วันที่ 29 มีนาคม 2553 ได้รับแจ้งจากน้องแหม่ม
นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาคร
ว่า...กำลังมีกิจกรรมถ่ายภาพ... ครูต้อยว่างไหม ..คุณจุ๊เชิญ
อิอิ มีหรือจะไม่ว่าง เรื่องถ่ายภาพนี่กำลังต้องการเรียนรู้เหมือนกัน
วางหูเสร็จก็รีบคว้ากล้องดิจิตอลคู่ชีพติดตัว...ไปโลดเลย
เป้าหมายคือการเรียนรู้...
และก็ได้พบกับคนเก่งของโรงพยาบาล ฝ่ายสุขศึกษา
ทำหน้าที่เก็บภาพบรรยากาศค่ะ
ช่วงที่ฉันทำกิจกรรมเบาหวานโลก ก็เห็นคุณสหภัค(จรัล)
ทั้งแบกกล้อง ทั้งจัดมุมสวยบรรยากาศงาน
ดูคล่องตัวอย่างน่าอัศจรรย์
นี่ละมั๊งคนมีฝัน มีพลัง ผู้เสียสละ และหัวใจของผู้ให้อย่างแท้จริง
กิจกรรมวันนั้นสุดยอดมากค่ะ
เป็นบรรยาการศการเรียนรู้เต็มไปด้วยความรัก
ความเข้าใจ การให้ด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์
หมายความว่าให้โดยปราศจากข้อแม้ใดๆ ให้ด้วยความรัก และความสุข
ฉันมีโอกาสได้พบและพูดคุยเล็กน้อยกับคณะกรรมเครือข่ายชุมชน PHPT
ที่เดินทางโดยรถทัวร์มาจากเชียงใหม่
และยังได้พบกับแกนนำที่เข้มแข็งของกลุ่มเป้าหมาย
กิจกรรมมี 3 วันค่ะ กำลังสนุกกับการเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเด็กน้อย
เด็กน้อยผู้ถูกชะตากรรมเล่นเกมชีวิต โดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำใดเลย
เด็กๆสนุกสนาน มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้โลกใหม่
โลกที่พวกเขาอาจไม่แน่ใจเลยว่าวันข้างหน้า
พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ตามไปอ่านเพิ่มเติมที่บันทึกของน้องแหม่มที่นี่ค่ะ
http://gotoknow.org/blog/mamsoc-work/350807
แต่ในวันนี้ ฉันพบว่าดวงตาของเด็กน้อยเบิกกว้าง สดใส
ตากลมแป๋ว ส่งประกายเจิดจ้า ด้วยความหวัง
พวกเขามีความพยายาม และมุ่งมั่นมาก เต็มร้อย
ฉันเองนอกจากได้เรียนรู้ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
และการทำงานของค่ายฉายรุ้ง
ยังได้เรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องการถ่ายภาพที่เล็กๆมากๆ
ให้สวยเด่นขึ้นมา แบบภาพดอกชบานี้ค่ะ
และแกะรอยตามครูไปไม่ว่าครูจะถ่ายภาพอะไร ก็เฝ้าสังเกตมุมคิด มุมมอง
ภาพนี้จะเข้าตากรรมการไหมเอ่ย ก็เห็นปากกระบอกปืนใหญ่ เคียงคู่กับต้นโพธิ์น้อย
ที่แอบลักชอนไชรากลงไปตามแนวตะเข็บปูนหากไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลง
สักวันหนึ่งต้นไม้น้อยนี้อาจมีโอกาสยิ่งใหญ่กลบกระบอกปืน
ภาพนี้ถ่ายตามครูสอนอีกนั่นแหละ เห็นเขาเอากล้องไปจับใกล้ๆ
ก็ลองทำบ้าง เห็นเด็กหลายคนถึงกับเขย่งขาจับภาพ สนุกๆค่ะ
น้องสหภัค (จรัล) มือเก็บภาพของโรงพยาบาล
บอกว่าลองถ่ายภาพตามแนวกำแพงป้อมดูสักรูป...ก็อย่างที่เห็นค่ะ
ยังไม่ได้เรื่องต้องหาโอกาสไปลองใหม่อีกครั้ง
ใครมันมือบอนเที่ยวฉีดสีสเปรย์ตามกำแพง
ฉันไม่อยากเห็นก็เลยตกแต่งปิดซะรู้แล้วรู้รอดไป
หลักป้ายนี้ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าที่ทำงานของตำรวจน้ำ
เราเก็บภาพตามคำแนะนำ แล้วลัดเลาะไปยังวัดป้อมวิเชียร์โชติการามค่ะ
มุมมองหลังคาพระอุโบสถ ก็เห็นครูผู้สอนท่านเล็งกล้องมืออาชีพสอดผ่นตาข่ายกันสนามเทนนิส ฉันก็เลียนแบบบ้าง
หอระฆังวัดป้อมฯ ครูผู้สอนแนะให้หามุมถ่ายออกมา ฉันเห็นเด็กๆวิ่งกันหามุมจับภาพสนุกสนาน ส่วนฉันเลาะไปยืนเยื้องๆกับหอ แล้วพยายามเก็บภาพ ถ่ายยากมากค่ะ เพราะมีสิ่งก่อสร้างๆติดๆๆกัน
เข้าไปภายในวัด เห็นชาวรามัญนั่งขัดองค์พระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม่สัก
โดยช่างฝีมือคนไทยสวยงามมากค่ะ
ภาพหลายภาพฉันจำเป็นต้องทำให้เบลอ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของน้องๆค่ะ
รวมทั้งภาพของฉันเอง อิอิ
ถ่ายกับเด็กๆน่ารักทุกคนเลยค่ะ
ทำให้เบลอแบบนี้อ่อนไปอีก 10 ปี ไม่ใช่อายุสมองนา .....ฮาเลย.
แต่เสียดายจังเลย ณ เวลานั้น
ฉันจำเป็นต้องทิ้งการเรียนรู้ที่กำลังสนุกไว้ก่อน
เมื่อเพื่อนเก่าชาวอเมริกันที่เคยร่วมงานด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ
ของครูและนักเรียนในจังหวัดสมุทรสาคร
โทรเข้ามาแจ้งจุดประสงค์การทำงานร่วมกันอีกครั้ง
ในการนำอาสาสมัครต่างประเทศมาทำงานร่วมกันอีก
หลังจากที่เราพักงานนี้ไปเมื่อเกิดสึนามิ
เราพักงานนี้มาประมาณเกือบ 2 ปี ด้วยเหตุผลพ้องกันว่า
ทางใต้มีความจำเป็นมากกว่า ผู้คนทุกวัยที่รอดชีวิตจากคลื่นยักษ์
มีความจำเป็นมากที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะเด็กนักเรียน
วันนี้อ.เดวิดบอกว่าภาระงานทางใต้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังมีอาสาที่ต้องการมาร่วมงานกับฉันอีก
ฉันจึงต้องจากเด็กน้อยมาเพื่อประชุมพูดคุยกับทางอ.เดวิด
และรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
ติดตามเรื่องราวของค่ายเด็กที่บันทึกข้างล่างค่ะ
http://gotoknow.org/blog/mamsoc-work/350807
ขอบคุณค่ะ
มาอวยพรปีใหม่ไทยค่ะ อย่าเจ็บ อย่าจนนะคะ..
มาสวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ฝีมือเยี่ยม จริงๆ ขอขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณค่ะ
วันสรุปรายงานผลพี่ยังไม่ได้บันทึก
แต่อยากเก็บข้อมูลไว้ศึกษานะคะ
เด็กๆน่ารักทุกคนเลย
ข้อคิดที่ได้จากงานนนี้ในฐานะเป็นคณะกรรมการชุมชนโรงพยาบาลสมุทรสาคร
1.เด็กต่างชาติมีความมุ่งมั่นกว่าเด็กไทย
2.กลุ่มเป้าหมายไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ใจจิตอาสาอยากให้เป็น
3.อาจมีตัวแปลอื่นเข้ามาทันควัน เช่นกรณีการจัดงานไปตรงกับวันที่กลุ่มเป้าหมายต้องไปรายงานตัวเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับต่างๆ
4.กลุ่มเป้าหมายควรมีความตระหนักในตนเอง และรับผิดชอบในตัวเองได้มากกว่านี้ว่า
5.กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในวัยรุ่น น่าเป็นห่วง ถ้าเขาไม่หยุดตัวเอง เราต้องช่วยให้เขาหยุด
ไม่งั้นปัญหาไม่มีวันสิ้นสุด จะเกิดความล้มเหลวขึ้นในสังคม
6.ทำอย่างไรจึงจะให้มันwork กว่านี้ ทำอย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายของเราตระหนักในตนเอง และทำอย่างไร เราจะสามารถน้อมนำจิตใจพวกเขาได้ ทำอย่างไรพวกเขาจะเข้าถึงรพระธรรมไปพร้อมๆกับกาลเวลาที่ไม่เป็นเพียงการผ่านไปเท่านั้น แต่ทำอย่างไรจึงจะเกิดผลดีต่อกลุ่มเป้าหมายให้คุ้มทุน....น้องมดเอ๋ย..เป็นห่วงจังเลย
7.แนวโน้มมันจะไม่จบสิ้น เพราะพฤติกรรมความเสี่ยงมันมีให้เห็นด้วยตาสองข้างนี้ หูทั้งสองรับฟัง ปัญหาที่คณะวิทยากรได้พูดนั้นพี่ก็เห็นด้วยนะ
8.ถ้าเราช่วยกันทำอะไรสักอย่างให้กลุ่มเป้าหมายได้ร่วมบุญฟังธรรม
ปฏิบัติธรรม น้องมดว่าจะดีไหม
รักษาใจกันก่อน ให้มีความเข้มแข็ง
ให้ตั้งมั่นในทางธรรมก่อน
ให้รักษาศีลให้มั่น
เมื่อใจเข้มแข็งด้วยคุณธรรมแล้ว
เราจึงให้ความรู้เพื่อความอยู่รอดในสังคม
พี่คิดแบบนี้ ยังไม่ทราบความคืบหน้าของccc เลยค่ะ
อ้อ ร่วมอนุโมทนาบุญเลี้ยงพระวันนี้ด้วยค่ะ
ส่งใจพระมาแล้ว สาธุสาธุค่ะ