ลมหายใจ...กับใครบางคน...


ผมจ้อง...ผมมอง...ผมเพ่ง...เขม็ง...ใจมันสั่น..ขามันยิ่งสั่นกว่า สมองตีบตัน....เหลือแต่สัญชาตญาณเดิมดิบเถื่อน...ให้วิ่งหน้าตั้งหรือหลีกหนีให้พ้นเส้นทางนั้นเพียงลมหายใจเดียว!.....

          2 ทุ่มกว่าๆ  อากาศค่อนข้างเย็นสบายหากในใจไม่รุ่มร้อนเกินไปนัก   เนื่องจากเจ้าฝนเม็ดงามพึ่งจากลาฟ้าไปเมื่อตะวันบ่ายคล้อย  หากจมูกไม่พิการซ้ำซ้อนหรือเลวร้ายเกินไปคงได้สัมผัสไอดินกลิ่นฝนจางๆที่ยังคงอบอวลอยู่รอบๆกายได้อย่างไม่อยากเย็น...และหากใจคุณนิ่งพอเสียงสั่นไหวของใบไม้ที่โบกสะบัดทักทายสายลม  ณ เบื้องบนอยู่พลับๆพร้อมเสียงหริ่งหรีดเรไรที่เริ่มขับขานบทเพลงเสียงประสานแห่งรัตติกาลคงก้องอยู่ในโสตประสาทคุณแล้ว....

         ....แสงสุดท้ายแห่งตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว   แล้วผมยังนั่งอยู่โต๊ะปูนรูปทรงกลมคล้ายดอกเห็ดตามป่ารกชื้นทั่วๆไป  ภายใต้ร่มประดู่และมะค่าเท่าต้นเด็กโอบในวัดป่าแห่งหนึ่งที่เงียบสงัดจากผู้คน...ผมนั่งอยู่ที่นั่น!...พร้อมดอกไม้ในมือของคืนแสงจันทร์จางวันอาสาฬหบูชา...

        ....เบื้องหน้านั้น...ห่างออกไปประมาณ   20   ก้าวยาวๆไม่ขาดไม่เกิน   พระคุณเจ้าเหล่ากอแห่งพุทธองค์ 7-8 รูป  นั่งประนมมือหน้าองค์พระประธานใหญ่ด้วยอาการอันสงบ......เสียงสวดมนต์สอดประสานเป็นเสียงเดียวด้วยท่วงทำนองที่ราบเรียบคล้ายดั่งสายลมหนาวพัดทักทายยอดหญ้าเตี้ย...ลอยละล่องกระทบโสตประสาทผมประหนึ่งกำลังบอกเล่าเรื่องราวที่สำคัญเป็นฉากๆ  เมื่อ  2500  ปีก่อน...

          ผมแหงนมองฟ้า.....วันนี้แสงจันทร์นวลผ่องนุ่มนวลสบายตา....แม้จะมีเจ้าเมฆน้อยน่าชังบดบังบ้าง..แต่แสงจันทร์จางก็ไม่เคยห่างหาย   คล้ายดังเสียงดนตรีรัตติกาลเชื้อเชิญบุรุษหนุ่มเจ้าสำราญให้ก้าวเดินมากกว่าการที่จะอยู่ในจินตนาการที่ไม่มีวันสิ้นสุด....ผมลุกเดินไปตามคำเชื้อเชิญของแสงจันทร์จางลัดเลาะไปตามแสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องของใบไม้ตามจังหวะของชีวิตและลมหายใจที่แผ่วเบา....

          ลมหายใจผม......เพลิดเพลินท่ามกลางต้นไม้ที่เรียงรายยามค่ำคืน   สูดดมได้มิทันไร....เงาร่างนั่นก็ทำให้ผมใจสั่น....มันนิ่งมิสั่นไหว....ทางทิศตะวันออกของศาลาการเปรียญห่างจากผมไม่เท่าไหร่....ผมจ้อง...ผมมอง...ผมเพ่ง...เขม็ง...ใจมันสั่น..ขามันยิ่งสั่นกว่า   สมองตีบตัน....เหลือแต่สัญชาตญาณเดิมดิบเถื่อน...ให้วิ่งหน้าตั้งหรือหลีกหนีให้พ้นเส้นทางนั้นเพียงลมหายใจเดียว!.....

        “ดีคะ...”  เอาละว้า...มารยาทดีซะด้วย   เจ้าเงานั่นกล่าวทักทายด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่มันสะกิดผิวกายผอมเหลืองของผมให้สั่นสะท้าน  พลางนึกตำหนิเจ้าท่อนไม้แห้งแก่หงำเหงือกที่สะดุดเมื่อชั่วครู่....ร่างนิ่งนั้นพลันสะดุ้งกล่าวคำทักทาย.....

        “ดีครับ...”  ผมกล่าวคำทักทายตอบ......พลางก้าวเท้าสองสามก้าวกระชับพื้นที่เข้าใกล้อีกนิด....ด้วยขาที่สั่นเทา..อย่างน้อยจะทำให้ผมทราบว่าสิ่งที่ผมกำลังคุยอยู่ด้วยเป็นคนหรือสิ่งอื่นใดที่ไม่คน.....

         “ทำอะไรเหรอครับ...”  ร่างนั้นอยู่ในเงาไม้ใหญ่ที่ทำให้มองไม่ชัด...ซึ่งต่างจากผมที่แสงจันทร์นวลส่องลงมาพอดี...

         “รอเพื่อนคะ...” เสียงนั่นกล่าวต่อ...เสมือนคนคุ้นเคย ผมกระชับเท้าเข้าใกล้......เพื่อความมั่นใจ  ทำให้เห็นร่างนิ่งนั้นกลายเป็นร่างหญิงสาวในเงามืด   อายุอานามไม่น่าเกิน 24-25  สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว...กางเกงสามส่วน...ผมยาวถูกรวบมัดไว้ด้านหลัง   มือถือดอกไม้....สายตามองตรง....เธอคิดสิ่งใดอยู่?...ไม่อาจทราบได้..แต่ผมทราบแล้วว่าร่างนั่นคือ คนแล้วหล่ะตอนนี้....

         “นั่งด้วยได้มั้ย....”  พลางเอ่ยปาก     เมื่อเห็นโต๊ะกลมทรงดอกเห็ดว่าง... พร้อมหย่อนก้นอันนุ่มนิ่มนั่งฝั่งตรงข้าม

         “ตรงนี้ดีกว่ามั้ยคะ...”เสียงใสบอกให้ผมเปลี่ยนที่นั่งจากฝั่งตรงข้ามมาอีกที่หนึ่ง....”ตรงนี้เพื่อนหนูนั่งคะ...”

        ค่อนดึกแล้ว.....ความหนาวเย็นเริ่มร่ายรำด้วยท่วงทำนองของตัวเองอย่างแผ่วเบาประหนึ่งมือแม่ประคองกอดลูกน้อยไว้แนบอก  เหมือนจะมิยอมให้ภยันตรายใดๆเข้ากลายใกล้  นั้นมากพอที่โลมเลียผิวกายที่ไร้ผ้าแพรพรรณบดบังให้สั่นไหว.....กายผมสั่น...แต่ใจผมสั่นกว่า...เมื่อบรรดาเจ้าถิ่นพากันส่งเสียงเห่าหอนด้วยคิดสนุกสนานในเรื่องราวอันใดมิอาจทราบได้!  

        เสียงจิ้งหรีดเงียบแล้วคงรอหยาดน้ำค้างของเช้าวันพรุ่ง...แต่เสียงเจ้าถิ่นยังคงโหยหวนเหมือนจงใจจะบอกล่าวเรื่องราวบางอย่าง...บางอย่างที่มันเห็นและรู้สึก  หากแต่เป็นผมหรอกที่มิอาจเข้าใจ   กลับคล้ายรู้สึกวังเวงวิโวกเว๋โว๋เข้าแทนที่...

        “แล้วเพื่อนไปไหนล่ะ...ทำไมมาอยู่มืดๆแบบนี้   ตะกี้นึกว่าเป็นอย่างอื่น  เกือบวิ่งแน่ะ...”  ผมเอ่ยขึ้นเพื่อบดบังเสียงเจ้าถิ่นน่ารำคาญนั่น    แต่ดูเหมือนเจ้าของเสียงนั่นจะไม่รู้สึกตัวพลันเพิ่มความดังและความโหยหวนขึ้นเรื่อยๆเหมือนเป็นเชิงตำหนิผมที่ไม่อาจเข้าใจเขาได้พลางหันหน้าแหลมๆทำปากจู๋มาทางผมซะด้วย.....ในใจก็นึกอยากจะขอโทษอยู่เหมือนกัน   แต่ผมมิอาจสามารถเข้าใจพวกเขาได้จริงๆ

        “คนตายแล้วไปไหน....พอจะรู้ไหมคะ  บางสิ่งที่เคยสัญญากันไว้เขาจะกลับมาทำไหมเมื่อคนๆนั้นไม่อยู่แล้ว....” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบาพร้อมใบหน้าที่ราบเรียบ...แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมนิ่ง...หมาก็หยุดเห่า   กระทั่งใบไม้ก็ไม่สั่นไหวเพราะแรงลม....เหมือนอยากจะร่วมรับรู้ในสิ่งที่เธอกล่าว.....ผมจ้องมองหน้าหมา  ตาต่อตาประสานกันในความมืดผมรู้สึกได้ท่ามกลางแสงจันทร์จาง....มัน!..พลันส่ายหน้าหนี   มันจะบอกสิ่งใดผม.....

        “จะกลับแล้วเหรอ...”  ขณะผมนิ่ง....หมาก็งง...เธอกลับเริ่มขยับลุกเดิน  ผมพลางคิด  อะไร...ถามให้งงทั้งคนทั้งหมาแล้ว    มิทันจะคิดหาคำตอบทั้งหมาทั้งคนเธอกลับจะขยับเดินหนี

        “คะ”   เธอตอบด้วยถ้อยคำที่ราบเรียบ  แม้กระทั่งหน้าก็มิได้หันมาดู......

        “แล้วเพื่อน....”

        “ไม่มาหรอกคะ..”  มิทันที่ผมจะพูดต่อ....เธอพูดแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงหมาหอน  แต่ผมได้ยิน! “เขาไม่มาสามปีแล้ว.....หนูมารอเขาทุกปี   ที่นี่...... เราสองคนเคยสัญญาร่วมกันว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คืนนี้ของทุกปีเราจะมาเจอกันที่นี่....และหนูก็มาทุกปี..” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ  มือป้ายน้ำใสที่ไหลอาบแก้มในขณะที่ผมจ้องมอง.... “เมื่อสามปีก่อนนี้เราประสบอุบัติเหตุ  ถูกรถชนตอนกลับบ้านเดือนเมษา...”  เธอหยุดสะอื้นไห้  ผมพลันสะอื้นตาม....”ไม่ว่าเขาจะอยู่ทีไหนก็แล้วแต่...อยากให้เขารู้ว่าคำสัญญาหนูยังจำ....และหนูก็มาที่นี่ทุกปี....แต่เขาไม่มา  ปีหน้า...หากมาที่นี่อีก  เจอเขา...ฝากบอกเค้าด้วยว่าหนูมารอเค้า  3   ปีแล้ว....ปีหน้า” เธอหยุดสะอื้นอีก  พลางหันหน้ามาหาผม   เธอน้ำตานองหน้าถึงแม้จะมืดแต่แสงจันทร์ยังพอส่องให้เห็นใบหน้านั่น...”หนูไม่มาแล้ว...”

        ความเงียบสงบเริ่มเข้าแทนที่อีกครั้งเมื่อบทสนทนาของผู้มาเยือนจบลง    เธอเดินเลี่ยงไปมิทันที่ผมจะได้ทวงถามความเป็นไปต่อ  แต่อีกนัยหนึ่งของผู้สูญเสียแล้ว ”ความตายของคนที่เรารักย่อมเป็นทุกข์กว่าทุกสิ่ง”   ถึงแม้ผมจะมิเคยสูญเสียคนรักไปด้วยการตายจากคล้ายดังหญิงสาวคนนี้   แต่ผมก็เกิดนานพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก...บางทีการที่เธอได้ระบายเพียงเล็กน้อยนั่นคงทำให้เธอดีขึ้น...พลางมองนาฬิกาที่โทรศัพท์..โอ้..ดึกแล้ว....

