เมื่อมีโอกาสก็จะบอกครูว่า...พยายามจัดกิจกรรมการสอนให้มีความหลากหลาย ในที่นี้หมายความว่าอย่าได้ยึดหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียว
ครูต้องเป็นนักค้นคว้า ต้องเป็นนักอ่าน อ่านตำราวิชาการและงานเขียนทั่วไป ไม่ว่าจะจบวิชาเอกใดมาก็ตาม อย่าทิ้งการอ่านอย่างเด็ดขาด การอ่านจะนำพาครูสู่ประตูชัยของวิชาชีพ
การที่ครูก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว คงไม่ช่วยให้เด็กรักการอ่านอย่างแน่นอน เชื่อเถอะ
โดยเฉพาะครู ป.๑ - ป.๓ เป็นช่วงชั้นที่สำคัญ ที่ครูต้องเป็น”ผู้นำ” คือนำพาให้เด็กอ่าน อ่านให้เด็กดู ครูอ่านให้เด็กฟัง และครูต้องสร้างกิจกรรมการอ่านให้เกิดขึ้นในห้องเรียนอย่างจริงจัง
เมื่อเด็กอ่านได้แล้ว ต้องเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ให้เกิดการอ่านคล่องยิ่งขึ้น โดยใช้สื่อที่น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ผมจึงทดลองใช้ "วรรณกรรม" นำเข้ามาเสริมต่อการเรียนรู้
โดยมุ่งเน้นที่วิชาภาษาไทยเป็นพิเศษ แต่ก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่า วรรณกรรมสามารถบูรณาการในสาระวิชาต่างๆได้ด้วย
นิยามคำว่าวรรณกรรมของผม หมายถึง หนังสือบันเทิงคดี หรือหนังสือส่งเสริมการอ่าน ประเภทนิทานคุณธรรม ที่ให้คติสอนใจ ใช้ภาษาหรือมีคำพื้นฐานไม่ยากจนเกินไป
สีสันของตัวหนังสือและภาพที่สดใส สวยจนมองดูพริ้วไหว เมื่อเด็กเปิดอ่านไปทีละหน้า แต่ละเล่มเด็กๆจะอ่านได้บ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ไม่รู้จักเบื่อหน่าย ต่อเมื่ออ่านเล่มใหม่ก็สามารถอ่านได้ทันที
นี่คือคำตอบของผม ว่าทำไมวรรณกรรม..จึงเป็นส่วนหนึ่งที่มีค่า ในการสอนภาษาไทยของผม
ครูอย่าลืมว่า ประสบการณ์ทางภาษาเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเด็กมาก เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะฝังลึกตกผลึกอยู่ในหัวใจและสมองน้อยๆของเด็ก แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าครูไม่ริเริ่มและสร้างขึ้นมา
“วรรณกรรม” จึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวครูและเด็กอีกต่อไปแล้ว มีอยู่ในห้องสมุดและมุมหนังสือ รอครูและเด็กเข้าไปไขว่คว้า สรรค์สร้างประสบการณ์ทางการอ่าน เพื่อพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิต
เพราะวรรณกรรมจะสะท้อนให้เห็นแง่คิดและมุมมองใหม่ๆ ให้เด็กเกิดความรู้และจินตนาการที่กว้างไกล เรื่องราวที่สนุกสนานและให้คติสอนใจ ล้วนจบลงในใจของเด็กอย่างสงบและอบอุ่นยิ่งนัก
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๒ กันยายน ๒๕๖๖
ไม่มีความเห็น