ตุลย์ ตามศัพท์แปลว่า ใคร่ครวญ พิจารณา ตรวจสอบ ... แต่ในที่นี้บ่งชี้เครื่องมือชนิดหนึ่งเรียกว่า คันชั่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบน้ำหนักนั่นเอง
คันชั่ง เป็นเครื่องมือโบราณที่ใช้ชั่งน้ำหนักสิ่งของ...ลักษณะของคันชั่งจะเป็นไม้หรือโลหะอื่นยาวๆ... ด้านหนึ่งจะแขวนหรือรองรับน้ำหนักที่เป็นมาตรฐาน อีกด้านหนึ่งก็จะแขวนหรือรองรับสิ่งของที่จะชั่ง ส่วนตรงกลางจะมีศูนย์ถ่วงเป็นฐานรองรับน้ำหนักทั้งสองด้านที่แผ่ลงมา... คันชั่ง ก็ยังคงมีใช้อยู่บ้าง แม้ว่าจะมีเครื่องชั่งชนิดอื่นอีกมากมายในปัจจุบัน...
นัยสำคัญของคันชั่งจึงเป็นความหมายของคนในราศีนี้ ...การที่คันชั่งใช้วัดความสมดุลของสิ่งของทั้งสองด้าน นั่นคือ คนราศีนี้จะเป็นคนละเอียดลออ มีความสุขุมรอบคอบ มีเหตุมีผล อยู่กับความเป็นจริงมากกว่าความเฟ้อฝัน...
คันชั่งใช้รองรับสิ่งของอื่นๆ อยู่เสมอ นั่นคือ คนราศีนี้อาจมีบุคลิกเคร่งเครียด จริงจัง ไม่ค่อยร่าเริง เท่าที่ควร...
คันชั่งใช้ในกิจการค้าขาย นั่นคือ คนในราศีนี้ มักจะมีแนวโน้มที่จะเป็นพ่อค้าแม่ขาย หรือนักธุรกิจ นักการบัญชี นักการธนาคาร ....
กระทรวงยุติธรรม จะใช้คันชั่งเป็นสัญลักษณ์ประจำกระทรวง..ซึ่งเป็นความหมายที่งอกขึ้นมา นั่นคือ การตรวจสอบความผิดความถูกของคนจะต้องถูกต้องแม่นยำประดุจคันชั่ง...นั่นคือ คนในราศีนี้จะเป็นผู้มีความยุติธรรม หรือมีความเหมาะสมที่จะทำงานในกระบวนการยุติธรรม....
อนึ่ง คนในราศีตุลย์ ยังถุกตีความว่ามีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ หรือเป็นนักคำนวนชั้นเลิศ อีกด้วย ทั้งนี้มาจากความละเอียดรอบคอบ หรือความเที่ยงตรงของคันชั่ง นั่นเอง...
นมัสการพระอาจารย์ค่ะ
ยังตามอ่านอยู่ค่ะ สนุกดีค่ะ ไว้จะprintออกมาไว้ทุกราศีเลยค่ะ
คำอธิบายของพระอาจารย์ที่แตกต่างจากที่เคยอ่านมาก็คือ
การอธิบายจากลักษณะของตัวสัญลักษณ์ประจำราศี
แล้วมาโยงเข้าถึงลักษณะบุคลิกของในแต่ละราศีหน่ะค่ะ
ที่จะทำให้ผู้ได้อ่านได้ฟังจดจำได้ง่าย พระอาจารย์คงเป็นอาจารย์ที่
สอนหนังสือเก่ง ลูกศิษย์ไม่หลับ ทำนองนั้นมั้ยคะอาจารย์แคธ
ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าสอนเก่งหรือไม่ ต้องถามลูกศิษย์...
บางครั้งลุกศิษย์ก็หลับ เพราะอาจารย์อนุญาตให้หลับในห้องได้ โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเราคุย (นอกเรื่อง) ในห้องจะบาป ๒ เท่า คือ เราไม่รู้เรื่องแล้ว จะทำให้คนอื่นไม่รู้เรื่องไปด้วย... แต่ถ้าเราหลับคนเดียว เราก็บาปแต่เราเท่านั้น คือ เราไม่รู้เรื่องคนเดียว....
อาตมาตอนเป็นนักเรียนก็หลับในห้องบ่อยๆ (5 5 5) พอตื่นมาก็ฟังต่อ...บางครั้งอาจารย์ถามใครตอบไม่ได้ ก็ปลุกให้อาตมาตอบ ปรากฎว่าตอบได้ (5 5 5) ...แต่บางครั้งก็ตอบไปคนละเรื่องก็มี (5 5 5.....)
อีกอย่างที่อ้างกับนักเรียนก็คือ เพื่อนที่ชวนเราคุยในห้องก็ไม่ควรคบ เพราะชักนำเราในทางเสียหาย นั่นคือ ตัวเองไม่สนใจแล้ว จะมาชักนำให้เราไม่สนใจไปด้วย...
เจริญพร
จากที่เล่ามาเกี่ยวกับราศีตุลย์ พอจะตรงกับน้องสาวคนนี้บ้างมั้ยค่ะ ^_^
..ณิช..
นมัสการพระคุณเจ้า
ขอเรียนถามว่า คนๆหนึ่งมีหลายราศีได้หรือเปล่าคะ
บางคนบอกว่า เกิดเดือนไหนราศีนั้น บางคนบอกว่าขึ้นกับเวลาตกฟาก บางคนบอกว่าขึ้นกับผูกดวง ทีนี้ถ้าทั้งสามไม่ตรงกัน
ถ้าเอามาผสมกันได้ไหมคะ เขาทำกันไหมคะ
ขอบพระคุณค่ะ
ลุงปั๋น |
ต้องผสมผสานอีกหลายอย่างครับ คุณโยมลุง...
ตามที่เล่าไปเป็นเพียงการแปลความหลาย ราศี เท่านั้น ซึ่งต้องประมวลหลายๆ อย่างเข้ามาอีก...
.....
๑ ปี โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ได้ ๑ รอบ ..ดังนั้น ๑ ปี จึง นับได้ ๑๒ ราศี
๑ เดือน จันทร์หมุนรอบโลกได้ ๑ รอบ.. ดังนั้น ๑ เดือน จึง นับได้ ๑๒ ราศี
๑ วัน โลกหมุนรอบตัวเองได้ ๑ รอบ.. ดังนี้น ๑ วัน จึง นับได้ ๑๒ ราศี
เฉพาะ ลัคนา จะกำหนดภายในหนึ่งวัน แล้วแบ่งเป็น ๑๒ ราศี..
ทุกๆ ท่าน คงจะพอเข้าใจ เวลาทำนาย หมอดู ก็จะใช้ราศีตามนัยนี้ ผสมกัน แต่ อะไรมีอิทธิพลมากหรือน้อย ? ...และยังมีดวงดาว ธาตุ ฤกษ์... ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการทำนายอีกด้วย...
สรุปว่า โหราศาสตร์ รายละเอียดมาก ครับ
เจริญพร ทุกท่าน