วันนี้ เป็นวันแรกที่พอจะทำอะไร ๆ ครบตามเวลาในครั้งแรก ที่ผ่านมากว่าจะได้เขียนบันทึกก็หลังหกทุ่มไปซะทุกที
ใจหนูร่ำ ๆ จะกลับบ้านพ่อแม่ตั้งแต่เช้า แต่ด้วยเป็นการอยากไปด้วยกิเลส
ครูจึงเมตตาแตะเบรกไว้ ใจร้อนรุ่ม ถอดเสื้อแขนยาวขุด ๆ ๆ พรวนดินรดน้ำต้นไม้
ใจหมายให้ดับทุกข์ ความร้อนในจิตใจ
ฟังดูโง่แต่ทำแบบนั้นจริง ๆค่ะ ต่อสู้กับใจที่ต่อต้านครู
ใจหนูตอบสนองคำแนะนำของครู เหมือนคำสั่งแม่
เพราะเป็นเด็กดื้อ แม่บอกชอบแถ ชอบเถียง เป็นกรรมของหนูที่ต้องแก้ไข
แต่พอถึงที่สุดก็ฟังท่าน
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ อยากทำหรือไม่อยากทำ ก็ท
ตัดสินใจอด ไม่งั้่นหนูหาเรื่องนอน หรือนั่งหลับแน่
อาบน้ำซักผ้าทั้ง ๆ ที่ในใจแทบกรี๊ดกับความไม่ชอบใจที่อัดแน่น
จนเฮือกสุดท้าย "ไม่ไหวแล้วยอมแพ้ จะไปขอครูกลับ" กิเลสมันเล่นแรงขนาดนี้ เปิดประตูเข้ากุฏิเห็น miss call ครู
พอโทรกลับครูเมตตาให้ไปพาไปทำธุระ รับรู้ตลอดทางว่าครูเมตตา พาออกมาให้ใจได้คลาย
ภารกิจที่ครูพาทำ ดึงใจหนูออกจากความกังวลและดิ้นรน
มารู้สึกว่าหายไปจริง ๆ ตอนที่ครูเมตตาถามว่ามันยังอยากกลับอยู่ไหม สำรวจเข้าไป มันหายไปแล้ว
ครูเมตตาชี้ว่า แบบนี้กลับได้
เป็นการชี้ให้ได้เห็นชัด ๆ ว่า ไม่ตามใจกิเลสเป็นอย่างไร
ครูเมตตามอบ keyboard iPad ของ rapoo ให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าแและของขวัญปีใหม่
พอถึงวัด แม้จะรู้สึกล้าแต่พอลงนั่งสมาธิแล้วก็พอผ่อนคลาย ลาครูแล้วก็ออกมา
อะไรที่ทำให้ใจรู้สึกเย็นลง ส่วนหนึ่งเป็นความเย็นจากใจของครูที่ส่งมา
ทำให้หนูมีแรงตั้งสติท่องพุทโธแล้วทำความรู้ตัวกับลมหายใจ
ภารกิจที่หนูคิดจะทำครั้งนี้ ใหญ่มากจนอาจจะเกินตัว
แต่ต้องเผชิญไม่งั้นเราก็เรียนเรื่องนี้ไม่จบกันเสียทีแล้วยิ่งจะเรื้อรัง
ประมวลกับตนเองภาพรวมของวันแม้กิเลสจะแรงมาก แต่ก็พอพยุงตนเองค่ะ เกือบไม่รอดไปเหมือนกัน
อย่าตามใจกิเลส
ดอกไม้ร้องเพลงได้ ให้ฟัง
เสียงหรีดหริ่งไร้รัง รั้งให้
อย่าทำตามกิเลศใจ เพลิศไซร้ เพลินนา
ฟังได้อย่าไห้หา โศกา ลืมตน