      “กลับแล้วเหรอ..”  เสียงพระคุณเจ้าถามเมื่อผมกำลังจะเดินผ่านกุฏิไม้หลังหนึ่ง  ซึ่งผมมิทันได้มอง  คงเป็นเพราะในใจมีเรื่องที่ให้ต้องคิด  เพราะท่านมิได้เปิดไฟไว้ด้วยประการหนึ่ง

       “คุยโทรศัพท์เหรอ...เห็นได้ยินเสียงแว่วๆ...”  คงเป็นเพราะกุฏิท่านก็ไม่ได้ห่างอะไรมากมายนัก  เสียงสนทนากันคงรบกวนท่านสักเล็กน้อย

         “ป่าวครับ....คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งครับท่าน  ขออภัยที่รบกวนครับ”    

        “เหรอ...นึกว่าคุยโทรศัพท์..”    เสียงพระคุณเจ้าเหมือนจะยังสงสัย...ทำให้ผมก็เอ๊ะใจเกิดความสงสัยตาม

        “ก็พึงกลับตะกี้นี้ครับ....ท่านไม่เห็นเหรอครับ  หรือไม่ได้เดินผ่านมาทางนี้...ผมไม่แน่ใจครับท่าน”

       “ไม่เห็นหรอก...”ท่านหยุดพร้อมยกแก้วขึ้นฉันน้ำ  ไม่แน่ใจว่าเป็นชาหรือกาแฟ  แต่ผมว่ากาแฟ  ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆของกาแฟซองมอคโคน่า  ลอยตามลมมา  “ไม่เห็นตั้งแต่คุยกันโน่นแล้ว........นึกว่าคุยโทรศัพท์.....เห็นนั่งอยู่คนเดียว”

       พระคุณเจ้าดูเหมือนสงบนิ่งมิติ่งไหว   แต่หารู้ไม่วินาทีนี้ผมนิ่งกว่า...”เห็นนั่งอยู่คนเดียว”...แล้วคนที่ผมคุยด้วยตะกี้เป็นใคร!  “เราประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน” ประโยคนี้ก้องอยู่ในโสตประสาท  แล้วใคร......เสียชีวิต   เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ    ถึงจะตอบผมก็เริ่มสงสัยว่าจะอยู่ฟังไหม....   อากาศรอบนอกเริ่มเย็นขึ้นแต่ในใจผมที่เย็นกว่า....ไอ้เจ้าถิ่นที่ร่วมกันเชียร์อย่างเมามันบัดนี้มองหาไม่เห็นวิ่งเพ่นพ่าน  ให้ได้หายคลายกังวล....ในสมองพลันครุ่นคิด.....ตีบตันเหมือนคนเป็นบ้าใบ้มืดบอดคำจะบอกกล่าว  เหมือนจะหัวเราะและร้องให้ตาม...พลางรวมความคิดกล่าวเสียงสั่นสุดท้าย......”พระคุณเจ้าครับ.......รบกวนส่งที่หน้าวัดหน่อยครับ!”

หมายเลขบันทึก: 385199เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2010 07:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

อ่านแล้วบรรยากาศชวนวังเวงวิเวกโหว๋บอกไม่ถูก...

ถ้าเจอแบบนี้มีหวัง..ป่าราบแน่  ถ้ามีภาพประกอบด้วยล่ะก็ไม่กล้าอ่านตอนกลางคืนคนเดียว   ดีนะคะที่อ่านตอนเช้า  หุ...หุ

สวัสดีค่ะน้องเส้าหลง...

งานเขียนของน้อง.... สมกับที่รออ่านค่ะ

เล่าได้อารมณ์และสัมผัสบรรยากาศเหมือนจริงเลยจ้ะ...

วันหยุดยาวไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะอย่าลืมเล่านะคะ...

วันหยุดของครูใจดี คือการบริการคนที่รักทุกคนในครอบครัวค่ะ..

แต่ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนพอดีว่าครูใจดีโดนแมลงพิษ ที่แก้มและแขน

เหมือนไฟไหม้ อักเสบจนเป็นไข้ เฮ่อ... แผลกำลังเริ่มตกสะเก็ด 

สงสัยเป็นแผลเป็น  คงน่าเกลียดพิลึกค่ะ

ด้วยความระลึกถึงค่ะ

 

วังเวง....เลย

เอาภาพประกอบสักหน่อย...ไหม?

 

สวัสดีค่ะ...ขอบคุณนะค่ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น

สัวสดีคะ เป็นนักเขียนหรือคะ นึกว่าเรื่องจริง

เพราะบอกอีกสามปีข้างหน้าเธอจะไมมาแล้ว

เพราะเธอเจอเขาแล้วนั่นเอง

ลุ้นแทบแย่เลย

ขอบคุณค่ะ

เสาวนีย์ ขุนประดิษฐ์

อ่านแล้วเหมือนกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ วังเวงน่าดูเชียว

เขียนได้ดีมากค่ะ จะกลับมาอ่านอีกนะคะ

กำลังคิดถึงใครค่ะ

สวัสดีค่ะ

เป็นเรื่องเล่าที่น่าอ่านมากค่ะ เขียนได้ดีมากค่ะ

เฮ้ย อ่านจนจบเลยน่ะค่ะ ตัวเล็กมากๆ แต่ก็ต้องพยายามอ่านให้จบ

เพราะเรื่องมันชวนติดตาม

ว่าแต่นี่เรื่องใครค่ะ นิยายเหรอ คุณเส้าหลงเป็นนักแต่งนิยายเหรอค่ะ

ดูคำที่ใช้เหมือนในหนังสือนิยายเลยค่ะ แต่หากเป็นนิยายที่คุณเส้าหลงแต่ง

แต่งได้ดีค่ะ แต่หากเป็นเรื่องจริง พระเจ้าตกลงนั่งคุยกับใครอ่ะ โอ้โห

สวัสดีค่ะ

เรื่องราวชวนอ่านจังค่ะ

มาขอบคุณค่ะที่แวะไปบันทึกเด็กคิด ตอนนี้แก้ไขได้เรียบร้อยแล้วค่ะ

และขยายเวลาโหวตถึงเที่ยงพรุ่งนี้ค่ะ

ขอบพระคุณมากนะคะ

• สวัสดีครับ

 

• แวะมาอ่าน...บรรยากาศวังเวงจริง ๆ ครับ

 

 

อ่านแรกๆ ได้กลิ่นไอดิน และธรรมชาติที่งดงาม

แต่พอท้ายๆ ไหง กลายเป็นกลิ่นไอของผีสาวไปได้

อย่างนี้เรียกว่า หักมุม หรือเปล่า

เขียนได้ชวนอ่านค่ะ

สวัสดีค่ะ

ฟังความเห็นเด็กๆเรื่องการนับถือ 2 ศาสนาไปแล้ว อยากแสดงความเห็นตนเองบ้างค่ะ

เชิญที่นี่ นะคะ

วังเวงม้ากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เขียนได้ดีน่ะ

เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ทำไมเหมือนเรื่องจริงจัง

สวัสดีปีใหม่ค่ะ สุข สดชื่น สดใส ตลอดปีนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • ขอบคุณค่ะ  ที่แวะเข้าไปทักทาย ทำให้ได้ติดตามมาถึงนี่จึงได้อ่านเรื่องสั้นดีๆ ที่มีพลังในการเขียน
  • เร้าใจชวนให้ติดตามอ่าน 
  • บรรยายให้เห็นภาพและบรรยากาศได้ชัดเจน
  • สะท้อนอารมณ์การสูญเสียรอคอยและสิ้นหวังได้ดีมากค่ะ  (คนอ่านสะอื้นตาม)
  • เคยดู vcd หนังผีเก่าๆ ของ "เหม เวชกร"เรื่ิองอะไรจำไม่ได้   แต่เนื้อเรื่องจบหักมุมได้ดีมาก   สยองสุดๆ   เพราะตัวละครที่เดินเรื่อง  ก็เป็นผีแต่ไม่รู้ว่าตนเองตายไปแล้ว สรุปแล้วเป็นผีทั้งเรื่อง  คนที่ถูกผีหลอกคือคนดูค่ะ
  • สุดยอด
  • แหม ! หลอกกันได้

สวัสดีค่ะ

ไม่คิดว่าบทเรื่องสั้นเรื่องนี้จะทำให้ครูแอนสยิววังเวงพร้อมกับนึกภาพตามจนน่าขนลุกขนชันได้เลยเทียวค่ะ

สุดยอดเลยค่ะ

  • ภาษาสวย เรียบเรียงดี จะเข้ามาอ่านอีกครับ
  • ขอบคุณครับที่ไปเยี่ยมเยือน
  • ปณิธิ ภูศรีเทศ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท