปเพื่อเพิ่มความดัน แต่พอกินแล้วสักระยะหนึ่งไปวัดความดันก็เหมือนเดิม

จนกระทั่งวันหนึ่งคุณหมอสุวัฒน์ ก็มาตรวจคุณลุงตามปกติก็เลยได้คุยถึงอาการของคุณลุง ก็ได้มีโอกาสคุยกันถึงเรื่องอาการความดันต่ำของผมด้วยท่านก็ซักไปซักมาจนถึงเรื่องอาการท้องผูกของผม จนท่านทราบว่าผมใช้การ detox เป็นประจำท่านก็ถึงกับร้อง อ๋อ บอกว่า "อาหารเก่านี่ช่วยเพิ่มความดันนะ ถ้าไม่มีอาการเก่าค้างอยู่เลยความดันเป็นต่ำอย่างนี้แหละ..." อาการเก่ามีมากความดันก็สูง ไม่มีเลยความดันเลือดก็น้อย

ตอนนั้นเองผมก็เริ่มที่ลดความถี่ในการ detox ด้วยกาแฟลง แล้วก็ได้รับความช่วยเหลือทางด้านยา ซึ่งก็ไม่ใช่ยาที่แปลกหรือพิศดารอะไรมากเพราะเป็นแค่ "มะขามเปียก" การถ่ายทอดก็เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ว่าบางครั้งรสเปรี้ยวของมะขามเปียกก็ทำให้ขนาดได้เหมือนกัน ตอนหลังนี้ก็ได้เปลี่ยนมาทาน "ยาขมชนิดเม็ด" ซึ่งเป็นยาระบายอ่อนช่วยก็ทำให้ระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้นเยอะ

ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นเรื่องความดันต่ำของผมในตอนนั้น วันนี้และหลาย ๆ ครั้งเมื่อผมเริ่มรู้สึกมึน ๆ หัว ซึ่งรู้ซึ่งได้ว่าความดันเลือดของผมเริ่มสูงกว่าปกติ ผมก็จะใช้การ detox เพื่อลดปริมาณอาการเก่าในลำใส้ใหญ่ลง ซึ่งสามารถลดแก๊สสะสมในร่างกายซึ่งจะส่งผลต่อความดันโลหิตที่สามารถเพิ่มขึ้นได้...

หมายเลขบันทึก: 344686เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2010 08:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 15:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณบันทึกดีๆที่อ่านแล้วทำให้ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นค่ะ

สวัสดีค่ะ

มาอ่านแล้วทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติมค่ะว่า "อาหารเก่า" มีส่วนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

จากประสบการร์เคยทำ Detox ทางลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟ แต่ไม่บ่อยครั้ง เพราะไม่ค่อยมีปัญหาด้านการขับถ่าย แม้ในอดีตจะเคยท้องผูกมากค่ะ การปรับเปลี่ยนนิสัยด้านการทานผัก ผลไม้ และการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้ปัญหาท้องผูกหายไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

แต่ละคนมีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างทั้งประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นคนที่จะวินิจฉัยโรคให้เราได้ดีที่สุดนั้นก็คือตัวของเราเอง

เราอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายบริบททั้งชีวิตให้คุณหมอทราบได้ และคุณหมอก็ไม่มีเวลาพอที่จะฟังเนื้อหาของชีวิตของเราได้

แต่ถ้าหากเรารู้จักชีวิตของเรา และเลือกที่จัดการความรู้ชีวิตของเรา เราก็จะสามารถเลือกที่จะบอกข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์แก่หมอหรือผู้ที่จะเครื่องมือ มีอุปกรณ์ มีมือ มีไม้ที่จะช่วยเราได้

เรื่องการรักษาโรคระหว่างเรากับหมอนี้ก็เปรียบเสมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ถ้าเราบอกอาการการป่วยของเรารวมถึงสภาวะแวดล้อมของเราให้หมอได้ทราบอย่างกระชับและถูกต้อง เปอร์เซ็นต์ที่คุณหมอจะรักษาโรคให้เราได้อย่างถูกต้องนั้นก็มากขึ้นด้วย

สิ่งใดที่เราทำได้ ปฐมพยาบาลตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งรักษาตนเองได้ก็พึงทำก่อน

การพิจารณาตนเองอย่างเนืองนิจนั้นจึงเป็นการป้องกันโรคและรักษาโรคที่เกิดขึ้นกับตนเองได้อย่างมีประโยชน์มากที่สุด พระพุทธองค์จึงทรงกล่าวว่า "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

พึงใช้เวลาสังเกตุความเปลี่ยนไปแห่งอัตภาพนี้เพื่อที่จะไม่ให้ชีวิตนั้นกัดกินชีวิตของตนเอง...

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • การดูแลตนเองดีกว่าจะรอให้คนอื่นดูแลและรักษานะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท