โจทย์การเป็นวิทยากรที่ผมได้รับมาจาก “ฝ่ายพัฒนานิสิต วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม” เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 คือ “ความรู้เรื่องกิจกรรมนิสิต (กิจกรรมนอกหลักสูตร) และแนวคิดของการจัดกิจกรรมอย่างสรรค์สรรค์”
กลุ่มผู้เข้าร่วมในเวทีวันดังกล่าวล้วนเป็นผู้นำนิสิตในสังกัดสโมสรนิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ล้วนๆ หลักๆ คือกลุ่มคนที่เคย “ทำงานสโมสร” ของปีที่แล้ว
ภายใต้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ หากไม่นับประเด็นการบรรยายให้ความรู้เรื่อง “กิจกรรมนิสิต” หรือ “กิจกรรมนอกหลักสูตร” ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการพื้นที่ในฐานะวิทยากรที่ต้องสื่อสารอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมใช้กระบวนการหลักๆ 2 กระบวนการเท่านั้น กล่าวคือ
ภายหลังการบรรยายให้ความรู้เรื่อง “กิจกรรมนิสิต” หรือ “กิจกรรมนอกหลักสูตร” เป็นที่เรียบร้อย ผมชวนให้นิสิตทำการทบทวนการเรียนรู้ในรอบปีการศึกษา 2565 ที่ผ่านมา ผ่านภาพวาดในหัวข้อกว้างๆ “กิจกรรมที่ชื่นชอบ-กิจกรรมที่ประทับใจ-กิจกรรมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงตนเองและสังคม”
กระบวนการนี้ ผมมีเจตนาที่ชัดเจนเรื่องชวนผู้นำนิสิตทบทวนต้นทุนการเรียนรู้ชีวิต หรือถอดบทเรียนชีวิตผ่านเรื่องราวอันเป็นกิจกรรมนอกหลักสูตรและกิจกรรมในหลักสูตร ผ่านการการวาดภาพและเล่าสู่กันฟัง หรือจะเรียกว่าเป็นกระบวนการ “ทบทวนแผนกิจกรรม” ก็ไม่ผิด
เมื่อสิ้นสุดการบอกเล่าดังกล่าว ผมไม่รีรอที่จะประมวลสถิติเรื่องราวทั้งหมด พบว่า กิจกรรมที่นิสิตชื่นชอบประทับใจมากที่สุด 3 อันดับแรก ซึ่งเป็นกิจกรรมภายในคณะ เรียงตามลำดับที่มีความถี่มากไปหาน้อย ดังนี้
ส่วนกิจกรรมอื่นที่นิสิตสะท้อนออกมา แม้จะไม่พบความถี่ซ้ำ แต่ผมถือว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า 3-4 กิจกรรมข้างต้น ประกอบด้วย
จะสังเกตได้ว่า กิจกรรมที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น มีทั้งที่เป็นกิจกรรมนอกหลักสูตร (กิจกรรมนิสิต) และกิจกรรมในหลักสูตร (วิชาเรียน) ตลอดจนกิจกรรมในคณะและกิจกรรมระหว่างคณะ รวมถึงกิจกรรมในระดับมหาวิทยาลัยอย่างน่าชื่นชม
เรียกได้ว่ากิจกรรมทั้งมวลนั้น สะท้อนถึงการเรียนรู้กิจกรรม 360 องศาเลยก็ว่าได้ เพราะครบทั้งกิจกรรมในคณะ กิจกรรมระหว่างคณะ กิจกรรมในภาพรวมของมหาวิทยาลัย รวมถึงการตอบโจทย์การเรียนรู้เรื่อง Soft skills & Hard skills ได้อย่างน่าสนใจ
ด้วยเวลาอันจำกัด ผมไม่ได้ละเมียดละไมกับกิจกรรมการทบทวนการเรียนรู้-ทบทวนแผนกิจกรรมมากนัก แต่ก็พยายามประคองให้กระบวนการดังกล่าวมีความรื่นรมย์ไม่แพ้เวทีอื่นๆ
ถัดจากนั้นก็บรรยายในประเด็นกรอบแนวคิด –ทฤษฎีในการจัดกิจกรรม ผูกโยงถึวงนโยบายการพัฒนานิสิต ทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและของฝ่ายพัฒนานิสิต เพื่อเป็นฐานคิดในการนำไปออกแบบกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในปีการศึกษา 2566
ผมให้อิสระแก่นิสิตอย่างเต็มที่ว่าจะเลือกโครงการอะไรดีมาระดมความคิดเป็นกรณีศึกษา แต่มีเกณฑ์หลักคือต้องเป็นกิจกรรมที่จะจัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ – เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อนิสิตในคณะ หรือจะเพื่อนิสิตทั่วไป รวมถึงสังคมทั่วๆ ไปก็ได้
เช่นเดียวกับการฝากให้คิดว่า “ถ้าเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับวิชาชีพของตนเองได้ ก็ยิ่งดี” โดยมีประเด็นที่เป็นกรอบให้ระดมความคิด เช่น ชื่อโครงการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ลักษณะกิจกรรม ผลที่คาดว่าจะได้รับ ฯ
ผลปรากฏว่านิสิตเลือกมา 2 โครงการ นั่นคือ “MUSIC PUBLIC” และ “เสียงดนตรีจากพี่สู่น้อง”
จะว่าไปแล้ว กิจกรรมดนตรีจากพี่สู่น้อง ก็มีมิติคล้าย “งานบริการวิชาการแก่สังคม” อันเป็นพันธกิจของมหาวิทยาลัยนั่นแหล่ะ เพียงแต่ไม่อาจเรียก “บริการวิชาการ” เพราะผู้ขับเคลื่อนหลักคือ “นิสิต” ไม่ใช่ “อาจารย์” หรือ “นักวิชาการ” เท่านั้นเอง
อันที่จริงในทั้งสองกระบวนการหลัก ผมพยายามสื่อให้นิสิตได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเป็นผู้นำนิสิต หรือวุฒนิภาวะของผู้นำนิสิตไปในตัว บางจังหวะผมการบรรยาย-ขยายความอย่างชัดเจน บางจังหวะผมเลือกที่จะสอดแทรกผ่านกระบวนการเป็นระยะๆ โดยโชว์สไลด์ประกอบ เพื่อยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมในสิ่งที่ผมถ่ายทอด –
ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ผมออกแบบบนฐานคิดหลากประเด็น อาทิเช่น การละลายพฤติกรรมเปิดเปลือยตัวตนสู่สังคมผ่านภาพวาด การกระตุ้นให้นิสิต “ทบทวนแผนงานด้านกิจกรรมนิสิต” หรือ “ทบทวนการเรียนรู้” ผ่านกิจกรรมในหลักสูตรและนอกหลักสูตร คู่ไปกับการ “ทบทวนชีวิต” (ถอดบทเรียนชีวิต) ผ่านงานศิลปะ ฝึกการ “สื่อสารสร้างสรรค์” ผ่านภาพวาดและการเล่าเรื่องในลักษณะของการ Show & Share, Knowledge Sharing เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบกระบวนการที่ต้องระดมความคิดออกแบบกิจกรรมพัฒนานิสิต บนฐานคือ “โดยนิสิตเพื่อนิสิต”
หรือแม้แต่ฝึกสมาธิ ฝึกการคิด การฟัง การวิพากษ์ ฝึกเรื่องประชาธิปไตย ก็ไม้เว้น
ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นผู้นำ-ภาวะผู้นำเท่านั้น ยังรวมเรื่อง Soft skills & Hard skills ในตัวด้วยเช่นกัน
หมายเหจุ
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา / สโมสรนิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์
ไม่มีความเห็น