คนไข้: "พอมันปวด กินยาเม็ดขาวๆรีๆที่หมอ(คนโน่น)ให้ไป ก็ไม่ดีขึ้น"
หมอ: "ไหน..เอายาที่กินอยู่ให้หมอ(คนนี้) ดูหน่อย"
คนไข้: "ไม่ได้เอามา"
บทสนทนาสั้นๆข้างบนนั้นเกิดขึ้นบ่อยมาก คนไข้ได้รับยาอะไรบางอย่างจากโรงพยาบาลหนึ่งหรือจาก"คลินิกส่วนตัว" แล้วก็มาบอกคุณหมออีกโรงพยาบาลหนึ่งว่า กินยารูปร่างลักษณะอย่างไรอยู่ แล้วก็ให้คุณหมอเล่มเกมส์ยี่สิบคำถาม เดาเอาเองว่า ยานั้นน่าจะเป็นยาอะไร ทำเหมือนกับจะบอกว่า ตัวเป็นหมอแล้วจะต้องจำให้ได้หมดว่า ยาชนิดไหนเม็ดสีอะไร ขนาดเท่าไร
ท่านผู้อ่านอาจจะนึกรำคาญว่านี่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็แก้ปัญหาง่ายๆ ทีหลังก็บอกให้คนไข้เอายาติดตัวมาด้วยทุกครั้งสิ ไม่เห็นจะยากเลย
ยากครับ.. ผมต้องยืนยันนั่งยันว่า ขนาดพยาบาลห้องตรวจย้ำแล้ว ในบัตรนัดมาพบแพทย์ก็พิมพ์ตัวเบ้อเร่อว่า "ให้นำยาที่รับประทานอยู่มาด้วย" ก็ยังมีคนไข้ส่วนหนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่คนไข้ที่เป็นบุคลากรสุขภาพ ก็ยังไม่เอายามาด้วยเหตุผลนานาประการ
อย่างที่รู้ๆกัน ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากหมอและบุคลากรสุขภาพไม่ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญเรื่องนี้ให้คนไข้ทราบ บางทีก็โทษไปว่า คนไข้บ้านๆไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ตามที่เราชอบเหมารวมไปหมด แต่ผมก็เห็นคนไข้บ้านๆจนๆไม่ค่อยมีความรู้ แต่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจนต้องชม บรรดาผู้มีการศึกษาเสียอีก โดยเฉพาะคนไข้ที่มีพื้นเพเป็นบุคลารสุขภาพที่ว่าเสียเองนี่แหละ กลับไม่ทำ
อยากชวนท่านผู้อ่านร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่า
- มีเหตุผลอะไรเด็ดๆเท่ห์ๆ ที่ทำให้ไม่เอายาเก่าจากโรงพยาบาลเดิม ยาส่วนตัวทั้งหลายติดตัวมาโรงพยาบาลอีกแห่ง
- แล้วถ้าจะแก้ปัญหานี้ จะแก้กันอย่างไร
แล้วค่อยขยับไปอ่านบันทึกส่วนต่อไปนะครับ
ผมเคยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เอายาที่คนไข้แบกมา..ต้องใช้คำว่าแบก.. เพราะถุงมันใหญ่มาก ทั้งยาเม็ดยาน้ำจำนวนสามถุงใหญ่ๆ ที่เขาได้รับมาต่างกรรมต่างวาระ ทั้งจากต่างโรงพยาบาลและโรงพยาบาลเดียวกันแต่คนละแผนก ค่อยๆเอามานั่งเรียงดู แล้วพบความจริงที่น่าตกใจว่า ในบรรดาถุงยาหลากหลายชนิดเกือบยี่สิบถุงนั้น มียาระงับปวดประเภทต่างๆเกือบสิบถุง มีทั้งยาชื่อเดียวกันแต่รูปร่างเม็ดต่างกัน ยาที่ออกฤทธิ์คล้ายคลึงกัน คือ ยาแก้ปวดกระดูก ถึงสามชนิด ยานอนหลับที่ซ้ำกันหรือใกล้เคียงกันอีก
ต้องบอกว่า อันตรายมากครับ ถ้าคนไข้รับประทานยาทั้งหมดนั้นซ้ำๆกัน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นง่ายมาก
ถ้าคิดกันแบบหัวเขียง สิทธิจะต้องมาคู่กับหน้าที่
จะถือว่า การนำยาที่ใช้อยู่ติดตัวมาโรงพยาบาลเป็น "หน้าที่คนไข้" ได้หรือไม่
แล้วถ้าคนไข้ไม่ปฏิบัติ "หน้าที่" ของตนเอง จะให้บุคลากรสุขภาพทำอย่างไร
วีธีแก้ปัญหาแบบน่ารักๆเรื่องนี้ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งจัดทำถุงผ้าไว้ใส่ giftset หรือชุดเครื่องใช้ประจำตัวไว้แจกคนไข้ เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม เวลาต้องมาอยู้โรงพยาบาล
ตรงถุงซึ่งมีข้อความข้างต้นพิมพ์ไว้ นอกจากจะเป็นการให้ความรู้แก่ชาวบ้านในเรื่องนี้แล้ว ยังเป็นการใช้ประโยชน์สิ่งต่างๆได้หลายวัตถุประสงค์อย่างชาญฉลาดและน่ารักจริงๆ
อาจารย์หมอเต็มคะ
โดยเฉพาะคนอายุมาก ต้องกินยาหลายอย่าง บางทีไปหาหมอต่างโรงพยาบาลกันบ้างล่ะ บางคนก็ลืมคิดถึงจุดนี้ว่าอาจจะมียาในกลุ่มเดียวกัน หากสามารถรณรงค์ให้ผู้ป่วยนึกถึงประเด็นนี้ได้ ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและช่วยให้การดูแลสุขภาพดีขึ้นได้ด้วยใช่ไหมคะ
ขอบคุณค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะ
เดิมที่เคยปฏิบัติ พี่คิมไม่ชอบทานยา ชอบรักษาให้หนัก ๆ เช่นถามหมอว่า "มียาฉีดไหม"
คุณหมอบอกว่า "ถ้าไม่จำเป็นเขาจะหลีกเลี่ยงการฉีดยา"
เมื่อได้ยามา "ก็จะทาน พอหาย ก็ไม่ทานอีกเลย" มีคนถามว่า "ทำไมไม่ทานจนยาหมด" แต่ไม่มีคำตอบจากพี่คิมเพราะไม่ทราบค่ะ
ปัจจุบันจะถามหมอเสมอว่า "จำเป็นต้องทานยาจนหมดหรือไม่"
คำตอบต่างกันค่ะ "คุณหมอบางท่านบอกว่าไม่จำเป็น บางท่านบอกว่าจำเป็น"
ขอถามคุณหมอเต็มศักดิ์ดีกว่าค่ะ
ปกติพี่คิมไม่ป่วยบ่อย นาน ๆ เป็นไข้เป็นหวัด และประจำคือภูมิแพ้ แต่รู้วิธีการปฏิบัติก็ไม่เป็นไรค่ะ
ผมเคยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เอายาที่คนไข้แบกมา..ต้องใช้คำว่าแบก.. เพราะถุงมันใหญ่มาก
นั่นแหละครับคือเหตุผลที่ไม่เอายามาให้คุณหมอดู....มันหนัก
อาจารย์คะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลับบ้านมากค่ะ กลับมาหาดใหญ่ก็ค่ำแล้ว เลยไม่ได้ติดต่ออาจารย์ เอาไว้ว่างเมื่อไร จะแว้บไปขอยืมหนังสือนะคะ
ส่วนเรื่องการสั่งยา วันนี้ได้เห็นระบบของ รพ.ม.อ. แล้วค่ะ เปิดดูได้ทั่วถึง ดีต่อคนไข้นะคะ ทำให้เรื่องการดูแลรักษาทำได้สะดวกและดียิ่งขึ้นด้วย อ๋อ...วันนี้นั่งรอพ่อที่ รพ. เห็น รายการ TV ของ โรงพยาบาล เห็นอ.หมอเต็มด้วย แต่รายการนั้นต้องรอดูสัปดาห์หน้าค่ะ ^_^
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^_^
อาจารย์คะ
จำไม่ได้อ่ะคะ เห็นแบบผ่านๆ เร็วๆ อาจารย์กำลังตรวจคนไข้ เอ๊ะ...หรือว่าจะเป็นภาพโฆษณาเฉยๆ
ไม่แน่ใจค่ะ อาจารย์
เดี๋ยวนี้คณะแพทยศาสตร์พัฒนามากมาย ทำสื่อได้น่าสนใจด้วย วันนี้ไป รพ. มาอีกแล้ว อุตส่าห์นั่งจ้องโทรทัศน์ เสียงไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่าโทรทัศน์อยู่ไกลจากที่นั่งค่ะ ได้ดูรายการเกี่ยวกับการผ่าตัดพังผืดตรงข้อมือ กะว่าจะรอดูโฆษณาว่าจะเห็นภาพอาจารย์ไหม แล้วมีรายการช่วงไหน แต่ว่าไม่ทันเห็นโฆษณา ต้องพาพ่อไปตรวจก่อนค่ะ
สงสัยอาจารย์ต้องถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ รพ.แล้วค่ะ ^_^
อ.หมอเต็มคะ
ช่วงนี้มีนัดไป รพ.บ่อยมากค่ะ ^_^
ระบบของ รพ. ทำให้การตรวจของคุณหมอหลายท่าน สะดวกมากขึ้นในการดูรายละเอียดการสั่งยาและการรักษาด้วยค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ
สวัสดีค่ะ
เคยไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยและถามประโยคนี้ เหมือนกันค่ะ ผู้ป่วยตอบว่า" หมออย่าบอกหมอใหญ่เด้อ ฉันไม่เอายาไปเดี๋ยวหมอรู้ว่าฉันกินยาเกินบางทีฉันปวดหัวมากที่เขาให้กินเม็ดเดียว ฉันก็ซัดไป 2 เม็ดมัน ไม่ทันโรค"
วันนั้นเลยพาผู้ป่วยมาโรงพยาบาลด้วย มาพบแพทย์เพราะยาเหลือไม่ถึงวันนัด และความดันสูง
ต้องให้ผู้ป่วยเห็นประโยชน์ของการนำยามาให้เราดูคะ อาจารย์
1.จากประสบการณ์ที่ดูแลผู้ป่วยคลินิก หัวใจล้มเหลวจากที่ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวจะต้องปรับยาแทบทุกครั้งที่มาพบแพทย์
หรือ ต้องเปลี่ยนยา ในบทบาทของพยาบาลจะแจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่าในการนัดครั้งนี้แพทย์เพิ่มหรือลดยาตัวไหน หรือหยุดยาตัวไหน
ก็จะจัดการเก็บยาตัวนั้นโดนเอายาจากซองยาที่ผู้ป่วยเอามาให้เป็นยาที่ยกตัวอย่างให้ผู้ป่วยดู และพบกรณีที่ผู้ป่วยปรับยาเองหรือยา
เหลือมากก้จะสอบถามสาเหตุการปรับยาและไม่ทานยา อธิบายการออกฤทธิ์ของยาแต่ละตัว แต่บางครั้งที่ผู้ป่วยหยุดยาเองก้เพราะมี
อาการปกติ บางครั้งการหยุดยาของผุ้ป่วยกลับเป็นการดีเพราะถ้าทานก็อาจผลข้างเคียงของยา บางครั้งหมอก็ปรับยาตามผู้ป่วยกรณี
ที่พิจารณาแล้วไม่มีความต่างกันในการรักษาและทาน dose ที่หมอสั่งแล้วมีอาการผิดกติ
2.ที่สำคัญจะไม่ดุผุ้ป่วยไม่เช่นนั้นผุ้ป่วยจะไม่บอกควมจริงกับเราค่ะกรณีผู้ป่วยไม่ทานยา
3.หาผุ้ดูแลจัดยากรณีผุสูงอายุเพราะบางครั้งที่ไม่ทานยา ทานยา ผิด เพราะมองไม่เห็น