“อีกสิบห้านาทีถึงครับพี่...”
ผมส่งเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือไปหาคู่สนทนาที่อยู่ปลายทาง ขณะที่มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยรถยนต์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่เสียงผมไปถึงก่อนแล้ว
ไม่เฉพาะเสียงผมเท่านั้นที่ไปถึงก่อนตัว เสียงของ อ.กวาง หญิงสาวของผมก็ไปถึงก่อนเช่นกัน เพียงแต่ปลายสายเป็นคนละคน
ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พบกับผู้ที่นัดหมายไว้ เราต่างก็รุดไปลงทะเบียนเสียก่อน เนื่องจากมาช้ากว่าใครเพื่อน
สิ่งของที่ได้รับจากการลงทะเบียนคือกระเป๋าผ้าแบบสะสายหลังสีส้มแจ้ด ในนั้นมีสมุดบันทึกและหนังสืออย่างละเล่ม มีซองพลาสติกซึ่งมีช่องเล็ก ๆ อยู่ ๗ ช่อง แถวบนสุด ๑ ช่องยาว สำหรับติด หมายเลข ID ซึงของผมได้ ID หมายเลข D0146 ส่วนแถวด้านล่างถัดมาซึ่งมีอยู่ ๓ แถว แต่ละแถวแยกเป็น ๒ ช่อง ไว้ใส่การ์ดเล็ก ๆ ระบุโซนที่จะเข้าไปเรียนรู้
หลังลงชื่อแล้ว เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนแจ้งให้ผมเรื่องโซนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละช่วง ซึ่งมีทั้งสิ้น ๖ ช่วง ผมได้ใช้เวลาพักใหญ่ในการเลือกเข้าฟังในแต่ละโซน ทั้งนี้เพราะโซนที่ตั้งใจไว้ไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากปริมาณคนเข้าร่วมล้นเกิน และเมื่อตัดสินใจเลือกได้ครบทั้ง ๖ โซนแล้ว กว่าจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่จัดโซนให้ผมผิดพลาดเกือบครึ่ง เมื่องานย่างเข้าวันที่สอง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
การ์ดแผ่นเล็ก ๆ ที่ระบุโซนที่จะไปเข้าร่วมนั้น มีลำดับ ๑ – ๖ ในแต่ละแผ่นนั้นจะระบุชื่อโซน ซึ่งผู้จะเข้าร่วมเรียนรู้ในโซนใดจะต้องนำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ นั้นไปให้เจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับอยู่หน้าโซน แล้วจะนำการ์ดนั้นไปเจาะด้วยเครื่องเจาะกระดาษ ก่อนที่จะเข้าไปนั่งในบริเวณโซนนั้นได้
บัตรเข้างานคงจะมีหลายแบบ แต่แบบที่ผมได้รับนั้นถูกระบุอย่างชัดเจนด้วยตัวเองว่าจะเข้าฟังในโซนใด ซึ่งต่างไปจากที่ระบุไม่สามารถกระทำได้ บัตรอีกแบบหนึ่งที่ต่างไปจากผมสามารถเดินเข้าออกในโซนต่าง ๆ ได้
ลงทะเบียนเสร็จสรรพ เวลาก็ล่วงไปจนถึงเวลาพักในช่วงเช้า ผู้คนเริ่มหลั่งไหลออกมาจากห้องประชุมใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบน...
การสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือระหว่างผมกับคู่สนทนาที่นัดกันเมื่อเช้าก็เริ่มต้นอีก เราทำได้แค่คุยกันทางโทรศัพท์ไม่สามารถจะเคลื่อนกายเข้าไปหากันได้ ด้วยคลื่นคนไหลเลื่อนลงมาจนไม่มีที่จะแทรกตัวเบียดฝ่าสวนทางเข้าไป
การนัดหมายเพื่อพบปะกันจึงเลื่อนไปเป็นตอนเที่ยง เวลาอาหารกลางวัน
จากนั้นผมก็พาตัวเองเข้าไปฟังการนำเสนอประสบการณ์การจัดการความรู้ของสองโรงเรียน ในโซนเทือกเขาปันปัน โดยมีเนื้อหาร่วมกันของสองโรงเรียนคือการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน
ผู้ดำเนินรายการแนะนำตัวว่าเป็นผู้บริหารโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งฯ
การนำเสนอดำเนินไปทีละโรงเรียน แต่ละโรงเรียนก็จะมีผู้อำนวยการ ครูที่รับผิดชอบ และนักเรียน ซึ่งมีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน
เนื้อหาการนำเสนอก็จะบอกว่าแต่ละโรงเรียนนั้นขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างไรตั้งแต่ระดับบริหาร ครู เรื่อยลงมาจนถึงนักเรียน สำหรับนักเรียนได้เล่าให้ฟังด้วยว่าการเข้าร่วมกระบวนการนั้นส่งผลดีต่อเขาอย่างไร
จะว่าไปเรื่องราวก็น่าสนใจ แต่ทำไมผมจึงไม่ “อิน” ก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะวิธีการนำเสนอหรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ
กระทั่งเวลาอาหารกลางวัน ผมเพิ่งจะได้พบผู้ที่นัดหมายไว้ พี่คิม-นพวรรณ พงษ์เจริญ หรือ ยายคิม บล็อคเกอร์ขวัญใจชาว gotoknow หรือพี่สาวที่แสนดีของผมและของใครอีกหลายคน
พี่คิมนอกจากจะพา “น้องออโต้” เด็กชายข้างบ้านวัย ๗ ขวบ ที่ผมรู้จักมาด้วยแล้ว ยังมีหญิงสาวนางหนึ่งที่ผมไม่คุ้นหน้าค่าตาเดินมาด้วย เมื่อเอ่ยทักทายกันแล้วพี่คิมบอหให้ผมทายว่าหญิงสาวที่มาด้วยนั้นคือใคร นึกอยู่ในใจว่าคงต้องเป็นสมาชิก gotoknow แน่ ๆ แต่นึกอย่างไรก็ไม่ออกว่าเป็นใคร จึงมิได้ทายออกไปกระทั่งพี่คิมเฉลยจึงรู้ว่าคือ พี่อุ้มบุญ สมาชิกคนหนึ่งใน gotoknow นั่นเอง
เราทั้ง ๕ หมายถึง ผม อ.กวาง พี่คิม พี่อุ้มบุญ และน้องออโต้ ตกลงกันไปกินอาหารญี่ปุ่นซึ่งอยู่ลงไปด้านล่างอีกชั้นหนึ่ง
อาหารญี่ปุ่นซึ่งหลายคนในวงชื่นชอบอร่อยเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าด้วยมิตรภาพและบรรยากาศของการพูดคุย
เวลาอาหารกลางวันราวหนึ่งชั่วโมงจึงติดปีกบินไปอย่างรวดเร็ว...
ขอบคุณค่ะ..เล่าได้มีชีวิตชีวามากๆค่ะ..รออ่านต่อค่ะ..
ภาพจากกล้องน้องอุ้มบุญ
สวัสดีค่ะ
อยากจะเขียนถึงบันทึกหน้าเร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ ถามก่อน...วันนั้นมีหญิงสาวกี่คนหละ รออ่านต่อนะ
มีข่าวดีมาแถมให้...หาพื้นที่ทำวิจัยได้แล้วนะ อยากไปไกล้หรือไกล....พร้อมแล้วยกมือ....ลุย ๆ ๆ ๆ ๆ (งบน) พร้อมจ๊ะ
จะกี่สาวก็แล้วแต่ ขออาหารญี่ปุ่นก่อน !!!!!
ขอบคุณมื้อเที่ยงอาหารมื้อแรกของ ✿อุ้มบุญ✿ ที่แสนประทับใจ
ขอบพระคุณเจ้าภาพ ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ....
เห็นเหล่าอาจารย์ ทานอาหารญี่ปุ่น แล้ว....
ก็มองย้อนกลับไปถึง "แปลงนาข้าวสู่การพัฒนาประเทศ" ครับ ...ตามประสาคนคิดมาก
ญี่ปุ่นเป็นประเทศอุตสาหกรรม และการเกษตรที่ก้าวหน้า ส่วนหนึ่งก็คือการพัฒนามาจาก ความมีระเบียบวินัย ของคนในชาติ ที่ฝึกฝนกันตั้งแต่เด็กครับ
รวมถึงการจัดระเบียบการปลูกข้าว...เค้าสอน เด็กๆ กันตั้งแต่ในเเปลงนา
ประเทศไทย ทุกคนเติบโตกันมาด้วยข้าว แต่เด็กรุ่นใหม่ ทำนา ไม่เป็น แต่กินเป็น ไร้ระเบียบกันตั้งแต่เเปลงนา โตขึ้นมา จะมาจัดระเบียบก็ไม่ทัน ครับ
เรามีพื้นที่การเรียนรู้ ในนาข้าว "ถึง 60 ล้านไร่" เรามาสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้เด็กๆ ร่วมกันดี มั๊ย ครับ ดีกว่าโตมาแต่ตำรา แต่ปลูกข้าวไม่ได้ เข้าแถวไม่เป็น
"สร้างเด็กรุ่นใหม่ พร้อมกับสร้างคุณค่าข้าวไทยควบคู่กัน"
คนแก่ขึ้บ่น ครับ จากต้นกล้า ...
สวัสดีครับ
มาติตดามอ่านกิจกรรมในงานค่ะ พี่หนานเกียรติ
สวัสดีครับพี่ใหญ่
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม
ขอบคุณสำหรับอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย
ขอบคุณหนังสือกองโตครับ
สวัสดีครับอาจารย์
อาหารญี่ปุ่นมื้อนั้นถ้ามีอาจารย์อยู่ด้วยคงอร่อยขึ้นอีกแน่เลยครับ...