เหตุเกิดในร้านกาแฟ...


ผมมองไม่เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าห้าง แต่ภาพสุดท้ายที่ใกล้ตาที่สุด เป็นรถเก๋งที่ รปภ.ของห้างเดินมาเปิดประตู และเห็นพนักงานร้านกาแฟเกือบทั้งหมดช่วยกันพยุงหญิงผู้อาวุโสขึ้นรถ..เคลื่อนรถออกไป เหมือนส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลับกรุงเทพฯอย่างนั้นเลย

ในวันที่ต้องออกจากบ้าน ถึงแม้อากาศจะร้อนจัดสักเพียงใดก็ตาม ผมต้องการจะเปลี่ยนสุขภัณฑ์ในบ้าน ร้านที่ผมเลือกซื้ออยู่ในห้างใหญ่ใจกลางเมือง ที่นี่สินค้าแพงหน่อยแต่ได้มาตรฐาน ได้ของแท้และน่าจะคงทน...แต่ผมก็ใช้ของพวกนี้ได้ไม่นาน เพราะที่บ้านใช้น้ำบาดาล มีหินปูนกัดกร่อนสุขภัณฑ์ให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

วันนี้..ถึงคิวโถส้วม ก๊อกน้ำและฝักบัว ส่วนจะซื้ออย่างอื่นด้วยหรือไม่ ก็แล้วแต่คนในบ้านที่แลดูจะสุขสำราญกับการเดินห้างครั้งละไม่ต่ำกว่าชั่วโมง พอผมไปถึงห้าง สัมผัสแอร์ที่เย็นฉ่ำ ก็รู้สึกอยากดื่มกาแฟร้อนๆขึ้นมาทันที

เดินก้าวพ้นประตูห้าง..ร้านกาแฟอย่างหรูจะอยู่ซ้ายมือ ชื่อร้านภาษาอังกฤษ อ่านได้ไม่ชัดเจนนักเพราะติดอยู่ด้านหน้าในส่วนที่เลยประตูทางเข้าห้าง ด้านข้างร้านที่ผมยืนอยู่ ทำเป็นรั้วสีสดใส ไฟในร้านสลัวๆ แต่ก็พอมองเห็นข้างในว่ากว้างขวาง จัดวางเก้าอี้นวมน่านั่งเสียนี่กระไร..ว่าแล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ..ก่อนที่จะเข้าไปนั่งซดกาแฟ ตั้งใจจะนั่งให้นานสักหน่อย

เสร็จสรรพ..ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ มายืนตรงทางเข้าร้านกาแฟ..ผงะถอยหลังหนึ่งก้าว ได้ยินเสียงพรวดพราด มีคนวิ่งกรูอยู่ในร้าน แจกันกระเด็นกระทบพื้นแตกกระจาย ตู้ขนมปังสั่นสะเทือน ตามด้วยเสียงกรี๊ดร้อง วี๊ดว้าย

สิ่งที่ผมได้ยินเกิดขึ้นทีหลัง..แต่ภาพที่เห็นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย..ผู้หญิงที่ดูจะอวบอ้วนและอาวุโสสุดในร้านวัย ๓๐ ปีเศษ ในชุดฟอร์มของร้าน ใช้มือตบผู้หญิงสาวสวยอายุราว ๒๐ ปี ที่ใบหน้า แต่ไม่โดน..เธอคงไม่ถนัดในการใช้มือ แต่พอเธอใช้เท้าที่เธอถนัดเท่านั้น งานนี้ไม่มีพลาด เธอถีบเต็มแรงไปที่หัวเข่าของหญิงสาว

๑๐ วินาทีที่ผมยืนตะลึงพรึงเพริศ..ความคิดสับสนวุ่นวาย ระหว่างการจะยืนดู หรือจะอยากดื่มกาแฟต่อไป..ผมเลือกอย่างแรก โดยที่ไม่ต้องคิดนาน... ก่อนเดินเข้าไปในร้าน

หญิงที่สาวและสวยกว่าจะฮึดสู้ ทั้งที่น้ำหนักเป็นรองอยู่หลายขุม ก็พอดีพระเอกขี้ม้าขาว กระโดดขวางทางมือและเท้าของเธอ..เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่สุดในร้านนี้ ตะโกนให้เพื่อนหญิงชายที่เป็นพนักงานช่วยกันยื้อยุดฉุดกระชากนางเอกของเขาออกไป ทุกคนในร้านต่างปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมคำพูดสองคำ..ที่ต่างพูดเหมือนๆกัน

“หยุดเถอะแอน พอได้แล้ว”

ถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปหาที่นั่งเสียที ไม่ทันได้เลือกมุม..นั่งเสียชิดติดข้างฝา แถมเก้าอี้นวมก็ต่ำตัวผมก็เตี้ย เวลานั่งจึงดูเหมือนหายไปจากจอเรด้า ไม่มีใครสนใจผมสักคน..

ผมเพิ่งสังเกตเห็น โต๊ะข้างหน้าผม ที่ผมเพิ่งเดินผ่านมา เป็นผู้หญิงสาวสองคนวัยไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งอ่านนิตยสาร ตรงหน้าของเธอมีแก้วกาแฟ อีกคนเล่นโทรศัพท์ ข้างหน้ามีแก้วชาเขียวอยู่ค่อนแก้ว จานขนมปัง ๒ - ๓ ชิ้นวางบนโต๊ะของพวกเธอ เครื่องดื่มยังหมดไปไม่มาก แสดงว่ามานั่งก่อนผมไม่ถึง ๒๐ นาที

เมื่อรู้สึกว่านั่งผิดที่ จะลุกเปลี่ยนที่นั่งก็ทำได้ไม่ถนัด ผมจึงมองเห็นแค่ส่วนใบหน้าของชายหนุ่ม กำลังยืนมองหน้าผู้หญิงต้นเรื่องที่มีสีหน้าขุ่นเคืองจัด..เธอพูดไม่หยุด พูดไปด่าไป ไม่มีเหนื่อยหอบแต่ประการใด

ผมทำเหมือนว่าไม่สนใจ สอดส่ายสายตาออกไปนอกร้าน แต่หูก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ จึงได้ความว่า..."..หญิงสาวสวยระดับนางเอกของเรื่อง ที่โดนเธอตบและถีบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น..นินทาว่ากล่าวเธอผู้อาวุโสกว่า เธอคิดว่าชายหนุ่มผู้เป็นแฟนของหญิงสาว ที่กำลังยืนคุมเชิงและเป็นญาติแท้ๆของเธอนั้น เข้าข้างหญิงสาวทุกอย่าง มาทำงานสายก็ไม่ว่า สอนงานอะไรให้ก็เถียง แถมได้สิทธิพิเศษมากมายในร้าน....

ท้ายที่สุด..เธอพยายามระบายความอัดอั้นตันใจ พรั่งพรูคำพูดประมาณว่า “เอ็งน่ะรู้บ้างหรือเปล่า ลับหลัง..อีแอนแฟนของเอ็งเป็นยังไง ไปไหนกับใครบ้าง...กูรู้อยู่เต็มอก อย่าให้กูพูดเลย..."

ผมเอี้ยวตัวมองหาหญิงสาวที่ถูกกระทำทั้งมือและเท้าว่านั่งทำอะไรอยู่ที่ไหน ตู้ขนมปังบังอยู่ทำให้ผมมองเห็นเธอไม่ถนัด แต่ก็พอคาดเดาได้ว่า เธอน่าจะกำลังเล่นไลน์ หรือไม่ก็แช๊ตหาใครสักคน ก่อนจะวางมือ เอาลิปสติคมาทาปาก..สักพักชายหนุ่มมองไปเห็นเข้า..รีบพูดขึ้นทันที ก่อนที่ญาติจะหมั่นไส้ขึ้นมาอีก “แอน ออกไปก่อน” สาวที่ชื่อแอนเดินออกไป..พร้อมๆกับที่ผมลุกขึ้นยืน..เพื่อให้พนักงานในร้านเห็นว่าผมได้เข้ามานั่งในร้านนานแล้ว ชายหนุ่มหันมาเห็นผม...จึงบอกคนในร้านให้มาหาลูกค้า...”รับอะไรดีคะ”

“คาปูชิโนครับ”

พนักงานสาวร่างท้วม ใบหน้ายังอยู่ในอาการมึนงง ทั้งที่เธอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอลงมือชงกาแฟแบบไร้จิตวิญญาณ สายตาเธอสอดส่ายไปมา เหมือนระแวงภัย ผมว่าเวลานี้บุคลิกของเธอน่าจะไปเป็นรปภ.มากกว่า..

พนักงานเอาคาปูชิโนมาถึงโต๊ะผม ไม่ทันกลับหลังหัน...ยกสองของมวยคู่เอกของรายการทำท่าจะเริ่มขึ้นอีก หญิงสาวชื่อแอนที่เพิ่งเดินออกไป ตัดสินใจเดินกลับมาที่หน้าร้าน แล้วตะโกนก้องอย่างมีชัย ทั้งที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียด้วยซ้ำ

“กูไม่อยู่ก็ได้โว้ย”

เท่านั้นเอง นาทีวิกฤตก็เริ่มต้นอีกครั้ง คราวนี้หญิงผู้อาวุโสกว่าและเป็นญาติของแฟนหนุ่ม ดิ้นหลุดจากการขัดขวาง วิ่งออกไปหมายจะตะครุบเหยื่อ แต่ไม่ทันเสียแล้ว เหยื่อที่ตะโกนก้องกลับไม่รออะไรทั้งนั้น รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปตั้งหลักอยู่หน้าห้าง..พนักงานในห้างและลูกค้า เริ่มแตกตื่นโกลาหล ก่อนจะเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน..ด้วยการยืนดูเป็นกลุ่มใหญ่..

ผมมองไม่เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าห้าง แต่ภาพสุดท้ายที่ใกล้ตาที่สุด เป็นรถเก๋งที่ รปภ.ของห้างเดินมาเปิดประตู และเห็นพนักงานร้านกาแฟเกือบทั้งหมดช่วยกันพยุงหญิงผู้อาวุโสขึ้นรถ..เคลื่อนรถออกไป เหมือนส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลับกรุงเทพฯอย่างนั้นเลย

ลูกค้าผู้หญิงสองคนตรงหน้าผม ลุกขึ้นวางเงินไว้ที่โต๊ะสองร้อย แล้วเดินออกไป ....สักพักพนักงานหญิงคนหนึ่งกลับเข้ามาในร้่าน มองเห็นเงินแล้วมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ..ผมก็ได้เวลากลับออกไปเหมือนกัน เพราะว่าละครแห่งชีวิตบนเวทีแห่งนี้ได้จบลงแล้ว.. ผมส่งเงินแบ๊งร้อยให้พนักงาน


“ไม่รับหรอกค่ะ เจ้าของร้านบอกไม่ต้องคิดเงินค่ะ” งานนี้กินฟรีดูฟรีว่างั้นเถอะ ผมคิดในใจ

ผมเดินออกจากร้านกาแฟ ที่มีเรื่องราวให้เรียนรู้..ว่าความโกรธ..มันรุนแรงเหมือนพายุไม่มีผิด ความโกรธทำให้ขาดสติ เราจึงไม่ควรโกรธใคร หรือทำให้ใครโกรธ ผมคิดได้แค่นี้

พอคิดได้อย่างนี้ คำสอนของคุณพระคุณเจ้าก็แว่วเข้ามาในโสตประสาทในทันทีทันใด “ทุกครั้งที่จะโกรธ จงเตือนตนไว้เสมอว่า โกรธคือโง่..โมโห คือบ้า..ไม่อยากโง่ ไม่อยากบ้า ก็อย่าโกรธกันเลย...”

สาธุ.......

หมายเลขบันทึก: 717895เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2024 07:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน 2024 07:33 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เหมือนละครแห่งชีวิต(สมัยนี้) ที่น่าตื่นเต้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าทำไมไม่รับเงินค่ากาแฟของคุณชยันต์ ไม่รู้จะเหมือนผมหรือเปล่า ที่ก่อนสั่งกาแฟ เขาก็ไม่ขายผมเสียแล้ว เขาบอกว่าจะรับเฉพาะเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียว เงินสดของผมเขาไม่รับ ผมเลยอดกินกาแฟ ร้านนี้ดังสัญลักษณ์เป็นแบบนางเงือกสยายผม…วิโรจน์ ครับ

ที่เขาไม่รับ ผมเดาว่า น่าจะขอโทษที่บรรยากาศในร้านไม่สู้ดี ดังนั้น แทนคำขอโทษ ก็คือ ไม่รับตังค์จะดีกว่า แต่นั่นแหละ จริงๆเขาควรคิดตังค์ เพราะสำหรับผมกาแฟถูกมาก มันคุ้มมาก ได้ดื่มกาแฟดำ พร้อมดูละครที่ตื่นเต้นเร้าใจ

ดูบรรยากาศร้านสวยดีนะคะ

เราทำใจได้เลยได้กินฟรี 55

แต่ระวังลูกหลงนะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท