พฤษภาคมแล้วนะคะ
คงได้เห็นตัวเลขเงินเดือนใหม่ของคนทำงานราชการ และทำนายความดีความชอบปีนี้ทั้งปีได้
ปัจจุบันใช้คำว่าประสิทธิภาพประสิทธิผลของการทำงานแทน "ความดีความชอบ"
หลักเกณฑ์วิธีการต่างไปจากเดิม ทำให้ความรู้สึกของคนต่อการได้หรือไม่ได้ เลื่อนเงินเดือน 2 ขั้นลดความรุนแรงลง
ในอดีต จะมีคนได้ 2 ขั้นปีละ 15 % หรือ 10 คน ได้ 1.5 คน ที่เหลือ อีก 85 % ก็ได้ไปคนละ 1 ขั้น ความแตกต่างเป็น 1: 2 ความรู้สึกของคนก็เลยแตกต่างกันมากระหว่าง 1 กับ 2 จำเป็นต้องเกิดปฏิกริยา ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ปัจจุบัน ความรู้สึกไม่ต่างกันมากเพราะคนส่วนใหญ่จะได้ 1.5 ขั้น 15 % ได้ 2 ขั้นเหมือนเดิม เนื่องจากมีวิธีคิดใหม่ ตั้งแต่รัฐบาลท่านทักษิณ ให้เม็ดเงินเพิ่มเป็น 6 % ของเงินเดือนรวมทุกคนกองไว้ก่อน แล้วจึงให้กลุ่ม 2 ขั้น 15 % เงินจึงเหลือมากทำให้ได้ 1.5 ขั้นเกือบทุกคน
มีคนเล่าว่าการได้ 2 ขั้นในอดีตเป็นเรื่องใหญ่ของข้าราชการ ต้องหายุทธวิธีต่าง ๆ มาใช้ เช่น แผนพิชิตสองขั้น
ปรับพัดลม เจ้านายอยู่ตรงไหนพยายามปรับพัดลมให้ตรงตัวเจ้านาย
ดมกลิ่น พยายามใกล้ชิดจนได้กลิ่นเจ้านาย
รินสุรา รินให้เจ้านายอีกนั่นแหละ
หาของขวัญ โอกาสต่าง ๆ วันเกิด วันปีใหม่ โยกย้าย หาของขวัญให้เจ้านาย
ขยันมิถุนา ปกติการพิจารณา 2 ขั้นเดิมจะทำปีละครั้งเดือนมิถุนายน ใคร ๆ ก็เลย
ขยันเดือนนี้ (เช่น ครูลูกเสือจะฝึกแถวนักเรียน ครูดุริยางค์จะฝึก
นักเรียนใกล้ ๆ ห้อง ผอ. บางคนเดินเข้าออกห้องผอ.บ่อย ๆ)
" Pually ชอบทำสิ่งตรงกันข้ามกับทั้ง ๕ ข้อเลยค่ะ ... ขั้นเงินเดือนจึงน้อยกว่ารุ่นเดียวกัน .... สัญญากับตนเองว่าจะไม่ทำแผนเช่นนั้นด้วย .....อิอิอิ ฉลาดน้อยไปหน่อยมั๊งส์ "
แล้วปีนี้ ณ ปัจจุบัน ควรใช้แผนใดบ้างค่ะ จึงจะได้ หรือว่าจะใช้โครงการพี่ก่อนน้อง หรือโครงการน้องทำไปเถอะ
ขอบคุณทั้งสองท่านที่ให้ความเห็นค่ะ