วันนี้เป็นวันพระ เป็นวันธรรมสวนะ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ญาติโยมประชาชนพากันมาทำบุญอุทิศบุญกุศลให้กับพ่อแม่ บรรพบุรุษ และได้พากันมาประพฤติปฏิบัติธรรม...
มนุษย์คือผู้ที่ประเสริฐเกิดมาเพื่อพระนิพพาน จุดหมายปลายทาง คือพระนิพพาน
พระนิพพานอยู่ที่ไหน..? พระนิพพานอยู่ที่ใจของเรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง เราถึงจะปฏิบัติได้ถูกต้อง
เราจะไปทำตามใจ ทำตามอารมณ์ ทำตามความรู้สึกของตนเองนั้น ไม่ได้
เราต้องเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง เอาธรรมเป็นทางดำเนินชีวิต มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เรียกว่า “ปัจจุบันธรรม” ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของเราในชีวิตประจำวัน
การดำรงชีพของเราต้องพัฒนาหน้าที่การงานตามหลักเหตุผล หลักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีพร้อมกับพัฒนาจิตใจของเรา เพราะเราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ย่อมได้รับความสะดวกสบาย
พัฒนาใจของเราอย่างไร..?
เราบริโภคสิ่งต่าง ๆ เราก็ไม่หลง ไม่ติด เราก็เสียสละทางจิตใจ เราจะได้บริโภคทุกอย่างด้วยสติ ด้วยปัญญา
การประพฤติปฏิบัติของเรามันต้องอยู่กับเราทุกหนทุกแห่ง เพราะอันหนึ่งเรื่องกาย อันหนึ่งเรื่องใจ...
กายอยู่ที่ไหน ใจอยู่ที่ไหน เราก็พากันเสียสละ...การเสียสละคือการทำงานให้มีความสุข
วันหนึ่งคืนหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เวลาที่เราตื่นอยู่เกือบ ๒๐ ชั่วโมง ก็คือการทำงานการปฏิบัติธรรม...
การทำงานกับการปฏิบัติธรรมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน... เราจะได้พัฒนาทั้งงาน พัฒนาทั้งใจ
เมื่อก่อนเรายังไม่เข้าใจทำงานก็ทำแต่งาน ไม่ได้พัฒนาใจให้มีความเสียสละ
การประพฤติปฏิบัติธรรมมันอยู่กับทุกท่านทุกคน ทุกหนทุกแห่ง เรามีโอกาสมีเวลาก็มาทำบุญที่วัดอย่างนี้แหละ
ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติพร้อมกับการทำงาน เราจะเป็นคนไม่ทันโลกทันสมัย เหมือนพวกที่พัฒนาแต่ทางวัตถุไม่ได้พัฒนาจิตใจไปพร้อมกัน ชื่อว่า ยังไม่ทันสมัย...
สิ่งที่เป็นอดีต เราต้องลบจากใจให้เป็นเลขศูนย์ไป ไม่ให้ความเคยชินที่มันไม่ดีเข้ามาปรุงแต่งจิตใจของเรา
ปัจจุบัน เราต้องเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง เสียสละไปเรื่อย ๆ เพราะว่าความเจริญก้าวหน้าอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน มีจุดยืน มีความมั่นคงทั้งธุรกิจหน้าที่การงานพร้อมทั้งมีความมั่นคงทางจิตใจ เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรม เป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ทุกคนต้องประพฤติปฏิบัติอย่างนี้...
พากันไหว้พระสวดมนต์ที่บ้าน ที่หัวนอน ไม่ต้องไปในห้องพระก็ได้ เพราะว่าพระอยู่ที่ใจ...
พระหมายถึง พระนิพพาน ต้องมีอยู่ในใจของทุกคนอย่างนี้ พระพุทธรูปเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า แต่พระที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจ
เหมือนผู้ที่มาบวชพระ... บวชพระแต่ยังไม่ได้เป็นพระ เขาเรียกว่า “ภิกษุ” ถ้าใจไม่มุ่งมรรคผลนิพพานร่างกายบวชแต่ใจไม่ได้บวช ประชาชนคิดดูดี ๆ ว่าเป็นอะไร..?
ต้องรู้จักว่าพระอยู่ที่ใจ อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของเราทุกคน
ทุกคนก็หายใจพอ ๆ กัน ทานอาหาร พักผ่อนพอ ๆ กัน ให้เรามีความสุขในการทำงาน เราจะได้พัฒนาทั้งกายทั้งใจไปพร้อมกัน เรียกว่า “ทางสายกลาง”
พากันนั่งสมาธิก่อนนอน คือ นั่งให้สบาย ปล่อยวาง หายใจเข้าให้มีความสุข หายใจออกให้มีความสุข หายใจเข้าให้สบาย หายใจออกให้สบาย “ถ้าเอาเมื่อไหร่ เครียดทันที..!”
มีความสุขในการหายใจเข้าสบายออกสบาย เพราะตัวเราใจเรา ต้องทำงานอย่างนี้ เมื่อมันสงบค่อยดูลมเข้าลมออก
ตอนอยู่บ้าน เราจะไปอยู่กับโทรทัศน์ อยู่กับโทรศัพท์มือถืออย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักทางใจ ทางคุณธรรมที่จะนำชีวิตของเรา...
โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
เมตตาให้ไว้ ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
วันที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
เอาธรรมเป็นใหญ่ ต้องธรรมศาสน์ นะครับ :-) ถ้าแบบเดิมก็เอาพุทธเป็นใหญ่