วันนี้เป็นเช้าวันแรกในเมืองอิสตัลบูล โรงแรมที่พักราคาค่อนข้างแพงแต่คุณภาพไม่สมราคาแต่ที่ดีตรงที่ว่าไปไหนมาไหนสะดวกเพราะอยู่ใกล้ย่านสุลต่านอาห์เมต ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจุดท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง อาทิเช่น วิหารฮาเจียโซเฟีย มัสยิดสีน้ำเงิน พระราชวังทอปกาปี รวมทั้งตลาดแกรนด์บาร์ซาร์ และตลาดเครื่องเทศ Spice Market อันเลื่องชื่อ
จากโรงแรมเดินมุ่งตรงไปยังจุดที่เป็นศูนย์รวมของสถานที่สำคัญๆ จุดแรกที่พบและเห็นคนต่อคิวซื้อตั๋วยังไม่มากก็คือ อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาทัน อ่างเก็บน้ำนี้มีอายุกว่า 1,500 ปี ถูกค้นพบด้วยความบังเอิญจากชาวบ้านที่ลงไปหาปลาในอุโมงค์ แต่กลับมาพบโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสาโบราณมากมาย ได้ยินคนพูดว่าที่เสาบางต้นมีแกะสลักเป็นหัวของเมดูซ่า หลายคนคงเคยได้ยินตำนานที่เล่าว่าถ้าใครจ้องตาเมดูซ่า คนๆ นั้นก็จะกลายเป็นหินไปในทันที เดินหาเสาที่ว่านี้จนเกือบสุดจึงค่อยพบฐานของเสาต้นหนึ่งเป็นหัวเมดูซ่านอนตะแคง ส่วนอีกต้นหนึ่งเอาหัวลง ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกันว่าหมายถึงอะไร นอกจากนั้นยังพบเสาบางต้นมีรอยแกะสลักเป็นรูปคล้ายดวงตาปีศาจ หรือ Evil Eye ที่ใช้เป็นเครื่องรางป้องกันความชั่วร้ายอีกด้วย
ขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำใต้ดิน แค่ข้ามถนนก็มาถึงบลูมอสก์ (Blue Mosque) เล่าว่ากันว่า เมห์เมต อาอา สถาปนิกผู้สร้างสรรค์มัสยิดแห่งนี้ ต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าเขามีความสามารถเหนืออาจารย์ และสถาปนิกที่ออกแบบวิหารเซนต์โซเฟีย จึงบรรจงออกแบบจนอลังการ โดยให้ตัวมัสยิดหันประจันหน้ากับวิหารฮาเจียโซเฟียเลยทีเดียว วันนี้ไม่ได้เข้าฮาเจียโซเฟียเพราะที่นั่นปิดทุกวันจันทร์ หลังจากนั้นก็ไปเดินชมตลาด Grand Bazaar เป็นบาซาร์ขนาดใหญ่มีสินค้ามากมายจนไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี วันนี้จึงยังไม่ได้ซื้ออะไร เพราะตั้งใจว่าจะซื้อของฝากวันสุดท้าย เนื่องจากจะต้องเดินทางไปอีกหลายเมือง
ช่วงบ่ายซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังทอปคะปึ (Topkapı) อยู่ในนี้หลายชั่วโมงเหมือนกัน คัดสรรคเฉพาะบางรูปมาให้ดู
ประตูวังทอปกะปิ
ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวนั่งชมวิว
ต้นไม้ใหญ่ในลานกลางพระราชวัง
ต้นไม้ทรงสวยมากเลยค่ะ