วันนี้เป็นวันที่ผมพี่น้องครับ.. เขียนอะไรเกี่ยวกับ AI มาได้รวมกันกว่า 245 บทความ ก็อยากถือโอกาสกลับมาทบทวนพื้นฐาน AI กันอีกรอบครับ...เพื่อพี่น้องที่เข้ามาใหม่ครับ
พี่น้องครับ...จะเริ่มจากนิยามของผู้คิดวิชานี้...แล้วต่อด้วยมุมมองของผู้เขียนครับผม..
.....................
Cooperrider, Whitney and Stavros (2003) ผู้เป็นผู้บุกเบิกวิชาการด้าน AI กล่าวไว้ว่า...
1. Appreciative Inquiry (ชื่อย่อคือ AI) คือกระบวนการศึกษาค้นหาร่วมกันเพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคน ในองค์กร หรือของโลกที่อยู่รอบตัวของเขา Appreciative Inquiry คือกระบวนการค้นหาอย่างเป็นระบบว่า อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบดำเนินไปอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อระบบนั้นสามารถบรรลุซึ่งประสิทธิผลสูงสุดไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ด้านนิเวศวิทยา หรืออะไรที่เกี่ยวกับมนุษย์ก็ตาม
2.AI เป็นศิลปะของการถามคำถาม ที่นำไปสู่การส่งเสริมให้ระบบมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาไปสู่ศักยภาพสูงสุด
3. AI ยืนอยู่บนสมมติฐานที่ว่าในทุกระบบล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวด้านบวกที่สร้างแรง บันดาลใจที่ยังไม่มีใครนำมาขยายผล และมีมากพอ เราสามารถเชื่อมโยงการค้นพบด้านบวกนี้เข้ากับเรื่องใดก็ได้
4. AI เป็นกระบวนการที่ขับเคลื่อนให้เกิดการถามคำถามในเชิงบวกแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนตั้งแต่ไม่กี่คน จนถึงเป็นล้านคน
5. AI จะเปิดโอกาสให้กับจินตนาการและนวัตกรรม แทนที่จะเป็นความคิดด้านลบ หรือการวิพากษ์วิจารณ์
..........................
แปลเป็นภาษาไทยอีกรอบ คือ
1. พี่น้องครับ...ทุกคน ทุกองค์กร มีอะไำรที่ดีอยู่ครับ..ที่ถ้าพี่น้องค้นพบ ผ่านกระบวนการถามด้วยคำถาม "เชิงบวก" พี่น้องจะ "ทึ่ง" ว่าอะไรมันจะ "ดี แต่เรียบง่าย" ขนาดนั้น...ทำไมเรามองข้ามมันมาตั้งนาน...
2. แล้วถ้าพี่น้อง เอาเรื่อง "ดีๆ แต่เรียบง่าย" (Discovery) นั้นไปวาดฝัน (Dream) ไปวางแผน (Design) แล้ว "ทำโลด" (Destiny)... ระบบของพี่น้อง องค์กรของพี่น้องจะ "ดี" ขึ้นกว่าเดิมขึ้นมากมาย อย่างเห็นได้ชัด
3. แต่พี่น้องครับ..พี่น้องต้องเชื่อซะก่อนนะ...ว่าทุกระบบมีของดีอยู่ ไม่งั้นพี่้องจะเจอภาวะที่เรียกว่า "ไม่เชื่อก็ไม่เจอ หรือเจอก็ไม่เชื่อครับ..."
4. สิ่งที่พี่น้อง..จะเจอกะตาคือ...แทนที่พี่น้องจะเห็นคนจะวิพากษ์วิจารณ์ อย่างเอาเป็นเอาตาย...จนหาทางออกไม่ได้..เพราะหมดแรงไปก่อน.. แถมติดลบเรื่องความสัมพันธ์อีก...พี่น้องครับ..พี่น้องจะเจอกับสิ่งที่เรียกว่า "จินตนาการ และนวัตกรรม" ที่แจ่มจ้ากว่าบรรยาการศเดิมๆมากมาย...
เสริมอีกสองข้อคือ...
ก. มีเงื่อนไขว่า พี่น้องต้องหัดนิดส์นึง เพราะพี่น้องต้องถามเชิงบวก แบบไม่มีเงื่อนไขนะครับ..พี่น้องและองค์กร อาจขัดหูขัดตาสักพัก แต่ เด๋ว ดีเอง ครับ. มันเป็นเรื่องของ Art and Science ครับ...
ข. อย่าลืมหัดเยอะๆ เน๊อ..ไม่งั้นไม่คล่อง ไม่เห็น ไม่รู้ด้วยนะครับ...
.......
คุณล่ะ..คิดอย่างไรครับ...
Cooperrider D. L., Whitney D., & Stavros, J. (2003). Appreciative inquiry handbook:
The first in a series of AI workbooks for leaders of change. San Francisco:
Berrett-Koehler Publisher.
อ.ครับ
เมื่อเช้าผมเข้าไปเยี่ยมโรงเรียนมาครับ ไปนิเทศติดตามผลการทำงาน
โรงเรียนเขามีเรื่องดีๆ มีกระบวนการดีๆอยู่ในตัว แต่เขาไม่รู้ตัวเองครับ ว่าเขามีสิ่งดีๆอะไรบ้าง
ผมใช้ AI ในการให้คุณครูเขาค้นหาสิ่งดีๆที่อยู่ในตัวให้เจอครับ
ก็ได้ค้นพบสิ่งที่ดีในตัวคุณครูครับ ผมก็บอกให้คุณครูนำไปต่อยอด
ขอบคุณบทความ AI ของอาจารย์ครับ ผมนำไปใช้ในการพัฒนาครูได้ผล
สวัสดีครับท่านอาจารย์ Small man บทความของท่านอาจารย์จุดประกายผม เรื่อง Dialog มากๆ จนผมเอาไปใช้กับตัวเอง และครอบครัวครับ..
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อีกครั้งครับ
ตอบคุณยาย ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และยินดีสนับสนุนในทุกด้านครับ...
เรียนอาจารย์ครับ
หนังสือสีสวยคือสีบานเย็น"มองด้วยใจ"และสีแสด"กฎแห่งกระจก"แต่งโดยคนเดียวกันและดีมากๆเหมือนกันครับ อ่านได้หลายครั้งครับ
ใช่เลยครับ คุณลุง สองเล่มนี้สุดๆครับ