อนุทินล่าสุด


ปภังกร
เขียนเมื่อ

ถ้าหากการ Copy & Paste ยังง่ายกว่าการพิมพ์ออกมาจากแป้นพิมพ์ ฉันใด การพัฒนาเพื่อค้นคว้าความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) ในวงการวิชาการไทย ก็ยิ่งยากมากขึ้น สวนทางกับความง่ายในการคัดลอก ฉันนั้น…

แล้วทิศทางการการศึกษาของเมืองไทยจะไปในทิศทางใด คำตอบง่าย ๆ ก็สามารถ Copy & Paste สิ่งที่เป็นไปในปัจจุบัน คัดลอกแล้ววางเป็นแนวทางเป็นแบบพิมพ์ หรือพิมพ์เขียวของวงการการศึกษาในอนาคตได้เลย…

https://www.blockdit.com/posts/6095a3a80f3fcb11f48d070f



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ธรรมชาติจิตของปุถุชนย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ ฉันใด สติสัมปชัญญะความรู้ตัวทั่วพร้อมนั้นไซร้ ก็เปรียบเสมือนเขื่อนอันสูงใหญ่ที่ใช้กั้นจิตที่มักจะไหลลงสู่ที่ต่ำได้ ฉันนั้น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เมื่อสักครู่ได้เห็นหัวข้อบทความเรื่อง “เล่นหุ้นอย่างไรไม่ให้เครียด”จึงได้คิดต่อและเพิ่มเติมออกมาได้ดังนี้

“เล่นหุ้นถ้าอยากได้มากก็เครียด แต่ถ้าคิดว่าเป็นการสนับสนุนกิจการที่เราคิดว่าดีและมีประโยชน์ต่อสังคม ก็จะเป็นจากการเล่นหุ้น เป็นการถือหุ้น เพื่อสนับสนุนองค์กรนั้น ส่วนที่จะได้รับส่วนต่างราคาหุ้นกลับมาก็ถือว่า เป็นผลพลอยได้จากการที่เราได้สนับสนุนองค์กรดี ๆ ให้ก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคง”



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ในการประชุมทางวิชาการส่วนใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมที่พูดหรือแสดงความคิดส่วนมากก็เป็นคนเดิม ๆ คนที่ไม่พูด ก็จะนั่งเงียบ ๆ แบบเดิม ๆ

ดังนั้นน่าคิดว่า ถ้าคนเดิมไปออกแสดงความคิดเห็นในหลาย ๆ เวที ก็จะได้ความเห็นแบบเดิม ๆ หรือไม่และคิดต่อไปว่า ทำอย่างไรเราจะได้ความคิดเห็นจากคนเดิม ๆ ที่นั่งเงียบ ๆ คนนั้นได้

คนที่นั่งเงียบ ๆ ส่วนใหญ่จะไปพูดทีหลัง หรือไม่ก็ไปเขียนในเพจหรือเฟซส่วนตัว (ถ้าเขาชอบเขียนนะ)เป็นประเด็นที่น่าคิดต่อไปว่า เราจะเอาข้อมูลอย่างไรจากคนที่ไม่พูด เราจะไปตามล้วงข้อมูล Feedback จากคนที่นั่งเงียบ ๆ ได้อย่างไรและบางครั้ง เขาอาจจะถูกวิทยากรซักถามหรือถูกบังคับให้ตอบ ก็ตอบตรงบ้างไม่ตรงบ้าง รักษาหน้า รักษาภาพพจน์บ้าง ตอบยังไม่ครบบ้าง หรือบางครั้งก็ยังไม่ได้กลั่นกรองหรือตกผลึกได้อย่างเต็มที่บ้าง

เราจะทำอย่างไรให้เราได้ความรู้ ได้ข้อมูลจากผู้ที่เข้าร่วมประชุมเหล่านั้นกลับมาเพื่อพัฒนาวงการวิชาการของประเทศสืบต่อไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

นักรบชุดชาว คือ ผู้ที่ก้าวลงสู่สงครามแห่งภัยในวัฏฏสงสาร

ขอชื่นชมในการเสียสละ อุทิศตน เพื่อให้ประชาชนที่อยู่เบื้องหลังมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ทุก ๆ อย่างเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ถ้ารอให้ทุกอย่างพร้อม เราคงไม่ได้เริ่ม

หลาย ๆ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ เริ่มต้นจากความไม่พร้อมทางด้านทุน แต่มีความพร้อมทางด้านจิตใจที่กล้าจะก้าวและพัฒนาไป ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

Inside out @ Outside in…

ความแตกต่างระหว่างการมี Internet เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อมาพูดมาบรรยายหรือทำผลงานทางวิชาการนั้นเราจะได้ Explicit Knowledge

VS

การมี Internet เพื่อไว้สำหรับถ่ายทอดสิ่งที่เรามีเรารู้ออกไปทาง World Wide Web หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นคือการถ่ายทอด Tacit Knowledge ออกไปสู่สาธารณชน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เศรษฐศาสตร์ แห่งสุข คือพอใจ

เศรษฐศาสตร์ ไร้ภัย คือพอเพียง

เศรษฐศาสตร์ คู่เคียง คือการให้

เศรษฐศาสตร์ แห่งใจ คือการเสียสละ…


อันความสุข นี้หนอ คือฉันทะ

เป็นความสุข จากการละ ความยึดมั่น

นั่นตัวกู นั่นของกู แบ่งแยกกัน

นั่นของฉัน นี่ของเธอ ฟุ้งเฟ้อเกิน


อันฉันทะ คือพอใจ ในสิ่งมี

มีเท่านั้น มีเท่านี้ พอแล้วหนอ

ศาสตร์ของพ่อ ศาสตร์พอเพียง เน้นเพียงพอ

ไม่ร้องขอ มีแต่ให้ ด้วยใจจริง


หากรู้พอ ทุกคนหนอ จะรู้สุข

รีบเร่งรุด ขวนขวาย ในการให้

เพราะพอแล้ว ย่อมมีเผื่อ เจือจานไป

จิตผู้ให้ เสียสละ ย่อมเกิดมี


จิตเดิมแท้ ของมนุษย์ ประภัสสร

กิเลสจร ปกคลุม ให้มืดเขลา

มีเท่าไหร่ ก็ไม่พอ หนอคนเรา

เงินเท่าเขา เท่าเลากา ยังไม่พอ


คนมีน้อย หากรู้พอ ก็มีสุข

คนมีมาก หากรู้ทุกข์ ย่อมทานให้

การให้ทาน คือละโลภ จากจิตใจ

โลภหายไซร้ จิตย่อมถึง ความเพียงพอ…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

หากเรายังมีโอกาสตื่นลืมตาขึ้นมาในทุกๆเช้า นั่นเป็นโอกาศให้เราได้ทำความดี ได้เสียสละ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

พลังแห่งความสงบ ย่อมสยบทุกอย่างที่เคลื่อนไหว

ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ ย่อมสยบปัญหาและความร้อนใจให้มลายหายไปได้ในบัดดล…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

จัดการผู้อื่น 5 % จัดการตนเอง 95 %

แล้วนำความรู้ฝังลึก(Tacit knowledge)ที่ได้จากการจัดการหรือบริหารตนเองไปปรับใช้ในการบริหารงานและบริหารคน หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นปัญญาจากการบริหารจัดการที่ยั่งยืน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง แต่ก็ยังได้เห็นเจ้าน้องเห็ด…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ใบไม้ผลิ แรกแย้ม กรุ่นอิงแก้ม ชื่นละมัย

รอยยิ้มสุข ยิ้มพริ้มใจ เรายิ้มได้ เพราะละตน

ยิ้มเปี่ยมสุข เพราะอ่อนน้อม ด้วยไม่ยอม ตามใจตน

มานะ ทิฏฐิ ที่ขื่นขม ปลิวด้วยลม แห่งรอยยิ้ม ที่พริมใจ

อันชีวิต มนุษย์นี้ แสนสั้นหนัก ควรรีบจัก รู้ปล่อยวาง ตัวตนเสีย

วางตนได้ จิตใจนี้ หายอ่อนเพลีย ย่อมไม่เสีย ชาติที่เกิด มาเป็นคน

ทิฏฐิ แลมานะ หมดที่จะ “อหังการณ์”

หากเรารู้และพบพาน แสงสว่างแห่ง “สัทธรรม…”



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

สรุปผลประกอบการ…นกหยิบจากจันทบุรี

ปลิงหลุดไป 3 เหลือ 1

3 ลูก เปลือก 5 โลกว่า เนื้อ 2 โลครึ่ง…



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ทำบ้านให้มีความสุข ทำบ้านให้เหมือนสวรรค์ ที่เราและท่าน อยากกลับ อยากอยู่ อยากมีชีวิตคู่อยู่กับบ้าน…

การที่ออกนอกบ้านเพื่อไปเที่ยว คือ บ้านเราไม่น่าเที่ยว อยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข จึงต้องวิ่งออกไปหาความสุขที่นอกบ้าน

หากบ้านทุกบ้านเป็นดั่งสวรรค์ เป็นดั่งวิมาน ทุก ๆ ดวงใจย่อมต้องการกลับมาบ้านเพื่อพักพิง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ตลาดทางธรรมชาติ สามารถให้รางวัลเราทุก ๆ วันเพียงแค่เราต้องตั้งมั่นในความเพียร…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ถึงฝนจะตกแต่ก็ยังเก็บเห็ดได้อยู่…

เพราะธรรมชาติเค้ามีเวลาให้ว่าง มีเวลาเปียก มีเวลาแห้ง

เช้าขึ้นมาอากาศเย็นสบาย สาย ๆ หน่อยแดดออกก็ร้อนมาบ้าง กลางวันคล้อยไปบ่าย แดดแรงขึ้น ๆ ดินที่เคยชุ่มชื้นเริ่มแห้งแล้ง แล้วพอบ่ายแก่ ๆ ฝนก็เทลงมา เทลงมา พอถึงเวลาพักผ่อนก็นอนหลับอย่างสบาย…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เมื่อฝนซา เห็ดก็เริ่มผุดขึ้นมาอีกคราหนึ่ง…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

พอได้ พอมี พอกิน…

สัปดาห์ที่แล้ว ฝนตกแทบทุกวัน ดินชุ่มช้ำด้วยน้ำที่ขังอยู่ตลอดเวลา

ผืนดินบางแห่งที่แห้ง เพราะมีแสงแดดส่องลงมา ก็ยังมีเห็ดผึ้งโผล่พ้นดินให้ได้อยู่ได้กิน ได้พึ่งพา ได้อาศัย…



ความเห็น (2)

อยากจะเพาะเห็ดแบบนี้บ้างนะครับ

ลองเอาเห็ดดอกใหญ่ ๆ หรือดอกที่โตเต็มที่แล้วมาขยำ ๆ ผสมน้ำแล้วราดไว้ตามโคนต้นไม้ เอาใบไม้คลุมไว้แล้วรดน้ำเรื่อย ๆ สักเดือนสองเดือนน่าจะขึ้นครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เดินไปสามก้าว หากเหนื่อยหรือท้อถอยกลับมาก้าวหนึ่งก็ยังดี

ถ้าไม่แม้แต่เพียงที่ก้าวเดินต่อไป ชีวิตก็รังแต่จะต้องถอยหลังไปอย่างแน่นอน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ล้มแล้วต้องลุก ปลุกแล้วต้องตื่น ถ้าท้อก็ต้องทนฝืน ยืนหยัดสู้ต่อไป…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

ตื่นขึ้นมาแต่เช้าจนนอนหลับ แม่ก็ทำความดี เสียสละทั้งวัน…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

เดินผ่านไปผ่านมา แม่ก็เก็บเห็ดผึ้งได้ทั้งวัน…#ใจดีใจสบาย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

สองสามวันนี้แม่เก็บเห็ดผึ้งได้น้อยลง จากเดิมได้วันละสิบกิโล สองกระด้ง สองกาละมังใหญ่ ๆ วันนี้ได้กาละมังเล็ก ๆ ประมาณหนึ่งกิโลเนื่องจากสามสี่วันก่อน “ฝนตก” และ สองวันก่อน “ฝนตกอย่างหนัก”…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การมาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ถ้าอยู่เกิน ๓ วันขึ้นไป ผู้ปฏิบัติจะเริ่มอยู่ตัว และอยู่เป็น ถ้าหากมีเวลา ไม่เสียหน้าที่การงาน ก็ควรจะมาอยู่ตั้งแต่ ๕ วันขึ้นไปแต่ทว่า… การปฏิบัติธรรม มิใช่การทิ้งหน้าที่การงานแล้วมาอยู่วัด แต่การปฏิบัติธรรมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับการปฏิบัติงาน

ดังนั้น ระยะเวลาตั้งแต่ ๕-๙ วันเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาสร้างความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง เพื่อการนำไปปฏิบัติที่ถูกต้อง

การมาวัดมาเพื่อสร้างความเข้าใจ ชาร์จแบต ชาร์จพลัง เพื่อกลับไปต่อสู่กับโจทย์แห่งการภาวนาที่แท้จริงคือการปฏิบัติหน้าที่การงาน การอยู่กับครอบครัว การอยู่ในสังคมคือโจทย์ของจริงแห่งชีวิต…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท