เมื่อตีนเหยียบดิน


เมื่อกี้ผมออกไปทำสวนครับ ก็สวนป่าร้อยตารางวาของผมนี่ละครับ ผมออกไปตัดต้นปาล์มใบพัดที่ใหญ่จนบังแดดต้นมะนาว แล้วผมก็ลากใบปาล์มที่ผมตัดจะเอาไปทิ้ง ใบปาล์มที่ลากอยู่บนพื้นก็เกี่ยวกับรองเท้าด้านขวาผมหลุดจนผมสะดุดต้องเอาเท้าขวานั้นเหยียบลงบนพื้น พอเท้าสัมผัสพื้นที่ยังเย็นอยู่เพราะยังไม่ได้เจอแดดในตอนเช้าใจผมก็ฉุกคิดขึ้นมาทันที

"นี่ฝ่าเท้าเราไม่ได้โดนดินมานานเท่าไหร่แล้วนี่?"

แว้บความคิดลำดับต่อไปคือภาพของปู่ผมที่นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวเดินเท้าเปล่าในสวนผลไม้ แม้ปู่จะเสียไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังจำภาพนั้นได้ดีเพราะเป็นภาพคุ้นตาที่ผมเห็นตั้งแต่เด็กๆ เวลาไปเยี่ยมปู่

ปู่ผมน่าจะเป็นคนไทยยุคสุดท้ายที่ใช้ชีวิตโดยไม่ใส่รองเท้า

และพ่อผมน่าจะเป็นคนไทยยุคแรกที่ใช้ชีวิตโดยใส่รองเท้า

ส่วนผมเป็นคนไทยยุคแรกที่รองเท้าเป็นสิ่งที่มีใช้เหลือเฟือ ผมซื้อรองเท้าแตะคู่ละราคาไม่ถึงร้อยบาทมาวางไว้รอบบ้านดังนั้นเวลาผมออกจากบ้านด้านไหนก็มีรองเท้าใส่

ผมมีรองเท้าไว้สำหรับวิ่ง รองเท้าไว้สำหรับปั่นจักรยาน และรองเท้าที่ดูดีขึ้นหน่อยเพราะราคาเกินร้อยบาทไปนิดไว้ใส่ออกนอกบ้านเพราะเวลาคนมองผมหัวถึงเท้าจะได้เห็นว่าผมมีรองเท้าใส่และยอมขายข้าวขายของให้ผม

(ผมเคยใส่รองเท้าทำสวนออกนอกบ้านแล้วมีคนทักว่าผมเป็นแรงงานพม่า ทำให้รู้ว่าใบหน้าผมมันช่าง "อินเตอร์" เกินห้ามใจ ในชีวิตผมทั้งตอนอยู่ในประเทศไทยและนอกประเทศ ผมเคยถูกทักว่าเป็น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เขมร พม่า แต่ไม่เคยถูกทักว่าเป็นคนไทยเลยยกเว้นตอนเขาได้ยินว่าผมพูดภาษาไทย แปลกแต่จริง)

ผมโชคดีที่ไม่จำเป็นต้องมีรองเท้าแพงๆ เพื่อใช้ในกิจกรรมหาเงินหาทอง คนที่ผมทำงานให้และคนที่ทำงานให้ผมอยู่คนละซีกโลกและไม่ต้องเจอหน้ากัน

ตอนผมเรียนประถมหลักสูตรที่ผมเรียนยังสอนให้คนใส่รองเท้า เพราะถ้าไม่ใส่รองเท้าพยาธิจะไชเท้า รวมถึงสอนให้ถ่ายอุจจาระในส้วม เพราะการไปถ่ายอุจจาระตามชายป่านั้นเป็นการแพร่เชื้อโรคไปแก่คนอื่น แล้วยังทำให้ติดพยาธิจากพื้นได้ด้วย ผมดูหลักสูตรประถมในปัจจุบันนั้นไม่มีสอนเรื่องเหล่านี้แล้ว แสดงว่ารองเท้าและส้วมเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่มีใช้กันโดยปกติ

ยิ่งกว่านั้นรองเท้ากลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่หลายคนยอมจ่ายเงินจำนวนมากหรือถึงขั้นยอมซื้อผ่อนเพื่อให้ได้รองเท้านั้นมาครอบครอง เมื่อได้มาแล้วก็ทนุถนอมเสียยิ่งกว่าของอื่นๆ ที่ตัวเองมี คิดแล้วน่าแปลกประหลาดมาก

มาถึงวันนี้การที่เท้าที่ไม่เคยได้สัมผัสพื้นโดยตรงได้เหยียบลงบนดินกลับให้ความรู้สึกที่ผมบรรยายไม่ถูก

ความรู้สึกแรกก็เหมือนที่บอกก่อนหน้านี้คือการได้ระลึกถึงความหลังสมัยเด็กที่ไม่ได้นึกถึงมานาน

ความรู้สึกต่อมานั้นบรรยายยาก มันเป็นความรู้สึกของ "การได้กลับถึงรากเง่าของความเป็นมนุษย์" ประมาณว่า "touching the earth, returning to the roots"

บรรยายยากแต่เป็นความรู้สึกที่สวยงาม

ผมคิดว่าต่อจากนี้ผมจะเดินเท้าเปล่าในสวนให้บ่อยยิ่งขึ้น และจะให้เจ้าต้นไม้เดินด้วย

ปู่ผมไม่รู้จัก "เท้า" รู้จักแต่ "ตีน" ผมจะไม่ลืมที่จะให้ "ตีนเหยียบเดิน" มากยิ่งขึ้น เพราะตีนเจ้าต้นไม้ก็เหมือนตีนผม ตีนผมก็เหมือนตีนพ่อ ตีนพ่อก็เหมือนตีนปู่ สืบต่อกันไป เมื่อไหร่กลับบ้านที่ชุมพร ผมจะพาเจ้าต้นไม้ไปเดินตีนเปล่าในสวนของปู่ ต้องแอบเดินเพราะถ้าพ่อเห็นพ่อคงว่า

ใครที่อ่านมาเจอบันทึกนี้ถ้ามีโอกาสอย่าลืมถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าในป่าในสวนกันบ้างนะครับ เท้าของเรานั้นมีพัฒนาการมาหลายล้านปีให้เหมาะสมกับการเดินบนดิน แม้เราจะมีรองเท้าเราก็ควรเปิดโอกาสให้เท้าของเราได้โดนดินเพื่อให้ได้สัมผัสถึงความรู้สึกใกล้ชิดกับโลกบ้างครับ

หมายเลขบันทึก: 573675เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2014 12:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม 2014 08:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดี(ตอนเช้าที่นี่)..เจ้าค่ะ...(อ่าน..แล้ว..คิดถึ..ง .ภาษาไทย..ที่เขาว่า..)."..วัวลืมตีน.."...น่ะเจ้าค่า...

สวัสดีครับอาจารย์ ธวัชชัย

ปัจจุบัน ณ ที่ทำงาน นอกจากเราจะสวมรองเท้าแล้ว เรายังสวมถุงเท้าซ้อนเข้าไปอีก พอถึงที่ทำงาน(ของผม) ต้องสวมรองเท้าเซพตี้เข้าคลังอีก

น้อยนักจะสัมผัสกับพื้นดิน กับ เท้า หรือ ตีน ดดยตรง

ขอบคุณบันทึกดีๆครับ...

ถอดรองเท้าเหยียบน้ำค้างเช้าๆ ดีมากๆ เลยค่ัะอาจารย์

คิดถึงเด็กบ้านนอกสมัยตกเบ็ดนะอ. ลุยตีนเปล่าจริงๆ พอสมัยนี้กลับรังเกียจดินโคลน เรานี่ชั่งกลัวดินแท้ๆ ทั้งๆที่เกิดมาจาดิน กินจากดิน นอนจากดิน..นึกถึงวัยเด็กขึ้นมาจริงๆ

Yes sireee....

"...รวมถึงสอนให้ถ่ายอุจจาระในส้วม เพราะการไปถ่ายอุจจาระตามชายป่านั้นเป็นการแพร่เชื้อโรคไปแก่คนอื่น แล้วยังทำให้ติดพยาธิจากพื้นได้ด้วย...", we can't even contribute back to the great materials cycle!

After 20 years on the land, I've learned another benefits of having animals on the land -- they enrich the land with their wastes and bring in diversity: seeds, micro-organisms, "life"!

Congrats and welcome new 'earthling' ;-)

กำลังตกใจ  ทำไมเท้าจะไม่เหยียบดิน 

เข้าใจละ  ติดดิน  เป็นส่วนหนึ่งของดิน  และสรรพสิ่งของโลกนี้   ^_,^

ถ้ามีโอกาสพี่โอ๋จะชอบเดินเหยียบหญ้าตีนเปล่าค่ะ รู้สึกว่าธรรมชาติมีพลังส่งให้่เราได้จริงๆ

"ตีนเหยียบเดิน" ชอบใจความคิด นี้จัง คนรุ่นปู่ รุ่นพ่อเราทำกันอยู่ แต่รุ่นเราๆ ไม่ทำกัน เพราะกลัวสิ่งที่อยู่ที่ดินตำเท้า  แต่สิ่งที่พบบ่อยๆและต้องเตือนเจ้าอ๋องน้อยก็คือเขาชอบเดินเท้าเปล่าในสวนและพื้นปูนหน้่าบ้าน กลัวพยาธิ(อาจคิดมากเกินไปก็ได้) เราเลี้ยงเขาให้ห่างไกลธรรมชาติเกินไปหรือเปล่า กำลังคิดอยู่ ทั้งที่เขาชอบธรรมชาติ ขอบคุณความคิดดีดีนี้ค่ะอาจารย์

ราคาเกินร้อยบาทไปนิดไว้ใส่ออกนอกบ้านเพราะเวลาคนมองผมหัวถึงเท้าจะได้เห็นว่าผมมีรองเท้าใส่และยอมขายข้าวขายของให้ผม

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท