930. เปลี่ยนจากทำอะไรเดี๋ยวเลิก มาเป็นกัดฟันจนสำเร็จด้วย  Appreciative Inquiry


เปลี่ยนจากทำอะไรเดี๋ยวเลิก มาเป็นกัดฟันจนสำเร็จด้วย  Appreciative Inquiry

 

โดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

ที่ปรึกษาการพัฒนาองค์กรแนว Appreciative Inquiry

ปัญหาที่ผมถูกถามอีกข้อคืออาจารย์ครับ ทำอะไรแล้วก็เลิก ไม่สำเร็จสักทีประมาณว่าไม่ค่อยได้อดทนทำอะไรจนมันสำเร็จ

แล้ว Appreciative Inquiry ของอาจารย์จะช่วยได้อย่างไร

Appreciative Inquiry คือการสืบค้นสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่อยู่ในตนเอง ในสิ่งแวดล้อมทั้งในอดีต ปัจจุบัน ใกล้ตัว ไกลตัวได้หมด มีวงจรง่ายๆ เรียกว่า  Define จะ Focus เปลี่ยนอะไร จากลบเป็นบวก Discovery ตั้งคำถามสืบค้นเรื่องดีๆ  แล้วหาข้อสรุปเชิงสาเหตุไว้ด้วย เรียกว่า Positive Core เพื่อเอามาเป็นพื้นฐานในการทำขั้นต่อไป Dream การเอาเรื่องดีๆ มาสร้าง Purpose/Vision/Mission จากนั้นก็ Design การออกแบบกลยุทธ์ Design การลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง

สมมติฐานคือทุกตัวคน องค์กร สิ่งแวดล้อมมีสิ่งดีๆ รอการค้นพบ สามารถเอาไปขยายผลได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

ฟังแค่นี้ก็ Wow แล้ว นั่นหมายถึงคุณคนถามอาจมีคำตอบอยู่แล้ว

มาเข้ากระบวนการกันเลย

1.Define จะ Focus เรื่องอะไร ในที่นี้ เราจะ Focus ในทิศทางบวก นั่นคือต้องแปลงโจทย์จาก “ทำอะไรแล้วก็เลิก ไม่สำเร็จสักทีประมาณว่าไม่ค่อยได้อดทนทำอะไรจนมันสำเร็จ” อันนี้อาจแปลงเป็นทิศตรงข้ามในเชิงบวกเป็น “ทำอย่างไรจะกัดฟันทำเรื่องที่เรามุ่งมั่นจนสำเร็จในที่สุด”

2. Discovery ออกแบบคำถามจากโจทย์  “ทำอย่างไรจะกัดฟันทำเรื่องที่เรามุ่งมั่นจนสำเร็จในที่สุด”

อาจได้สองสามคำถามดังนี้

2.1  ตอนที่ท่าน กัดฟันทำเรื่องที่ท่านมุ่งมั่นจนสำเร็จในที่สุด ท่านนึกถึงเหตุการณ์ไหน มันมีพัฒนาการจาดจุดเริ่มต้นไปจนสำเร็จอย่างไร สาเหตุความสำเร็จคืออะไร

แล้วมาตอบคำถาม มีกี่คนให้ตอบทุกคนเอาเป็นเหตุการณ์จริงไม่เอาข้อคิดเห็น เช่นของผม

ผมนึกถึงเรื่องอิคิไก ผมกลายมาเป็น Trainer คนแรกๆ และเปิดหลักสูตร IKIGAI Coaching เป็นหลักสูตรแรกๆ ในเมืองไทย (แอบโม้นิด)  เกิดจากการที่ผมสนใจเรื่องนี้มากๆ ตอนที่มีการเผยแพร่ใหม่ๆ เพราะตนเองเคยมีปัญหาว่าค้นหาตัวเองไม่เจอ เลยมีวันหนึ่งเจอเรื่องอิคิไกโดยบังเอิญ ก็รู้สึกว่าการทำอะไรที่รัก เก่ง โลกต้องการและเป็นอาชีพ ทำให้เราอยากตื่นมาทุกวัน เอ๊านี่จริง ชีวิตเราหลัง 36 นี่ ได้มาทำอาชีพที่ใช่ เลยสนใจดีใจว่าเราอธิบายชีวิตเราได้ และเริ่มเห็นคนรอบตัวมีปัญหาหาตัวเองไม่เจอก็เริ่มค้นคว้าพัฒนาเทคนิคการโค้ชอิคิไกไ้ปช่วยคน ก็ไม่เคยหยุดเลย เริ่มเอาความสัมพันธ์สี่อย่างไปหาอิคิไกให้คนนับร้อยๆ คนหลายคนกลับมาขอบคุณก็ยิ่งทำไม่หยุด

สาเหตุคือค้นพบองค์ความรู้ที่อธิบายข้อสงสัยตัวเองได้ และเอาไปช่วยคนอื่นได้ เลยศึกษาลงลึกไม่หยุด

2.2 อาจทำอะไรแล้วเคยหยุดๆ แต่ต่อมาทำต่อ ฮึบจุดสำเร็จ นึกถึงเหตุการณ์ไหน

เรื่องอิคิไกนี่เอง มีตอนหลังมีคนมาพูดว่าอิคิไกที่พูดกันไม่ใช่อิคิไก อ๊าว

รักเก่งโลกต้องการทำเป็นอาชีพ ความสัมพันธ์ของสี่อย่างไม่ใช่อิคิไก ก็ไม่ได้ละเสียฟอร์มไม่อยากสอนผิด

คราวนี้ไปกวาดหนังสือที่เขียนเรื่องอิคิไก มาอ่านทั้งโลกเท่าที่มี เลยได้เห็นอ้อมีหลายอย่าง แถมไปเปิด Clubnouse เป็นปีๆ เพื่อขอความรู้จากคนฝั่งญี่ปุ่นด้วย ตกลงไอ้สี่วงที่พูดกันก็ใช่ครับ คราวนี้เลยสนุกใหญ่ ต่อมาเลยขยายไปค้นคว้าฝั่งตะวันตกด้วยไปถึงอาฟริกา (Unbuntu)

สาเหตุคือ เสียฟอร์ม เลยต้องลุยต่อ ไม่อยากสอนอะไรผิดๆ

2.3 ใครเป็นต้นแบบท่านที่ฮึบทำอะไรจนสำเร็จ เขามีเทคนิคอย่างไร

ผมนึกถึงลูกศิษย์คนหนึ่งที่อดทนตั้งบริษัทที่ปรึกษาแบบไม่เคยเลิก เขาเน้นการคบหาคนมีความรู้ และเชื่อมโยงเกิดการ Collab อะไรใหม่ๆ อันนี้ผมว่าใช่อะไรที่เกิดจากความร่วมมือของคนที่มีจุดแข็งต่างกันนี่มันทำให้เราไม่เลิกล้มทำอะไรที่เรารักง่ายๆ ผมเองก็ Collab กับคนหลายกลุ่ม

สาหตุคือการ Collab

3. เอามาหา Positive Core คือสาเหตุร่วมจากการตอบคำถาม อันนี้ถ้าทำเป็นกลุ่มใหญ่ให้ช่วยกันสรุป ผมสรปุของผมเองได้ คือ ได้ค้นพบความรู้ที่เอามาอธิบายปัญหาตัวเราได้ ได้เอาความรู้ไปช่วยคนอื่น และการร่วมมือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆกับคนอื่น (Collab)

Positive Core จากนั้นมา Dream คือวิสัยทัศน์

4. Dream คือ What’s the world is calling for?  ท่านจะสร้างความแตกต่างอะไรให้โลกใบนี้

Purpose   อยากเห็นคนไทยมีพลังฮึ๊บ

Mission

สอนเรื่องอิคิไก Purpose เพื่อค้นหาความหมายของสิ่งที่ทำจะเกิดพลังฮึ๊บ

เผยแพร่วิธีการ Collab

Vision ถ้าสำเร็จ จะเห็นคน 10,000 คนที่เรียบกับผมสามารถฮึ๊บทำอะไรในฝันจนสำเร็จได้อย่างน้อย 1 อย่างใน 1 ปี

5. Design ต้องทำอะไรต่างออกไป

ผมจะทำให้อิคิไกง่ายขึ้นไปอีก ชนิดเด็กๆ ก็เอาไปคุยได้ไม่ต้องใช้โค้ช อันนี้ภายในปีนี้

สอนเรื่องคล้ายๆ อิคิได้จากชาติอื่นๆ เช่น Ubuntu เอามา Blend กัน

Collab กับคนที่อยู่ในวัฒนธรรมนั้นเช่นอิคิไกก็กับคนญี่ปุ่น

6. Destiny ตอบคำถามต่อไปนี้

6.1 แรงบันดาลใจ ว๊าวถ้าสำเร็จ เราจะมีพลังชีวิต คนรอบๆ ตัว คนไทยจะมีพลังชีวิตเต็มไปหมด

6.2 Skill ต้องเรียนอะไรใหม่อีก อาจต้องเรียนเรื่อง Existentialism และMeaning-cetntered Therapy เพิ่ม

6.3 แนวร่วม นึกถึงคนที่จบจากญี่ปุ่น เพื่อนที่จบมาชวนมาทำด้วยกัน

6.4 สร้างแนวร่วมยังไง ไปเล่าให้ฟัง แล้วชวน Co-create สร้างสรรค์หลักสูตรร่วมกัน

6.5 รางวัล ถ้าสำเร็จ ได้หลักสูตรได้องค์กรเข้าไปลุยระยะยาว จะไปฉลองด้วยการไปเที่ยวตปท

6.6 โครงสร้าง สร้าง Club เรื่องอิคิไก เปิดบ่อยๆ

6.7 และสุดท้ายทำแล้วนัดประเมิน ปรับเปลี่ยน วัดผลกันเรื่องระดับการมีไฟมีมากขึ้นไหม และมีหลักสูตรเพิ่มไหม  โอกาสมาขึ้นไหม

นี่ครับ Appreciative Inquiry  เพื่อเปลี่ยนจากทำอะไรเดี๋ยวเลิก มาเป็นกัดฟันจนสำเร็จ

 

สงวนลิขสิทธิ์บทความ @ภิญโญ รัตนาพันธุ์ 2565

 

คำสำคัญ (Tags): #appreciative inquiry#ikigai
หมายเลขบันทึก: 702221เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2022 09:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2022 09:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท