ความเข้มแข็งของจิต


มีหลาย ๆ คนทำสิ่งผิด ๆ กินเหล้า ดูหนัง ฟังเพลง แล้วให้เหตุผลว่าตนเองนั้นรู้ ตนเองนั้นมีวิจารณญาณ หรือไม่บางคนรู้ธรรมะมาบ้างก็ให้เหตุผลอย่างสูงส่งว่าทำไปด้วยการ "ปล่อยวาง" แต่ถ้าคนเราปล่อยวางจริงต้องไม่ทำ...

ความรู้ในสังคมสมัยนี้ยากมากที่จะบอกว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม อันไหนดี อันไหนชั่ว คนยิ่งรู้มากยิ่งมีเหตุผลในการให้สร้างทางช่องเลือกในการตัดสินใจเพื่อที่จะทำอะไรต่ออะไรไปอีกมาก

คนเราเวลาเลือกที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ต้องใช้ "ฐานความรู้ (Database)" ที่มีเพื่อมาใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการมีทนายความซึ่งให้ข้อมูลทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ข้อมูลคณะลูกขุนว่าจะทำความดี ดีไหม จะทำความเลว เลวไหม...

บางครั้งทนายฝ่ายเลวเก่ง ก็สามารถหาเหตุผลมาให้ลูกขุนฟังอย่างมีน้ำหนักแล้วสามารถโน้มเอียงไปว่าทำผิดได้นะ "ไม่เป็นไร" ไม่จงใจ ไม่เจตนา นิดหน่อยหน่า ใคร ๆ เขาก็ทำกัน

ดังนั้นการเลือกข้อมูลใส่ไว้ในจิตนั้นจึงต้องใช้ "ศีล" เป็นเครื่องคัดกรอง

สิ่งใดผิดศีล ผิดธรรม ต้องฟันธงให้ขาดว่านั่นไม่ใช่หน ไม่ใช่ทาง ไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะเก็บไว้ใส่จิต ใส่ใจ

ถ้าบุคคลใดมีศีลเป็นเครื่องร่อนเหตุผล จิตใจของบุคคลนั้นก็ย่อมที่จะมีเหตุ มีผล ถูกต้อง "ตามธรรม"

ปัจจุบันความรู้ที่จะให้เพื่อหักล้างในศาลทางโลกมีเยอะ แต่ฐานความรู้ที่ถูกต้องตามอรรถ ตามธรรมจริง ๆ นั้นหายาก มีน้อย

คนเรียนมากเหตุผลมาก จะทำอะไรได้มากเพราะสามารถเหตุผลมาหักล้างได้มาก

คนเราเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรักกันจริง รักกัน ชอบกัน แต่คนที่ปากดี พูดดี ประจบ สอพลอ เหตุผลแบบโลก ๆ เขาสอนให้รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี

สังคมของเราถึงไม่เจริญ เพราะคนที่จะอาจหาญร่าเริงทางธรรมแล้วก้าวผ่าน "โลกธรรม" นั้นมีน้อย จึงได้แต่เป็นนายว่าขี้ข้าพลอยไปตาม ๆ กัน กลัวคนเกลียด กลัวคนนินทา พูดจาหวาน ๆ ฉาบหน้ากันไปวัน ๆ ดีกว่า

แต่ก็ดีไปอีกแบบนะ จะได้เห็นทั้งโลก เห็นทั้งธรรม หนีไปเดิน ไปนั่งหลับตาอยู่ก็ได้แต่เป็น "สมาธิหัวตอ" ต้องสู้ ต้องเจอแบบนี้แหละ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คนปากดี ๆ แต่ใจร้ายแบบนี้เป็นโจทย์ที่ใช้ในการภาวนาได้ดีนัก

นักการเมืองที่มีอุดมการณ์พอมาเจออุดมกินก็ตายกันไปมาก ต้องเรียนรู้จักวิชา "ปากอย่าง ใจอย่าง" เดี๋ยวนี้นักวิชาการที่มีอุดมการณ์ก็ถูกกลืนไปเยอะ พูดอย่าง ทำอย่าง ใจอีกอย่าง กินอยู่กันด้วยผลประโยชน์ทางวิชาการ

แต่ก็ดีนะ เจอทะเลสงบเงียบมาก ๆ ไม่ค่อยได้ยืดแข้ง ยืดขา กล้ามเนื้อไม่ได้ออกกำลังกาย ต้องเจอคลื่น เจอลมบ้าง กล้ามเนื้อกายจะได้แข็งแรง จิตใจจะได้ไม่อ่อนแอ ท้อแท้เมื่อเจออุปสรรค

เจอบ่อย ๆ เจอมาก ๆ จะได้มีประสบการณ์ มีภูมิคุ้มกัน จะได้น้อมนำเอาสิ่งที่พบที่เจอนั้นไป "ภาวนา..."

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ฝึกจิต
หมายเลขบันทึก: 357951เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2010 11:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 08:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

แชร์ตัวคัดกรองที่ว่า ศีล ความสำคัญอยู่ที่ ล ละ ละอารมณ์รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส ธรรมารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งรูปธรรม นามธรรม

ได้ เป็นจิตอิสระอยู่ปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ทั้งปวงได้ ขอแนะนำศีลวิสุทธิ ที่พระท่านสอนมา

ศีลวิสุทธิ

๑.ต้องไม่เป็นขโมย รูปใดๆ ของใคร มาเก็บไว้ในจิต

๒.ต้องไม่เป็นขโมย เสียงใดๆ ของใครมาเก็บไว้ในจิต

๓.ต้องไม่เป็นขโมย กลิ่นใดๆ ของใครมาเก็บไว้ในจิต

๔.ต้องไม่เป็นขโมย รสใดๆ ของใครมาเก็บไว้ในจิต

๕.ต้องไม่เป็นขโมยโผฏฐัพพะ (สัมผัส) ใดๆ ของใครมาเก็บไว้ในจิต

๖.ต้องไม่เป็นขโมย ธรรมารมณ์ใดๆ ของใครมาซุกซ่อนไว้ เก็บไว้ในจิต

จึงไม่มี โมหะสติ ที่ต้องระลึก ไปตามสัญญา อุปทาน ยึดไว้เก็บไว้ เพียรรับรู้ ไม่รับเก็บ เพราะไม่เป็นของเรา ไม่เป็นเรา ปล่อยไปตามธรรมชาติ ธรรมดา ที่รู้กันว่า เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วก็ว่าง

การชนะจิตของตนเองนั้นยากกว่าการชนะจิตของคนอื่น

ถ้าชนะจิตตนเองได้ การเอาชนะจิตของคนอื่น จึงไม่ใช่เรื่องที่ยาก

การชนะจิตตนด้วยการประกอบกรรมดี คิดดี ทำดี ก็จะได้รับผลดี คิดชั่ว ทำชั่ว ก็จะได้รับสิ่งที่ชั่ว

มนุษย์ดีอยู่ที่การฝึก มนุษย์ที่ไม่ได้ฝึกคือปัญหาของสังคม

ดังนั้น จะดีชั่วอยู่ที่จิต ต้องคอยคิดทำดีอยู่เสมอ สิ่งนี้จะส่งผลให้พบเจอ เป็นสุขเสมอเมื่อทำดี

กราบเรียนอาจารย์ด้วยความเคารพครับ

นายรักษ์ปริกทอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท