หลังจากเสร็จภารกิจการเป็นวิทยากรและอบรมสัมมนาครูอาสาสอนภาษาไทยในยุโรปซึ่งจัดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงมาดริด คือวันที่ ๓๐ เมษายน - ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ก็ออกเดินทางโดยสายการบินชั้นประหยัด จากกรุงมาดริดมาต่อเครื่องที่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อมายังเมืองสตอกโฮล์ม ก่อนเดินทางไป น้องสาวซึ่งอยู่ที่สวีเดนก็โทรศัพท์มาบอกว่า ญาติของแฟนและเพื่อน ๆ ของน้องรอต้อนรับด้วยความดีใจ ครูภาทิพก็นึกภาพไม่ออกหรอกว่าเป็นอย่างไร ต่อเมื่อไปถึงสวีเดน ท่ามกลางความหนาวเย็นกลับพบแต่ความอบอุ่นของมิตรไมตรีทั้งของญาติแฟนน้องสาว สาวๆอิสานและสาวใต้ เพื่อนร่วมโรงเรียนของน้องสาว เวลา ๑๒ วัน และระยะทางที่ห่างไกลจึงไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าไกลบ้านแต่อย่างใดเลย
ปุ๊กน้องสาวของครูภาทิพและกันเนอร์ นำรถตู้มารับพวกเราที่สนามบิน จำนวนคนและสัมภาระของพวกเราทำเอาฝรั่งงง “ทำไมมันมากอย่างนี้” (ก็ของฝากชาวบ้านชาวช่องทั้งนั้น....จริงๆ ) พวกเราเดินทางจากสตอกโฮล์มไปเมือง Söder köping ไปถึงประมาณ ๒ ทุ่ม แต่สภาพอากาศมันยังสว่างอยู่เลย เมืองเงียบสงบมาก ๆ ตลอดวันที่ผ่านมา เรารับประทานไส้กรอกของที่สนามบินของเดนมาร์ก คนละ ๑ อัน ราคา อันละประมาณสามร้อยยี่สิบบาท มันจึงอิ่มตื้อ ไม่กล้ารับประทานอาหารอื่นๆ อีก
พวกเรารีบรื้อของฝากจากเมืองไทยออกมาให้น้อง ลูกเนียงที่เตรียมไปกว่าจะถึงสวีเดนก็ผ่านไป ๑๐ วันแล้ว มันจึงไม่เหลือรสลูกเนียงที่น้องใฝ่หา น้องทำไข่เจียวเห็ดเค็นตาเร็น ลาบ และแหนมกระดูกหมูที่น้องแค็ทสาวอิสานฝากมาให้ ทอดปลา ผักสดจิ้มน้ำพริกต่างๆ ที่พวกเราเตรียมไป ทานกับข้าวร้อนๆ อร่อยมากๆ
หลังจากนั้นเราก็ได้รับน้ำใจจากคนไทยที่นั่นให้เราไปรับประทานอาหารที่บ้านเขาบ้างทำอาหารมาให้บ้างอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งวันเวลาที่พวกเรามีอยู่ไม่พอกันเลยทีเดียว
เริ่มด้วย
น้องพร จากร้อยเอ็ด อายุประมาณยี่สิบกว่า เพิ่งมาอยู่ที่สวีเดนไม่นานนัก บ้านของเธออยู่นอกเมืองออกไป ในหน้าร้อนอยู่กลางทุ่งหญ้าสวยงามมาก แต่ในหน้าหนาวบ้านหลังนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะสวยสาหัสเหมือนกัน เธอเชิญพวกเราไปที่บ้าน ทำหมูย่าง ไก่ย่าง ส้มตำ(ใช้มันชนิดหนึ่งสับแทนมะละกอ) และข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ พวกเราเปิบอาหารอิสานพร้อมดื่มไวน์ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนของเขาก็เถอะ
ด้วยสภาพพื้นเพของอิสานแท้ ๆ น้องพรจึงไม่เคยหยุดนิ่งในการเสาะแสวงหาอาหารตามตำรับพื้นบ้านของเธอ วันใดที่ว่างเธอจะไปตกกุ้ง ตกปลา มาทำปลาร้า ปลาจ่อม กุ้งส้ม เอง "เธอกินทุกอย่างที่กินได้" จนมีเรื่องตลกว่า เมื่อสามีเธอเห็นอึ่งอ่างสามีเธอต้องรีบไล่ให้มันไปพ้นบ้านก่อนที่น้องพรจะมาเห็นกันเลยเชียว
คุณชุม จากสุรินทร์ อายุประมาณสี่สิบกว่า คุณชุมมีบ้านพักอยู่ใกล้อพาร์ตเมนท์ของน้องสาว เธอมาอยู่ที่นี่สิบกว่าปีแล้ว เธอคุยกับพวกเราด้วยภาษาอิสาน เธอแกงส้มปลาแซลมอนกับดอกกะหล่ำมาให้ แล้วเธอก็เชิญพวกเราไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเธอ โดยเธอทำ ลาบหมู หมูน้ำตก น้ำพริกปลาร้า ต้มแซ่บ ไข่เจียวเห็ดเค็นตาเร็น พวกเราดื่มไวน์พร้อมกับรับประทานอาหาร อิสานกันอย่างสนุกสนาน
น้องศรี จากภูเก็ต น้องคนนี้เดิมมีกิจการโรงแรมขนาดเล็กอยู่ที่ภูเก็ต เมื่อมีลูกเธอจึงย้ายไปทำกิจการ โรงแรมขนาดเล็ก (B&B) ที่นั่น เธอจัดร้านแบบไทยๆ ต้นไม้ไทย ลูกสาวของเธอเรียนภาษาไทย หน้าตาเป็นฝรั่งแต่พูดสื่อสารภาษาใต้พูดชัดถ้อยชัดคำ สุภาพอ่อนหวาน ขัดกับบุคลิกและหน้าตาของเธอ น้องศรีต้อนรับเราด้วย ผัดผักรวม ต้มยำปลาทู ผัดกุ้ง ผักน้ำพริกข่า ในอากาศที่หนาวสำหรับพวกเรา น้ำพริกที่ร้อนด้วยรสข่าอร่อยมากๆ แม้น้ำพริกจะถ้วยใหญ่มาก แต่ก็หมดในพริบตา
น้องแคท จากขอนแก่น ตัวเล็กสวยน่ารักอายุประมาณ ยี่สิบกว่า เธอบอกว่าเธอพูดไทยไม่เป็นพูดได้แต่ภาษาลาว(อิสาน) ซึ่งก็เช่นเดียวกับน้องพร ซึ่งน้องแค็ทนี่ต้อนรับพวกเราตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าค่าตากันโดยฝากเห็ดเค็นตาเร็นมาให้เจียวไข่ ซึ่งเห็ดเค็นตาเร็นนี้เธอหาเก็บไว้กินตลอดปี เธอทำอาหารเก่งมาก ทำแหนมกระดูกหมูเอง เพาะถั่วงอกเอง เมื่อครั้งเดินทางไปฟินแลนด์ทางเรือ เธอและครอบครัวก็ร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย ก่อนเวลาอาหารค่ำของเรือ เธอก็เตรียมข้าวเหนียว ไก่ย่าง และลาบอร่อยๆไปให้พวกเราทานด้วย
ก็ในเมื่ออิ่มหนำสำราญด้วยอาหารไทย พูดไทยทุกวันเช่นนี้ ๑๒ วันที่สวีเดน จะทำให้พวกเราคิดถึงโหยหาเมืองไทยได้อย่างไร แต่ถึงแม้ว่าพวกเธอ คนไทยในสวีเดน จะดูแลพวกเราด้วยอาหารมื้ออร่อย ๆ ทุก ๆ มื้อก็ตาม สิ่งที่ครูภาทิพประทับใจที่สุดหาใช่อาหารอร่อยเหล่านั้นไม่ หากแต่ประทับใจความเป็นไทย ความเป็นคนอิสาน คนใต้ การไม่ลืมรากเหง้าของพวกเธอ สาวอิสานพูดสื่อสารด้วยภาษาอิสาน ลูกๆ ของเธอก็พูดอิสานสลับกับภาษาสวีดีช ขณะลูกของคนใต้ ก็พูดใต้กับพูดสวีดีช แต่เมื่อหันมามองเด็กบ้านเราล่ะ.....เฮ้อ
อ่านที่ครูเขียนแล้วรู้สึกสนุก รับรู้ได้ถึงความสดชื่น ขอเป็นกำลังใจให้ครูได้เรียนรู้โลกและผู้คนอย่างมึความสุขนะจ๊ะ
สวัสดีค่ะ คุณอารี
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ที่จริงที่ไหน ๆ ก็มีความสุขได้เพียงแต่ว่า ขณะนั้น สามารถตัดใจจากภาระงานทั้งหมด คือลืมไปเลย ก็เลยสดชื่นจริง ๆ
Krudala ตามมาอ่านเรื่องสุกในต่างแดน เหมือนกับได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาด้วยค่ะ
ขอบคุณครูดาหลาที่แวะมาค่ะ