ผู้รับสื่อ ผู้สื่อมีความสำคัญเท่ากันนะคะ ดังนั้น ต้องเตรียมความพร้อมทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ
สวัสดีครับอาจารย์
พบกันอีกครั้งหลังจากที่หายไปหลายปีครับ (ไปรักษาใจตัวเองครับ ตอนนี้พาใจกลับบ้านได้แล้ว) กลับมาคราวนี้มาแจ้งเกิดใหม่ครับ ชื่ออาจจะไม่คุ้นนะครับอาจารย์ แต่หน้าตายังใกล้เคียง หวังว่าคงจะพอนึกออกนะครับ
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมมีความเห็นว่าเรื่อง ลปรร. ที่ดูเหมือน "ย่ำอยู่กับที่" น่าจะมาจากการก้าวไปไม่พึง "พัฒนา วัฒนา ภาวนา" ครับ ทำอย่างไรเราจะ ลปรร. ด้วยความว่าง...ว่างจาก "อัตตา" ครับอาจารย์
เมื่อสมัยที่ผมไปรักษาใจตัวเอง ผมถูก "กระเทาะเปลือกอัตตา" อย่างหนักหน่วงครับ ตอนนี้ "ตัวตน" ผมเบาไปมากเลยครับ ผลก็คือ "ตัวตน" เบา กายก็เบา ใจก็เบาครับอาจารย์ ฟังผู้อื่นเป็นมากขึ้นครับ (ฟังเฉย ๆ โดยไม่ตัดสิน) ยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น ทุกวันนี้เลยสบายมากขึ้นครับ สอนนักเรียนก็ไม่ทุกข์ ไม่ว่าเขาจะไม่สนใจ เขาจะสนใจเรียน ในใจเรามันก็ยังบอกว่า "เรารักเขาได้ในแบบที่เขาเป็น" ครับ
กราบสวัสดีไปถึงเพื่อน g2k ทั้งใหม่และเก่าทุกคนนะครับ (หากยังนึกไม่ออก ผมก็คือ sophist ปากจัดคนนั้นแหละครับ) แล้วค่อยพบกันครับ
ตัวอย่าง I :
คนข้างบ้านทำอาหารช่วง 6 โมงเย็น เขาเดือดร้อน ขอน้ำปลาเพื่อใส่อาหาร เพราะน้ำปลาที่บ้านหมด เราก็ยินดีให้น้ำปลาเขาด้วยความยินดี
ในเวลาต่อมา.. เราเดินไปหาเพื่อนบ้านและเคาะประตูบ้าน พร้อมซื้อน้ำปลามาให้ (ตอนนั้น 4 ทุ่มแล้ว) เพื่อนบ้านไม่สนใจน้ำปลาที่อุตส่าห์ซื้อไปให้ แถมตำหนิด้วยว่า ไม่รู้เวล่ำเวลา .. ท่านทั้งหลายเหตุการณ์นี้คงตอบท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย ... ความรู้ที่ท่านให้ มันต้องถูกกาล ถูกเวลา ถูกสถานที่
ตัวอย่าง II :
พระเยซูเจ้า : ไม่ได้หามเรื่อง ของเมา
พระพุทธเจ้า : ห้าม ไม่ให้ดื่มของเมา
ท่านจะเชื่อใคร ? ทำไม ? แล้วทำหรือไม่ ? เพื่ออะไร ? มันเป็นเรื่องของสติปัญญาของแต่ละคนครับ เมื่อถึงวันหนึ่ง เขาก็ย่อมรู้ได้เอง(หากมีสติ+ปัญญา)
ปล. การลดอัตตาในตัวตน วางใจให้สบาย ลดความทะเยอทะยาน วางใจให้สบาย.. เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจหมั่นพิจารณาแต่ละวันแต่ละคืนให้มากกว่าสิ่งใดใช่มั้ยครับ