การควบคุมอาหาร ( 1 )


การควบคุมอาหารแนะนำให้เริ่มที่การลดปริมาณอาหารที่กินเข้าไปก่อน เคยกินอะไรก็กินอย่างนั้น อย่าทำให้ต้องเดือดร้อนกันทั้งบ้านหรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเลย ปัจจุบันเป็นเจ้าของสูตร กินครึ่งเดียว หรือ กินแล้วเหลือ ไม่แนะนำให้อดข้าวเป็นมื้อๆเพราะทรมานเกินไป ร่างกายจะทนไม่ค่อยไหว

       

        การลดน้ำหนักตัวที่ได้ผลต้องทำทั้ง 3 อย่าง ควบคู่กันไป คือ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม          

        

       วันนี้จะพูดเรื่องการควบคุมอาหารก่อน การควบคุมอาหารแนะนำให้เริ่มที่การลดปริมาณอาหารที่กินเข้าไปก่อน  ยังไม่ต้องเน้นที่ประเภทอาหาร  และไม่ต้องปวดหัวกับการคำนวณแคลอรีต่อมื้อหรือต่อวันด้วย                  

       บางคนมีสูตรการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารตามโปรแกรม (แถมด้วยการนวดหรือใช้อุปกรณ์เพื่อลดไขมัน ก็เข้าข่ายเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะเพื่อให้สุขภาพดีโดยไม่ต้องออกแรงเลย)  มีการวางแผนล่วงหน้าไว้เลยว่าในแต่ละวัน  แต่ละมื้อจะกินอาหารประเภทไหนบ้าง  กินกี่แคลอรี  แต่ปฏิบัติลำบาก  เพราะบางครั้งไปทำงานหรือเดินทาง  เจอร้านข้าวแกงแต่จะกินสลัด  มีมะละกอ ส้มโอแต่จะกินแตงโม เพื่อนๆพาไปกินข้าวหมูแดงแต่ดันจะกินข้าวคลุกกะปิ  ก็คงไม่สดวกที่จะทำ                  

        การลดปริมาณอาหารจะทำได้ง่ายกว่า  เคยกินอะไรก็กินอย่างนั้น  อย่าทำให้ต้องเดือดร้อนกันทั้งบ้านหรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเลย  เคยกินก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม  ก็กินเหมือนเดิม  แต่ชามที่ 2  ให้เหลือไว้หน่อยนึง ( ลูกชิ้น 1 ลูก กับเส้นอีกหน่อยนึง   หรือถ้าทำใจไม่ได้จริงๆ  ก็กินลูกชิ้นให้หมดแต่เหลือเส้นไว้เยอะหน่อย อิอิ )   อีก 2-3  อาทิตย์ถ้าเริ่มทนได้ก็เริ่มให้เหลือมากขึ้น ( ค่อยๆลดนะครับ )   จนกระทั่งชามที่  2  ก็จะกินแค่ลูกชิ้น 1 ลูกกับเส้นอีกนิดหน่อย    ตรงนี้ท่านก็จะเริ่มถามตัวเองว่าแล้วจะสั่งชามที่  2  มาทำไม ?   อาจใช้เวลานานถึง 6  เดือนหรือ  1 ปีถึงจะลดเหลือชามเดียวได้   แต่เท่ากับท่านลดอาหารมื้อกลางวันได้ครึ่งนึงแล้วนะครับ                 

 

        ข้าวก็เหมือนกัน  เคยกิน 2 จาน  ก็เริ่มเหลือจานที่ 2 ไว้หน่อยนึง (1 ช้อน)  หรือจะค่อยๆตักชามที่ 2 ให้น้อยลงเรื่อยๆ  จนเหลือกินมื้อละ 1 จาน                    

        ขนมหวาน ผลไม้ อาหารว่างและกาแฟก็เหมือนกันนะครับ   ปัจจุบันเป็นเจ้าของสูตร กินครึ่งเดียว  หรือ  กินแล้วเหลือ  (แต่ถ้าตักหรือหยิบเองก็จะตักหรือหยิบน้อยลงนะครับ) เพราะเวลาประชุมหรืออบรมสัมนา  ถ้ามีอาหารว่าง  ก็จะกินเค็กครึ่งนึง  กาแฟครึ่งนึงเป็นนิสัย  น้ำอัดลม  น้ำหวานเลิกหมดเลย    

              

        ไม่แนะนำให้อดข้าวเป็นมื้อๆเพราะทรมานเกินไป  ร่างกายจะทนไม่ค่อยไหว  การค่อยๆลดปริมาณอาหารใช้เวลา 1-2 ปีก็ได้ผลเหมือนกัน  ไม่ต้องทรมานร่างกายหรอกครับ  และการค่อยๆลดปริมาณอาหารให้ผลระยะยาวดีกว่าด้วยนะครับ  ขอให้สนุกกับการค่อยๆลดปริมาณอาหารและการลดน้ำหนักตัวนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 76035เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2007 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
อย่างนี้เขาเรียกว่าช้าแต่ชัวร์ใช่ไหมคะ ?

  . คุณหมอค่ะ หนูอยากถามว่า..

  . ถ้าพวกที่เคยกินยาลดน้ำหนักมาแล้ว..

  . ทำยังไงถึงจะไม่อ้วนอีกคะ...

  . เพราะส่วนมากมีแต่คนอ้วนเหมือนเดิมค่ะ..

  . และจะมีวิธีแก้ ไม่ให้เวลาทานอาหารนั้น มีความรู้สึกยิ่งทานยิ่งอร่อย สุดท้ายก็ทานจนหมดค่ะ..

  . พอจะมีวิธีบ้างไหมค่ะ....

....ขอบคุณมากค่ะ......

......pam .....

   ตามมาเพี่มเติม

..คือ..อยากเข้าคลีนิคหุ่นดี..กับคุณหมบ้างจังเลยค่ะ

...อิ..อิ...อิ...

  • คุณ pam  อยากแนะนำให้ค่อยๆอ่านทั้งคนเคยอ้วน  และคนชอบวิ่งนะครับ  จะเอาไปพิมพ์เป็นเล่มไว้ค่อยๆอ่านก็ได้นะครับ  อิอิ
  • ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆก็ทำได้แน่นอนครับ  แต่ต้องไม่หักโหม  หรืออยากลดมากๆในเวลาสั้นๆ  เพราะร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน
  • ไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดนะครับ  ตั้งใจไว้เลยว่าจะลดให้ได้  ปีละ 3-6 กิโลกรัมก็พอครับ  ผมใช้เวลา 3-4 ปีครับ  ค่อยๆลดอาหาร  ค่อยๆเพิ่มการออกกำลังกาย  และค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • การบันทึกว่าตั้งใจจะทำอะไร  มากน้อยแค่ไหน  แล้วบันทึกว่าทำจริงๆ  ทำได้แค่ไหน  ได้ผลเป็นอย่างไรก็จะช่วยได้มาก  ทำให้เราทราบสาเหตุเวลาที่มีปัญหาหรือไม่ได้ผลครับ
  • เอาใจช่วยให้ประสพความสำเร็จนะครับ  อิอิ

ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่ค่ะลดได้เกือบ2เดือนน้ำหนักลงไป4โล

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท