ดอกส้มสีทอง ๕


ถ้าการหย่ากันนั้นทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง(ที่เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุหย่าตามกฎหมายหรือฝ่ายที่เขาไม่ผิดน่ะ)ต้องยากจนลงแล้ว ฝ่ายนั้นก็ย่อมมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพได้ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงครับ

                เมื่อคืนดูดอกส้มสีทองต่อ ได้ตัวอย่างที่จะมาอธิบายเรื่องที่เขียนคาไว้คราวที่แล้ว นั่นคือเรื่องที่ว่า “ถ้าหย่ากันแล้วจนลงกว่าเดิมจะเรียกร้องอะไรได้อีก”

                ตัวอย่างที่ว่านั้นก็คือ เด่นจันทร์จับได้ว่าสินธรไปมีเมียน้อยอีกก็เลยขอหย่าดีๆโดยขอให้สินธรเซ็นใบหย่าแล้วไปแต่ตัว ให้ออกจากงานของบริษัทฯของพ่อเด่นจันทร์ แต่สินธรไม่ยอมอ้างเรื่องลูก จึงถูกบังคับโดยทุบมือและหากยังไม่เซ็นอีกก็จะถูกยิง ในที่สุดก็ต้องยอมเซ็นชื่อในทะเบียนหย่า

                แต่..ผมดูแล้วก็ขำ ที่เด่นจันทร์เอาสมุดทะเบียนหย่ามาจากไหนก็ไม่รู้ นั่นมันเอกสารราชการนะคุณเด่นจันทร์ ถ้ามันเป็นทะเบียนหย่าจริงก็ต้องลงชื่อต่อหน้านายทะเบียน ไม่ใช่เอามาเซ็นกันเองแล้วจบ เฮ้อ...

                โดยปกติเมื่อหย่าขาดจากกันแล้วทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง คู่สมรสฝ่ายที่ยากจนลงมีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพได้ครับ เพราะกฎหมายเขาบอกว่า

                “มาตรา 1526  ในคดีหย่า ถ้าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว และการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลงเพราะไม่มีรายได้พอจากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส         อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ ค่าเลี้ยงชีพนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้ให้และฐานะของผู้รับและให้นำบทบัญญัติมาตรา 1598/39 มาตรา 1598/40 และมาตรา 1598/41

มาใช้บังคับโดยอนุโลม

                สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเป็นอันสิ้นสุด ถ้ามิได้ฟ้องหรือฟ้องแย้งในคดีหย่านั้น”

 

                สังเกตไหมครับเขาใช้คำว่า “คู่สมรสฝ่ายใด” แสดงว่าถ้าการหย่ากันนั้นทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง(ที่เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุหย่าตามกฎหมายหรือฝ่ายที่เขาไม่ผิดน่ะ)ต้องยากจนลงแล้ว ฝ่ายนั้นก็ย่อมมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพได้ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงครับ

                เรื่องระหว่างสินธรกับเด่นจันทร์ สมมุติว่าฟ้องหย่ากันและเหตุฟ้องหย่าไม่ใช่เป็นความผิดของสินธรแต่กลายเป็นความผิดของเด่นจันทร์(ผมตั้งใจสมมุติไม่เหมือนในละครนะขอรับ) ทำให้สินธรต้องออกจากบริษัทของพ่อตา ขาดรายได้ไปเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท อย่างนี้สินธรฟ้องเรียกค่าเลี้ยงชีพได้ครับ

                หรือสมมุติอีกทีว่าการที่คุณดี๋สมรสกับคุณใหญ่ก็เลยได้ทำงานอยู่กับบริษัทของครอบครัวคุณใหญ่ มีเงินเดือนๆละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท พอเรยาเอาลูกมาให้คุณดี๋ ความอดทนของคุณดี๋ถึงที่สุด ขอหย่ากับคุณใหญ่ก็ไม่ยอมหย่า คุณดี๋จึงฟ้องหย่า นอกจากจะขอแบ่งสินสมรส และฟ้องขอค่าทดแทนจากคุณใหญ่และเรยาแล้ว คุณดี๋ยังฟ้องขอเลี้ยงชีพจากคุณใหญ่ได้อีกอย่างน้อยก็เป็นไปตามเงินเดือนที่เคยได้รับ แต่ถ้าคุณดี๋แต่งงานใหม่ หรือในกรณีของสินธรตามตัวอย่างข้างต้น เงินค่าเลี้ยงชีพก็จะสิ้นสุดลงครับ

                อธิบายอย่างนี้คงพอเข้าใจนะครับ

                ทีนี้ลองมาดูกรณีคำแก้วซึ่งเป็นคนวิกลจริตไปแล้ว ถ้าเกิดเจ้าสัวเชงไม่ต้องการคุณนายที่สี่คำแก้วอีกต่อไป จึงฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุตามมาตรา ๑๕๑๖(๗)ที่ระบุว่า  “สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้” แต่กฎหมายเขาไม่ให้หย่ากันเฉยๆ เพราะการที่เขาวิกลจริตมิใช่ความผิดของเขาโดยตรง กฎหมายจึงให้ความเป็นธรรม ลองดูที่นี่ครับ

                “มาตรา 1527  ถ้าหย่าขาดจากกันเพราะเหตุวิกลจริตตามมาตรา 1516(7) หรือเพราะเหตุเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงตามมาตรา 1516 (9)

คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งต้องออกค่าเลี้ยงชีพให้แก่ฝ่ายที่วิกลจริตหรือฝ่ายที่เป็นโรคติดต่อนั้นโดยคำนวณค่าเลี้ยงชีพอนุโลมตามมาตรา 1526”

                เห็นไหมครับ ถึงจะกลายเป็นคนวิกลจริตแต่เมื่อเป็นสามีภริยากัน อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีสติสัมปชัญญะจะให้ปล่อยทิ้งขว้างได้อย่างไร

                ความจริงรายละเอียดในเรื่องของการหย่ายังมีอีกมากครับ แต่จะมาบรรยายกฎหมายครอบครัวผมว่าท่านผู้อ่านคงเบื่อแย่ สังเกตได้ว่าพอมีหลักกฎหมายเยอะ เรตติ้งหดหายไปเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ

                อย่าลืมนะครับว่า ถ้ามีการให้อภัยกันแล้วหมดสิทธิฟ้องหย่า ใครจำไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่สามนะขอรับ ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังจริงเท็จไม่ยืนยัน เรื่องมันเกิดที่ศาลแห่งหนึ่ง

                คดีนี้ สามีเจ้าชู้แบบสินธร ภรรยาดุดันแบบเด่นจันทร์ ภรรยาเป็นช่างตัดเสื้อรู้ว่าสามีแอบไปมีเรยา คว้ากรรไกรตัดผ้าได้ก็ตามล่าจนเจอ เรยาหนีทันแต่สามีนะสิโดนกรรไกรปักเข้ากลางหลัง แค่นั้นยังไม่พอภรรยาก็ปรึกษาทนายและฟ้องหย่าสามีโดยอ้างว่าสามียกย่องเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยา

                แต่การฟ้องคดี กว่ากระบวนการต่างๆจะไปถึงชั้นสืบพยานใช้เวลานานหลายเดือน ระหว่างนั้นสามีก็ไปเอาอกเอาใจภรรยาจนภรรยาใจอ่อนยอมให้สามีกลับมานอนในห้องได้ แต่การดำเนินคดียังคงดำเนินการต่อ และแล้วก็มาถึงวันสืบพยาน

                สามีเล่าให้ทนายฟังว่าตอนนี้คืนดีกันแล้ว มีอะไรกันแล้ว  (อืมม์...แล้วมันมีอะไรล่ะ...อิอิ) แต่ฝ่ายภรรยามิได้เล่าให้ทนายฟัง ทนายฝ่ายภรรยาก็นำสืบไปตามปกติว่าสามีเจ้าชู้ มีภรรยาน้อย ตามไปเจอ มีหลักฐาน... หลังจากทนายฝ่ายโจทก์(ภรรยา)ซักถามแล้วก็เป็นหน้าที่ทนายฝ่ายสามีที่จะถามค้าน ทนายก็ถามว่า

                ขอโทษครับคุณผู้หญิง หลังเกิดเหตุที่จับได้ว่าจำเลยไปมีภรรยาน้อยจนถึงวันนี้ คุณกับจำเลยได้คืนดีกันแล้วใช่ไหมครับ

                ค่ะ

                ขอโทษครับคุณผู้หญิง ที่ว่าคืนดีกันแล้วเนี่ย..หมายถึงนอนด้วยกันแล้วใช่ไหมครับ

                ค่ะ

                ขอโทษครับคุณผู้หญิง คำว่านอนด้วยกันหมายถึงการร่วมประเวณีด้วยใช่ไหมครับ

                ค่ะ

                ขอโทษครับคุณผู้หญิง กี่ครั้งแล้วครับ

                สามค่ะ...

                ทันใดนั้น สามีก็ยกมือลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า ศาลครับ หกครั้งแล้วครับ

                ภรรยาขอโทษศาลที่พูดไม่ตรงความจริงแต่ไม่ได้เจตนา  “ขอโทษค่ะ...หนูนึกว่ากลางวันไม่นับ” แฮ่ๆ....

                เรื่องนี้จบลงตรงที่ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะพฤติกรรมของโจทก์แสดงว่าได้ให้อภัยจำเลยให้เหตุฟ้องหย่านั้นแล้ว เพราะฉะนั้นจำไว้นะคุณผู้หญิงทั้งหลาย ถ้าจะฟ้องหย่า...อย่า...ใจอ่อน อิอิ

                ดอกส้มสีทองกำลังจะจบ ละครเรื่องนี้ดังขนาดท่าน ว.วชิรเมธี ยังเอาไปเทศน์ชี้ให้เห็นว่าตัวละครไม่มีความสุขเพราะอะไร ทั้งนี้เพราะได้รับนิมนต์ไปเทศน์แล้วเจ้าภาพขอให้เทศน์ก่อนเวลาเพราะคนที่มาร่วมงานศพจะรีบกลับไปดูละคร อิอิ  คราวหน้าเรามาคุยกันเรื่องคุณธรรมจริยธรรมในละครเรื่องนี้กันนะครับ

หมายเลขบันทึก: 439796เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 07:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะ

พี่คิมมาช่วยทำงานให้กับโรงเรียนเก่า  พวกครูเขาได้อ่านบันทึกนี้  ทุกคนเฮ...ชอบใจตอนท้ายค่ะ  "ปลุกใจก่อนทำงาน"  ขอขอบคุณค่ะ

อ่านแล้วก็รู้สึกว่า การถามค้านนี่สำคัญมากนะค่ะ ผู้ฟ้องควรต้องให้ข้อมูลให้แก่ทนายให้ครบถ้วน แต่ทนายของผู้ฟ้องก็ต้องถามให้ครบถ้วนด้วยนะค่ะ ไม่งั้นผู้ฟ้องก็คงไม่รู้ว่าต้องบอกอะไรบ้างนะค่ะ

อาจารย์คะ ไม่เคยได้ดูละครเรื่องนี้เลย เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของอาจารยได้รับความรู้ดีมากค่ะ

ชอบๆๆขอโหวตให้ค่ะ

hahahaha คุณอัยการกลัวเรตติ้งตกเพราะถกเรื่องกฎหมาย

ไม่หรอกค่ะเพราะคนที่เข้ามาอ่านได้รับทั้งความรู้และของแถม...เล็กๆ...อีก

คราวหลังจะได้จำไว้ค่ะว่าต้องนับทั้งกลางวันและกลางคืนด้วย....ha

สวัสดีครับพี่คิม

แจ้งข่าวพี่คิมว่าตอนนี้ไก่ฟ้าพญาลอเริ่มไต่ต้นมะมุดม่วงใบเริ่มใหญ่แล้วครับ คงอีกไม่นานคงจะได้เห็นดอกแล้วครับ

ดีใจที่ทุกท่านเข้ามาอ่านแล้วอารมณ์ดีมีความสุขก่อนทำงานครับ

ใช่ครับ อ.จัน ปัญหาก็คือคนทั่วไปไม่รู้ว่าอะไรควรเล่าทนายความบ้าง และทนายความบางคนก็ไม่อธิบายให้ลูกความฟังว่าควรต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องไม่ว่าเราจะนึกว่าเรื่องเล็กน้อยหรือไม่ก็ตาม

ผมยังนึกว่าถ้าทำ e-book กฎหมายในละครน่าจะดีนะครับ

ขอบคุณครับคุณวิลาวัณย์

ชอบเรื่องความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับละครผมเขียนไว้หลายเรื่องครับ ลองย้อนดูของเก่าดูนะครับ บ้านทรายทอง ก็มีนะครับ

อิอิ ครูกีร์ ถ้าไม่มีมุขกลัวเรตติ้งตกจริงๆ ฮ่าๆ

สนับสนุน e-book กฎหมายในละครค่ะท่านอัยการ เพราะเรื่งกฎหมายเป็นเรื่องเข้าใจยากค่ะสำหรับคนทั่วๆ ไปค่ะ ยินดีรับใช้ค่ะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท