บ่ายวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ ผมเข้าร่วมประชุมสภาวิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แบบทางไกล เป็นการประชุมโดยมีผู้เข้าร่วมที่กรุงเทพ ๔ คน จาก ๓ จุด คือ ศ. ดร. ปราณี กุลละวณิชย์ กับ ดร. บุญปลูก ชายเกตุ อยู่ที่หน่วยประสานงานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ สกอ. คุณสราวุธ เบญจกุล อยู่ที่สำนักงานศาลยุติธรรม และผมอยู่ที่คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ รังสิต เนื่องจากช่วงเช้าทางคณะจัดงานแสดงความยินดีให้แก่ผม ในโอกาสได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานวัตกรรมการเรียนรู้ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในการประชุม มีการนำเสนอขอความเห็นชอบการปรับปรุงหลักสูตร
abcabcabcabcabcabcabcabcabcabcabcabc abc abc ของคณะ abcdabcabcabc เพื่อเปิดรับผู้จบการศึกษา ปวส. เข้ามาเรียนในหลักสูตร ๔ ปี โดยมีการเทียบโอนรายวิชาที่เรียนมาแล้ว ซึ่งเมื่อผู้ชี้แจงอธิบายวิธีเทียบโอนรายวิชา ผมก็ให้ความเห็นว่า วิธีการจัดการหลักสูตรตามที่ชี้แจงมานั้น ผมเรียกว่าเป็น conventional approach ซึ่งไม่น่าจะเหมาะสม และไม่ตรงกับนโยบายของอธิการบดี (ผศ. ดร. นิวัติ แก้วประดับ) ที่เสนอไว้ต่อสภามหาวิทยาลัย ว่าจะจัดการเรียนการสอนแบบ competency-based แต่ที่ผู้นำเสนอชี้แจงนั้น เป็นแนว subject-based
ทำให้ผมเกิดความคิดขึ้นว่า ในการทำหน้าที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยไทยนั้น เราต้องไม่ใช่แค่อนุมัตินโยบายการบริหารมหาวิทยาลัย ที่ใช้คำโตๆ เพราะๆ ตรงตามหลักการแห่งยุคสมัยเท่านั้น ต้องเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารเสนอวิธีการบริหารจัดการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และเสนอวิธีวัดผลลัพธ์และผลกระทบไว้ให้ชัดเจน
วิจารณ์ พานิช
๑๒ เม.ย. ๖๒
ดีมากครับอาจารย์ และขอแสดงความยินดีกับการเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้วยครับ ท่าน อาจารย์ จอมจิน รุ่นพี่ รร เก่า BCC ครู QA ฝากมาครับ
…ความรู้จะแกร่งไกรสิใส่ใจจริตเคยค้นคว้าปละปล่อยเฉยริ”รอเผย”พิฆาตเรา
…อ่อนแอมิอาจรอด“ริง่าย”จอด!กระเตงเขลาเธอจงบ่ดูเบาดุดันสู้สบายนาน
อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