เมื่อวานนี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวงานแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีครับ
หลังจากที่ไปงานกลับมาก็นึกสิ่งต่าง ๆ หลาย ๆ อย่าง นับตั้งแต่บทความของ ดร.ประพนธ์ ที่ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสฟังท่านบรรยายที่โรงพยาบาลราชวิถี
ท่านได้เล่าเรื่องครั้งที่ได้พาแม่และครอบครัวไปงานฉลองครองราชย์ครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ ดร.ประพนธ์ได้เล่าวันนั้นก็เพราะว่า ตอนหัวค่ำประมาณสองทุ่มเศษ ๆ ผมได้โทรกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านจังหวัดกำแพงเพชร แม่ก็ถามว่าวันนี้ได้ไปดูเขาแห่เทียนมาหรือเปล่า แม่ดูทางทีวีสวยมากเลย “ผมอยากพาพ่อกับแม่มาดูบ้างจังเลยครับ” เหมือนกับที่อาจารย์ประพนธ์ ได้โอกาสพาแม่และครอบครัวมาเข้าเฝ้าฯ ในวันนั้น ซึ่งผมบอกกับแม่และพ่อว่า เข้าพรรษาปีหน้าจะต้องไปดูด้วยกันครับ เพราะปีนี้ค่อนข้างฉุกละหุก ผมก็เพิ่งมาอยู่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ อะไรต่าง ๆ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย วันนี้ไปดูงานก็ตาม ๆ เขาไปไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก “ปีหน้าต้องพาพ่อกับแม่ไปดูงานแห่เทียนที่อุบลฯ นี้ให้ได้เลยครับ"
อีกประเด็นหนึ่งที่ฉุกคิดได้ก็คือ ในระหว่างดูความงามของต้นเทียนพรรษาที่สลักอย่างวิจิตรตระการตาอยู่นั้น ผมก็นึกถึงคำพูดของ ดร.มารุต คำชะอม ที่เคยคุยกับผมตอนที่ไปทำงานวิจัยที่จังหวัดอยุธยา และได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโบราณสถานวัดชัยพัฒนาราม วันนั้นท่านถามผมว่า
(พระปรางค์วัดชัยพัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
ดร.มารุต “อาจารย์ว่าพระปรางค์นี่สวยไหม”
ปภังกร “สวยครับ”
ดร.มารุต“อาจารย์ว่า พระปรางค์นี่สวยได้อย่างไร”
ปภังกร “คนสร้างเก่งครับ”
ดร.มารุต “อันนั้นก็ใช่ แต่ที่เราเห็นว่าพระปรางค์สวยน่ะ เราต้องมองไปข้าง ๆ ด้วยว่า ยังมีเจดีย์เล็ก ๆ น้อย ๆ มีสถูปที่อยู่เรียงรายข้าง ๆ พระปรางค์อยู่อีกมากมายที่ทำให้พระปรางค์สวยอย่างที่เราเห็น ถ้ามีพระปรางค์ตั้งอยู่องค์เดียว อาจารย์คิดว่าจะสวยขนาดนี้ไหม”
จากสิ่งที่ท่านสอนผมในวันนั้น กับต้นเทียนที่ผมเห็นในวันนี้ การที่มีต้นเทียนอย่างเดียว ก็คงไม่สวยเท่ากับการที่มีพญานาค มีครุฑ มีไม้ใบ้ ดอกไม้ รายรอบอยู่รอบข้าง ทำให้ต้นเทียนพรรษานั้น สวยงามเด่นตระง่านดึงดูดคนจากทั่วสารทิศเดินทางมาชม ถึงแม้ว่าไกลสักเพียงไหนทุกคนก็ไม่เคยหวั่น
มีต้นเทียนแค่นั้นแล้วจะมีงานวันนี้เกิดขึ้นหรือไม่
ยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมายทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
(ทีมงานทุก ๆ กำลังช่วยกันใช้ไม้ดันสายไฟให้สูงขึ้น เพื่อที่จะให้ขบวนเทียนพรรษาผ่านไปได้)
ทุก ๆ ร่วมไม้ร่วมมือกันทำกัน ถือไม้ดันสายไฟฟ้า คนขับรถ นักดนตรี นักระบำรำฟ้อน ตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน เจ้าหน้าที่ทุก ๆ ฝ่าย คนขายน้ำข้าง ๆ ทาง คนเก็บขยะ ห้องน้ำ ถนนหนทาง ไฟฟ้า เครื่องเสียง ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ประกอบกันให้งานแห่เทียนของจังหวัดอุบลราชธานีนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่
(รอยยิ้มของพี่คนหนึ่งที่เดินถือไม้ที่ใช้ดันสายไฟในขบวนแห่เทียนพรรษา ช่างงดงามเหนือคำบรรยายครับ)
คนเรา ชุมชนของเรา ประเทศของเราก็เช่นเดียวกัน มิใช่มีเพียงฉันหรือเธอ องค์กรใด องค์กรหนึ่ง หน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง บุคคลใด บุคคลหนึ่ง ที่จะนำพา “ไทย” ให้งดงามเหมือนดั่งกับต้นเทียนที่สวยงามตระการตาในวันนี้ได้
สรรพสิ่งทุกอย่างจะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นผู้นำ ผู้ตาม เกื้อหนุนซึ่งกันและกันตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละสิ่งที่กำหนดไว้ เมื่อสรรพสิ่งทำหน้าที่ของตัวมันเองอย่างสมบูรณ์ ส่งเสริม เกื้อหนุนซึ่งกันและกันอย่างครบถ้วนกระบวนความแล้วล่ะก็ คนไทยและประเทศไทยของเราคงจะเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยยิ้มตลอดไป