จารุวัจน์ شافعى
ผศ.ดร. จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง

ทำไมต้องรอให้มาขอ


ภาคเช้าของงานวันนี้คือการได้รับเชิญจากคณะอิสลามศึกษา ไปร่วมตรวจสอบการประเมินตนเองของสาขาวิชาชารีอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ระหว่างการพูดคุยกับหัวหน้าสาขาวิชาก็ไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นผลงานของหัวหน้าสาขาวิชาร่วมกับทีมอาจารย์จาก มอ.ปัตตานีจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายอิสลาม งานนี้เป็นหนังสือที่เกิดขึ้นจากการจัดอบรม อ่านผ่านๆ ไปสะดุดเอาหน้าท้ายๆ ซึ่งเป็นการประมวลเอาคำถามจากผู้เข้าอบรมมาตอบไว้ คำถามหนึ่งกระทบสายตาผมเข้าอย่างจังครับ คำถามคือ ผู้หญิงมีสิทธิขอผู้ชายแต่งงานหรือเปล่าตามหลักศาสนาอิสลาม? ประเด็นที่สะกิดใจผมคือในคำตอบครับ ซึ่งตอบว่า หากผู้ชายเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ฝ่ายหญิงมีสิทธิที่จะเป็นฝ่ายเสนอขอแต่งงานด้วย 

ฮือ ผมตั้งคำถามกับหัวหน้าสาขาวิชา (ว่าที่ ดร.รอซาลี เบ็ญหมัด) ว่าคำว่า ฝ่ายหญิง หมายถึงผู้ปกครองฝ่ายหญิง หรือตัวผู้หญิงเอง งานนี้ไม่รอคำตอบครับ นำเสนอความเห็นส่วนตัวก่อนคือ ผมจำได้ว่าเคยได้ยินว่ามีวัจนะหนึ่งของท่านศาสนทูต (ซ.ล) ว่า ผู้หญิงที่แต่งงานด้วยตัวเอง ก็คือการซีนา ซึ่งผมมานึกออกทีหลังว่า ผมจำผิด (ย้ำว่าจำผิด ดังนั้นข้อความข้างต้นห้ามเอาไปอ้างต่อ) ความจริงหะดีษนั่นคือ การแต่งงานที่ไม่มีผู้ปกครองฝ่ายหญิง ก็คือการซีนา (อันนี้โดยนัยแบบนี้นะครับ) ผมจำได้ว่าแนวทางคือ เมื่อผู้หญิงพร้อมสำหรับการแต่งงานแล้ว หากยังไม่มีใครมาสู่ขอ ผู้ปกครองฝ่ายหญิงก็มีสิทธิที่จะไปทาบทามชายที่เหมาะสมมาแต่งงานกับบุตรีของตนเองได้ แต่ผมไม่รู้ว่า มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันว่า ผู้หญิงเองสามารถสู่ขอผู้ชายแต่งงานได้เอง ฮือ

โดนย้อนคำถามกลับมาจากหัวหน้าสาขาวิชาชารีอะห์ว่า อาจารย์เคยได้ยินหะดีษที่ผู้ชายไม่มีสินสอดใดๆ ให้กับผู้หญิง ยกเว้นอัลกุรอานที่เขาจำ ซึ่งท่านรอซูล (ซล.) ก็ให้ถือว่าการสอนอัลกุรอานเป็นสินสอดได้หรือเปล่า ฮิฮิ อันนี้จำได้ครับ (จำได้เท่าที่ว่ามานี่แหละ) ท่านบอกว่าหะดีษบทนี้มักจะใช้อ้างในเรื่องของสินสอด ความจริงใช้ในเรื่องของการขอผู้ชายแต่งงานได้ อันเนื่องจากที่มาของหะดีษบทนี้คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งเสนอตนเองเพื่อเป็นภรรยาของท่านรอซูล ท่านไม่ปฏิเสธครับ แต่หันไปถามบรรดาซอฮาบะห์ว่า มีใครต้องการแต่งงานบ้าง ก็มีซอฮาบะห์ท่านหนึ่งตอบว่า เขาประสงค์จะแต่งกับนาง ท่านรอซูลก็ถามถึงสินสอด ซึ่งจากหะดีษนี้แสดงให้เห็นว่า รอซูลไม่ได้ทรงรังเกียจ หรือปฏิเสธไม่ให้ผู้หญิงเป็นคนเสนอตนเองเพื่อแต่งงานกับผู้ชาย

เออ จริงด้วย มองไปประเด็นนี้ก็จะเห็นถึงสิทธิของสตรีในมุมมองของอิสลามได้อีกมิติหนึ่งครับ แต่มีคำถามเพิ่มมาจากวงสนทนาครับว่า แต่ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ขอผู้ชายแต่งงาน มักจะใช้วิธีการรอให้ผู้ชายมาขอมากกว่า หรือไม่ก็ใช้ญาติหรือผู้ปกครองเป็นคนดำเนินการให้ คำตอบคือ "ความอาย" นี่คือคำตอบเดียวที่มาจากวงสนทนาเมื่อเช้านี้ครับ ไม่มีใครแย้งคำตอบนี้เลยครับ (อาจจะเป็นเพราะในวงสนทนาเป็นผู้ชายหมดก็ได้)  

คำสำคัญ (Tags): #แต่งงาน
หมายเลขบันทึก: 380909เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2010 21:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

แรกอ่านบทบันทึกนี้แล้วทำให้คิดได้ว่าแบบนี้พอมีทางออกแก่บางคนได้

แต่ว่า.. ที่พวกบรรดาสตรีไม่กล้าสู่ขอผู้ชายนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับคำตอบที่ว่าเพราะอาย... ผมอยากให้ศึกษาโดยอ้างหลักฐานมากกว่านี้ .. อย่าลืมว่าธรรมชาติที่อัลลอฮฺสร้างมาผู้ใช้กับผู้หญิงมันแตกต่างกัน โดยเฉพาะการใช้อารมณ์รู้สึก ..อย่างเช่นการหย่าขาดทำไมในอิสลามตัดสินที่ฝ่ายชาย..

...ผมว่าถ้าเพราะความอาย ถ้าคนๆนั้นไม่อายก็สามารถขอใครได้กระนั้นหรือ..?

...ความดีของคนๆหนึ่งหรือชายคนหนึ่ง จะตัดสินด้วยความรู้สึกของตัวเองนั้นยากมาก อย่างคนๆหนึ่งรักคนหนึ่ง แต่มีบางคนมาบอกว่าคนๆไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ตอบว่าเขาก็ขอเลือกเพราะเขารัก !

ขอบคุณครับอาจารย์ Ibm ครูปอเนาะ ڬوروفوندق 

เห็นด้วยเลยครับ (เปิดประเด็นแล้วจะยิ่งเห็นความคิดที่หลากหลายขึ้นด้วย)

มันมีหลายเหตุผลและหลายสำหรับความไม่มีเหตุผลในการจะขอใครแต่งงานสักคน ฮิฮิ

สล่ามครับอาจารย์

นำหะดีษเต็มๆ มาให้ครับ เพื่อความชัดเจนในวิสัยทัศนของอิสลามในประเด็นนี้ เพราะหะดีษเรื่องนี้ กล่าวสั้นๆจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ต่อศาสนาอิสลามได้ หะดีษนี้สามา้รถวิเคราะห์ได้หลายมิติครับ ทั้งมิติทางกฎหมายอิสลาม สังคมศาสตร์ จริยศาสตร์ บุคลิกศาสดา สิทธิสตรี ฯลฯ ครับ

จากเศาะเหียะหฺบุคอรีย์ باب: تزويج المعسر كتاب النكاح

สะหฺล์ บินสะอฺด์ อัสสาอิดีย์ กล่าวว่า มีสุภาพสตรีหนึ่ง มาหาท่านนบี ศอลฯ นางกล่าวขึ้นว่า"โ้อ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ดิฉันมาเพื่อถวายตัวแด่ท่าน ( ในสุนัน บัยฮะกีย์ ใช้วลีว่า

" นางได้ถวายตัวเพื่ออัลลอฮฺและเราะสูล " ซึ่งวลีนี้ทำให้ความหมายกว้างขึ้นมากกว่าการถวายตัวเพื่อเป็นภรรยาของท่านนบี ศอลฯ )

สะหฺล์ บินสะอฺด์ อัสสาอิดีย์ กล่าวต่อว่า ท่านศาสนทูต ก็ได้เงยหน้าขึ้นและหันไปมองนางอย่างตรงๆ แล้วผงกศีรษะ่

เมื่อสุภาพสตรีนางนี้เห็นว่า ท่านศาสนทูตไม่ดำเนินการใดๆ นางจึงนั่งลง มีชายคนหนึ่งในกลุ่มมวลมิตรของท่านยืนขึ้น พลางกล่าวว่า " โอ้ท่านศาสนทูต หากท่านไม่ประสงค์ในตัวนาง ก็ให้ท่านทำการสมรสฉันกับนางเถิด "

" ท่านมีสมบัติอะไรบ้างไหม" ท่านศาสนทูต ศอลฯ ถาม

" ผมไม่มีสมบัติอะไรเลยครับ สาบานต่ออัลลอฮฺ โอ้ท่านศาสนทูต " ชายผู้นั้นตอบ

" กลับไปหาครอบครัวของท่านแล้วดูว่ามีสมบัติีอะไรบ้างไหม " ท่านศาสนทูต ศอลฯ กล่าวต่อ

ชายผู้นั้นก็ไป ต่อมาก็กลับมาพลางกล่าวว่า " ไม่มีอะไรเลยครับ สาบานต่ออัลลอฮฺ โอ้ท่านศาสนทูต " ชายผู้นั้นตอบ

" ไปดูอีก จะเป็นแหวนเหล็กวงเดียวก็ได้" ท่านศาสนทูต ศอลฯ กล่าวต่อ

ชายผู้นั้นก็ไปอีกและกลับมาพลางกล่าวว่า " ไม่มีอะไรเลยครับ สาบานต่ออัลลอฮฺ โอ้ท่านศาสนทูต แหวนเหล็กวงเดียวก็ไม่มี ผมมีแต่ผ้าคลุมผืนนี้ผืนเดียวครับ"

สะอัด กล่าวว่า " เขามีผ้าคลุมผืนหนึ่ง และจะแบ่งให้นางครึ่งนึง " ท่านศาสนทูต ศอลน จึงกล่าวว่า "แล้วท่านจะทำอย่างไรกับผ้าคลุมของท่าน หากท่านใส่ นางก็จะไม่มีอะไรจะใส่ หากนางใส่ ท่านก็จะไม่มีอะไรจะใส่ "

ชายผู้นั้นจึงนั่งลง เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานพอสมควร เขาก็ลุกขึ้น ท่านศาสนทูตเห็นว่าเขากำลังจะหันหลังกลับ ท่านให้คนไปเรียกเขามา พอเขามาถึง ท่านศาสนทูตก็ถามขึ้นว่า "เธอจำอัลกุรอานบ้างไหม "

" ผมจำซูเราะฮฺนั้น สูเราะฮฺนี้ " แล้วบอกซูเราะฮฺที่ตนเองท่องจำให้ท่านศาสนทูตฟัง

" เธอท่องจำขึ้นใจนะ " ท่านศาสนทูตถาม

" ครับ " เขาตอบ

" ท่านไปเถอะ ฉันมอบนางให้ท่าน ด้วยอัลกุรอานที่ท่านท่องจำ ( เป็นสินสอด )" ท่านศาสนทูตกล่าวในที่สุด

  เรียนท่านอาจารย์จารุวัจน์

  •    มาเรียนรู้ด้วยคนนะคะ
  •    ดิฉันทึ่งในความเคร่งศาสนาของพี่น้องชาวอิสลามมากค่ะ ตอนนี้มีน้องๆไปเรียน  พยาบาลที่มหาสารคามเยอะมากแต่ละคนน่ารักค่ะ กิริยามารยาทเรียบร้อย ดูแล้วสบายตาดี
  • เรื่องที่ผู้หญิงสามารถไปขอผู้ชายได้ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่พึงมีนะคะ แต่อย่างว่าแหละค่ะ ถ้าให้ไปขอผู้ชายแต่งงานดิฉันคงอยู่เป็นโสดตลอดชีพค่ะ ยังไงก็ไม่ทำแน่ๆ ขนาดคุยก่อนยังไม่กล้าเลยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์  อาล ฮุซัยน์ (หัวหน้าสาขาวิชาชารีอะห์) มากๆ ครับที่มา่ช่วยเติมเต็มความรู้

ขอบคุณครับ คุณยาย 

อย่าว่าแต่ผู้หญิงคุยเลยครับ เวลาผู้ชายจะเริ่มคุยเรื่องนี้ก็ต้องรวบรวมความกล้าอยู่นานเหมือนกัน ฮิฮิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท