บันทึกการเดินทาง
วันแรกในนิวซีแลนด์
ผมเดินทางมาถึงสนามบินโอ๊คแลนด์ เวลา ๑๒.๓๐ น. เข้าด่านตรวจหนังสือเดินทางไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเจ้าหน้าที่เค้าตรวจถามว่าเอาอาหารอะไรมาบ้างทำจากอะไร ซึ่งผมบอกว่าอาหารทำมาจากพริก เค้าก็ให้ไปเข้าอีกด่านหนึ่งซึ่งเป็นด่านตรวจค้นการนำอาหารเข้าเมือง ซึ่งที่นี่เค้าจริงจังกับการนำอาหาร พืชพันธ์ ผลไม้เข้าประเทศมาก เมื่อไปถึงด่านตรวจเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบสีน้ำเงิน หน้าตาจริงจัง กำลังตรวจค้นกระเป๋านักท่องเที่ยวกันอย่างเข้มข้นทำให้คิดว่าเมื่อถึงคิวของเราจะเป็นอย่างไรนะ เราจะนำสารพัดน้ำพริก เข้าไปได้ไหม
เมื่อถึงคิวผม ผมแยกกระเป๋า ถุงน้ำพริกปลาร้าซึ่งส่งกลิ่นหึ่งไปหมด เพราะกระเป๋าถูกเหวี่ยง ถูกกระแทกกระทั้นตอนระหว่างเดินทาง น้ำพริกเผาแม่ประนอม คงไม่ได้ถูกประณีประนอมเลยไหลเยิ้มออกมา แดงรอบขอบขวด จนอาจารย์สิรินภาต้องส่งถุงซิบล็อกมาให้ผมจัดการ กับน้ำพริก เจ้าหน้าที่ค้นเปิดดู พอเห็นหน้าไทยพื้นบ้าน และคงคุ้นเคยกับน้ำพริกของคนไทย เลยไม่ว่าอะไรให้นำน้ำพริกกับมาม่า ไปใส่ที่กระเป๋าเดิมและ ซีลกระเป๋าเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ตรวจค้นแล้วเสร็จแล้วเราก็ต้องนำกระเป๋าใบอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำสัญลักษณ์ไปเข้าเครื่องสแกนอีกรอบ กว่าจะเสร็จกระบวนการใช้เวลาไปไม่ต่ำกว่า 45 นาที
พอออกมามีเจ้าหน้าที่ของทาง ELA : English Language Academy นำรถแวนมารับพวกเรา และนำเราไปตะเวนส่งตามบ้านโฮสต์ต่างๆ ซึ่งอยู่กันคนละโซน บางบ้านไม่มีคนอยู่ต้องโทรติดต่อประสานงานกัน ส่วนบ้านผมอยู่หลังไกลสุดต้องข้ามทะเลไปฝั่ง Windsor park ใกล้กับ Rangitoto Collage เมื่อมาถึงลินดา โฮสต์ของบ้านผมมารับ เธอเป็นคุณแม่ ลูกชายสามคนซึ่งเรียนจบทำงานหมดแล้ว ลินดาแบ่งห้องของลูกชายให้เป็นที่พักของนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนภาษาต่างประเทศ ซึ่งในบ้านนี้ผมเป็นสมาชิกใหม่ มีนักเรียนชาวญี่ปุ่นชื่อ โยชิกิ มาเรียนไฮสคูลอยู่แล้วหนึ่งคน ลินดาคุยเก่งมาก เป็นกันเอง เธอไม่รู้สึกว่าเราเป็นคนแปลกหน้า เธอสอนผมในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำอาหารในครัว การใช้เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า แนะนำให้รู้จักกับฮันนี่ หมาขนยาวสีขาวใจดี ที่เข้านอกออกในในบ้านได้ และเจ้าแมวชื่อนอม ซึ่งลินดาอธิบายว่ามีแมวสามตัว หากกุดหนึ่งตัว หางสวยหนึ่งตัวซึ่งเพิ่งตายไปก่อนหน้าหนึ่งตัวและหายออกจากบ้านไปหนึ่งตัว เหลือแต่เจ้าหางปกติตัวนี้เลยชื่อนอม
ลินดาถามผมว่า ผมจะพักผ่อน หรืออยากจะไปเดินเล่นตอนเย็นๆ ซึ่งเธอจะพาฮันนี่ไปเดินตามทางเดินรอบๆ หมู่บ้าน ผมคิดว่าเป็นการดีจะได้ศึกษาเส้นทางไปในตัวจึงเตรียมเสื้อผ้าใหม่เพราะอากาศเย็น เราเดินไปตามทางเดินระหว่างหมู่บ้าน ซึ่งที่นี่ผู้คนไม่เยอะ ลินดาชี้ให้ผมเห็นว่าป้านรถเมล์อยู่ตรงไหน ผมต้องเดินมาอย่างไร และจะลงที่ป้ายรถเมล์ไหน โดยมีเจ้าฮันนี่ เดินทักทาย และแวะอุจาระที่สนามหญ้า ซึ่งลินดาก็ไม่รอช้าจัดการมูลของเจ้าฮันนี่ด้วยถุงพลาสติกที่เตรียมมา ซึ่งลินดาบอกว่าหากไม่จัดการถ้ามีใครเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่ก็จะเสียค่าปรับแพงมาก ทำให้ผมนึกถึงบ้านเราที่มีกองขี้หมาเต็มไปหมด มันช่างต่างกันเหลือเกิน เราเดินกันไปพูดคุยกันไปถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างของกันและกัน จนวนกลับมาบ้าน เย็นวันนี้ผมช่วยลินดาทำข้าวผัด ผักรวมซึ่งมีผักต่างๆ หัวหอม แคร็อท กระเทียม บ็อกเคอรี่ ผัดรวมกัน และถามวิถีการรับประทานอาหารของผม ซึ่งผมอธิบายว่าเราจะทานตอนเช้าหนัก และทานตอนเย็นเบาๆ ซึ่งต่างกันกับที่นี่ ที่ตอนเช้าเค้าจะทานกาแฟ กับ คอนเฟร็ก ใส่นม
วันแรก ผ่านไป ในการปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมที่แตกต่าง
แนะนำว่าไป Albert park ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
ร้านหนังสือที่ไม่แพงไม่ไกลจากหอสมุด
อย่าลืมไปเที่ยววัดไทยและโรเตอรัวนะครับ
ขอบคุณครับ อาจารย์ย้ายไปอยู่มหาวิทยาลัยทักษิณหรือครั
ใช่ครับ ขอให้มีความสุขกับการเรียนที่ NZ นะครับ