​ชีวิต "ปลอมๆ" กับ ชีวิต "จริงๆ"


ชีวิต "ปลอมๆ" กับ ชีวิต "จริงๆ"

--------------------------------
กว่าจะแยกออกจากกันได้บ้าง ก็ต้องเรียนรู้แบบจริงจัง ด้วยหลักการของการอยู่กับธรรม-ชาติ ตามกฏของธรรมชาติ
*****************************
เท่าที่ผมพยายามประเมินตัวเองตลอดเวลา ด้วยหลักของธรรมชาติ ทำให้ผมตระหนักว่า......

ในระดับความสามารถแบบปุถุชนธรรมดาๆของผมนั้น ความสามารถในการแยกแยะ "ของปลอมๆ" ออกจาก "ของจริงๆ" นั้น กว่าจะเกิดได้ ในแต่ละส่วนย่อยๆ ของชีวิตของผมนั้น ต้องใช้เวลายาวนาน เป็นเดือน เป็นปี บางทีก็หลายปี

ทำให้ขั้นตอนการพัฒนาจากชีวิตปลอมๆ ไปสู่ชีวิตจริงๆนั้น เกิดได้แบบค่อนข้างช้า
กว่าจะรู้สึกตัวว่าหลงทาง สักเล็กน้อย ขยับตัว ปรับความรู้ ปรับตัวได้บ้างทีละน้อยๆๆๆ ในแต่ละส่วนย่อยๆของชีวิต ก็ต้องเคยเห็นตัวอย่าง เคยพลาด เคยหลงทาง และต้องรีบเก็บมาคิดทบทวน ตรวจสอบ ประเมินผลบ่อยๆ ด้วยกฏของธรรมชาติ และกฏจักรวาล

แม้จะรู้ตัวชัดๆ แล้วว่า ผิดพลาด หลงไปใช้ชีวิตอยู่กับของปลอมๆ
กระบวนการปรับเปลี่ยนชีวิต ก็ยังต้องต่อเนื่อง และใช้เวลาอีกยาวนานทีเดียว กว่าจะเปลี่ยนได้สักเรื่อง แบบทีละเล็กละน้อย แบบค่อยเป็นค่อยไป

จากระดับความเร็วที่ไม่มากนัก ในกระบวนการเรียนรู้ และการปรับตัวในทางที่ดีกว่าของผมนั้น ทำให้ผมยิ่งตระหนักดีเลยว่า ในระดับที่ผมเป็นอยู่นี้ กว่าทุกสิ่งจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ มีกระบวนการเรียนรู้ เคยเห็น และผ่านประสบการณ์มาก่อนเท่านั้น จึงจะรู้ จึงจะมีบทเรียน และเข้าใจ

แต่กระนั้น ชีวิตของผมก็ยังพบกับสิ่งปลอมๆ ปะปนมาเรื่อยๆ ตลอดชีวิต
----------------------------------------
และ ด้วยการอิงกฏธรรมชาติ แบบอยู่กับธรรม-ชาติ อย่างเป็นธรรมชาติ นั้น ในปัจจุบันผมได้พยายามเรียนรู้ และนำหลักธรรมะ มาปรับใช้ ด้วยหลักการว่า.......

ของจริงๆ ที่ดีๆ ที่มีประโยชน์ คือ....
สิ่งที่สามารถสร้างผลที่ดี ได้ต่อเนื่อง ยาวนาน ลึกซึ้ง ถึงแก่นแท้ ทั้งภพนี้และภพหน้า และ ทำให้เกิดผลต่อชีวิตจริงๆในทางที่เป็นกุศลธรรมได้จริงๆ

ส่วนของปลอมๆ ที่ทำให้เสียเวลา หรือ ไร้สาระ คือ ...........
สิ่งที่ทำให้เราเสียเวลาชีวิต หรือไม่เกิดผลที่ดี ที่เป็นกุศล ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทั้งในภพนี้หรือภพหน้า

แต่ บางที สิ่งที่เราทำก็ไม่ปลอมไปทั้งหมด แต่เป็น "เครื่องมือ" ทางอ้อม ช่วยให้เราพบของจริง หรือเป็นเส้นทางอ้อมๆ ที่ในที่สุด เราก็จะวนเข้าหาความจริง ที่มักทำให้เราหลงทางว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือความจริง ที่เราต้องมีสติ กำกับอยู่เรื่อยๆ จึงจะไม่หลงทาง

นี่แหละคือ "มายา" ของโลก ที่ทำให้เกิด "อุปาทาน" และ "มายาคติ" หลงคิดว่าเป็นของจริง
และทำให้เราหลงไปใช้ชีวิตปลอมๆ ได้โดยง่าย
--------------------------------

ฉะนั้น จุดแบ่งที่สำคัญก็คือ การมีชีวิตที่มี "สติ" กับใช้ชีวิตแบบ "ขาดสติ" นั่นเอง
ใครมีสติก็แบ่งแยกได้ ใครขาดสติก็หลงทาง เท่านั้นเอง

และการหลงส่วนใหญ่ มักจะหลงไปอยู่กับของปลอม มากกว่าการหลงไปอยู่กับของจริง

แปลก แต่จริงครับ

หมายเลขบันทึก: 605371เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2016 07:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน 2016 07:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

There are more people who love watching movies or TV shows but ver few watch their own fanily and themselves.

Perhaps there are a lot of grey things not fully real and not entirely fake. For examples packaged foods they are good enough whenwe are really hungry. But any other times they are 'junks'; clothes can protect us from indecency and UV radiation, but when we add 'fashion senses' to clothes - they are now mostly 'decorations'; and cosmetic surgery.... ;-)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท