ข่าวที่น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่กี่วันนี้คือมีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นศิลปินได้เข้าทำลายต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยห้าสิบปีเพื่อทำไปเฟอร์นิเจอร์ประดับกลางแจ้ง (Landscape Decorative Furnitures) โดยใช้คำเรียกสิ่งที่เขาทำว่าเป็นงานศิลปะ (Arts)
บุคคลกลุ่มนี้พร้อมทั้งพวกพ้องได้กล่าวอ้างว่าการกระทำอันอุกอาจต่อธรรมชาติของพวกเขานั้นได้กระทำเพื่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "ศิลปะ" โดยมิได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ตนได้ร่วมกระทำต่อธรรมชาติเลย
สิ่งที่น่าเสียใจอันดับแรกคือการที่โลกนี้สูญเสียต้นไม้ใหญ่ในป่าชื้นเขตฝนที่หายากขึ้นทุกวันไปแล้วหนึ่งต้น
สิ่งที่น่าเสียใจอันดับที่สองคือประเทศนี้ขาดแคลนบุคคลที่เป็นศิลปินจริงๆ อย่างมาก ในขณะเดียวกันกลับมีบุคคลแอบอ้างตัวเองเป็นศิลปินเต็มไปหมด
ที่ผมรู้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นศิลปินปลอมเพราะสาเหตุดังนี้ครับ
ข้อแรก ศิลปินตัวจริงนั้นจิตใจอ่อนโยน ไม่มีศิลปินคนไหนใจแข็งพอที่จะทำร้ายต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ได้ ผู้ที่จิตใจหยาบกระด้างอย่างมากเท่านั้นถึงจะกล้าตัดต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีจิตใจที่จะตัดต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ได้ย่อมไม่ได้มีจิตใจของศิลปิน
ข้อสอง งานศิลปะที่วิเศษที่สุดคืองานที่สร้างโดยธรรมชาติ ไม่มีศิลปินตัวจริงคนไหนอาจหาญแข่งกับธรรมชาติได้ งานศิลป์คือการแสดงความงามของธรรมชาติให้ชัดขึ้นด้วยวิธีต่างๆ เพื่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ดังนั้น ผู้ที่ทำลายสิ่งที่ธรรมชาติสร้างเพื่อมาทำสิ่งที่ตนคิดว่าสวยงามกว่าสิ่งที่เกิดโดยธรรมชาติย่อมไม่ใช่ศิลปิน ผมเชื่อว่าบุคคลที่กล้าทำเช่นนี้ที่จริงแล้วจิตใจไม่รู้จักงานศิลป์แม้แต่นิดเดียว
สำหรับผม บุคคลที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่ศิลปินแต่เป็นบุคคลที่แอบอ้างตัวเป็นศิลปิน บุคคลเช่นนี้แม้จะมีปริญญาหรือตราประทับยกย่องจากใครที่ไหนก็ตาม ในความเห็นผมแล้วเป็นแค่ศิลปินตัวปลอมเท่านั้น ไม่มีคุณค่าที่ผมจะสนใจแม้แต่นิดเดียว
ดูภาพที่ผมเอามาจากข่าวในเว็บไซต์ไทยรัฐสิครับ ความงามเช่นนี้จะมีมนุษย์คนไหนมีความสามารถสร้างได้สวยกว่านี้บ้าง ไม่มีครับ ไม่มีเด็ดขาด
กฎหมายไทยไม่มีข้อบังคับที่จะลงโทษบุคคลที่ตัดต้นไม้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ประดับกลางแจ้งแล้วอ้างว่าทำงานศิลปะกลุ่มนี้ แต่สังคมควรจะร่วมกันลงโทษกลุ่มคนนี้ให้มากเพื่ออย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนรุ่นหลังต่อไป
ศิลปะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับสังคม สภาวะความเป็นศิลปินไม่ใช่เป็นตำแหน่งตายตัวแต่เป็นการยกย่องจากสังคม หากไม่ได้รับการยอมรับเสียแล้วไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าศิลปินด้วยเสียงที่ดังแค่ไหนหรือเอาหลักฐานตราประทับจากหน่วยงานใดมายืนยันก็ยังเป็นศิลปินไม่ได้อยู่ดี
เสียดายค่ะ ต้นไม้นี้คงอยู่ในที่ดินของใครคนหนึ่ง เจ้าของที่น่าจะแจ้งความเอาผิด
เห็นด้วยค่ะว่าศิลปินพวกนี้เป็นตัวปลอม
ทางภาคเหนือเห็นเขาอนุรักษ์ต้นไม้หรือป่าโดยชุมชน เช่นบวชป่า เป็นการเอาผ้าเหลืองมาห่ม ทำให้คนรู้ว่ามีผู้ดูแลหวงแหน และไม่กล้าตัดค่ะ
ตามข่าวเขาบอกว่าเจ้าของที่ดินบริจาคให้กับทางเทศบาลโดยทางเทศบาลให้เงินเป็นค่าสินน้ำใจหนึ่งแสนบาทครับ
แถวทางภาคใต้นี้ต้นไม้ใหญ่ๆ หาดูยากแล้วครับ กลายเป็นสวนยางพารากับสวนปาล์มหมดแล้วครับ ภูเขาสูงๆ เขาก็ยังอุตส่าห์ไปปลูกยางพารากันได้ครับ
จริงด้วยค่ะอาจารย์ธวัชชัย เราคนธรรมดาไม่ใช่ศิลปิน เห็นต้นไม้ที่ยืนต้นตายเพราะธรรมชาติหรือขาดการดูแลที่เหมาะสม เรายังใจหายและรู้สึกเสียดายมากๆ
บ้านผมแค่ตัดแต่งกิ่งยังเสียดายเลยครับ นี่ไม้ใหญ่ เขาทำได้ลงคอ แย่จัง
คิดผิดตั้งแต่เริ่มแล้วนะคะ
อยากจะให้..บันทึกนี้ของ..ท่านได้ไป..ปรากฎทุกแห่งหน..ของสถาบันการเรียนศิลปะ..ทั่วทั้งประเทศ...ที่คนเข้าใจและอ่านเป็น..ได้วิเคราะห์..และวิจารณ์ได้ในสิ่งที่เห็นและเป็น.."ศิลปะ.."กับการจำกัดความของความหมาย..
"ศิลปินแอบอ้างและอหังการ"เป็นปรากฏการณ์การเรียนรู้ผิดๆเปรียบดุจ"กิ้งก่าได้ทอง..ในนิทาน"ศิลปินผู้สร้างโวหาร..โอ้อวดตน..ที่โดนธรรมชาติ..สั่นแผ่นดินลงโทษไปเมื่อเร็วๆนี้ยังหาสำนึกไม่..มัวเมาสร้างส้วมปิดทองต้องล้างขี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..(คงจ้างน่ะไม่ได้ล้างเอง..อิอิ)..เลยไม่เคยรู้จริงว่า..ตนเป็นศิลปิน..จอมปลอม..เห็นแต่เงินที่หลอนได้จากภาพมายา..ที่ตนสร้าง..มามัวเมายอมยาคนที่หลงเชื่อ..คารม..แปดเปื้อน..อิอิ)...
ขอไว้อาลัย..กับ"ต้นไม้ต้นมะหาดต้นนั้น..ที่มีความจอมปลอมมายาแห่งความคิด..เข้าไปทำลาย..ชีวิต.."
สงสาร..ที่"ต้นไม้พูดไม่ได้"...แต่เราๆนี่แหละ..จะพูดแทน..ต้นไม้...จนกว่าชีวิตจะหาไม่...