ทบทวน
ได้นำเสนอไว้ในตอนแรกว่า โดยทั่วไปสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ได้จำแนกผู้รับบริการในสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. คนเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง
2. คนไร้ที่พึ่ง คนที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม
3. คนขอทาน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำส่ง เนื่องจากกระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พุทธศักราช 2484
และอาจจำแนกกลุ่มผู้รับบริการตามลักษณะการเจ็บป่วยทางจิต ก็อาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ผู้พิการทางจิต ซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ มีญาติหรือผู้ปกครองแต่ไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูที่บ้านได้ เพราะเหตุแห่งฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว หรืออาจมาจากไม่สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวหรือชุมชนได้ กับประเภทไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดู เพราะเหตุที่ต้องออกมาเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และ
กลุ่มที่ 2 คนขอทาน แบ่งเป็น 1) คนขอทาน เร่ร่อน พิการร่างกาย สติปัญญาล่าช้า ไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดู และ 2) คนขอทาน ทั้งคนไทย และคนต่างชาติที่ขอทานเป็นอาชีพ
ฤดูกาลทำนา ก็ทำนาร่วมกันในพื้นที่ของสถานสงเคราะห์
ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้รับบริการ และชุมชนใกล้เคียง
ข้อมูลทั่วไปผู้รับบริการ (มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มคนเร่ร่อน/คนไร้ที่พึ่ง)
ผู้รับบริการ (หรือ "ผู้รับการสงคราะห์" ถ้าเรียกตามระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยการสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งในสถานสงเคราะห์ ดังนั้น คำว่า "ผู้รับฯ" ถ้าพูดกันในแวดวงสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ให้เข้าใจว่าหมายถึง ผู้รับการสงเคราะห์) ที่เข้ารับบริการในสถานสงเคราะห์ เมื่อจำแนกตามผู้นำส่งแล้วก็มาจากหลายทิศทาง ทั้งจาก ได้แก่ พมจ. โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ท้องถิ่นเทศบาล มูลนิธิ ผู้นำชุมชน พระสงฆ์ หรือญาติ
เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว ข้อมูลบุคคลของผู้รับบริการ มีลักษณะ ดังนี้
• อายุ ส่วนใหญ่เป็นวัยผู้ใหญ่ อายุไม่ชัดเจน เฉลี่ยโดยทั่วไป 30 ปี ขึ้นไป บางคนสามารถบอกอายุได้ แต่ส่วนใหญ่บอกไม่ได้ ดังนั้น ข้อมูลส่วนนี้ มีจำนวนไม่น้อยที่ระบุว่า "วัน เดือน ปี เกิด โดยประมาณ"
• เพศ หากดูภาพรวม จะเห็นว่าชายมีมากกว่าหญิง
• ภูมิลำเนา ส่วนใหญ่ผู้รับบริการจำไม่ได้ เนื่องจากเร่ร่อนมานาน มีบ้างที่บอกได้ แต่เมื่อติดตามจริง ไม่มีบ้านที่มีเลขที่นั้นแล้ว หรือมีแต่ญาติไม่รับว่าเป็นญาติของตน
• การศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาเนื่องจากมีอาการทางจิต–ประสาท ไม่สามารถเรียนได้
• ฐานะเศรษฐกิจทางครอบครัว ส่วนใหญ่ยากจนหรือถูกทำให้ยากจน มีบางคนที่ครอบครัวมีฐานะหรือพ่อแม่ผู้รับบริการมีฐานะ แต่ไม่สามารถดูแลคนพิการที่บ้านได้ หลายคนมีทรัพย์สินมรดกแต่เมื่อภายหลังเสียชีวิตไปแล้ว ญาติจะรับประโยชน์นั้นแทนหรือแบ่งให้ผู้รับบริการบางส่วน ด้วยการใช้วิธีการทางกฎหมายให้ศาลสั่งให้ผู้รับบริการเป็นผู้พิการ ทุพพลภาพต้องมีผู้อุปการะ
• เอกสาร หลักฐานบุคคล มากกว่าร้อยละ 70 ของผู้รับบริการ ไม่มีหลักฐานประจำตัว บางคน จำชื่อ นามสกุลได้ แต่เมื่อสืบค้นจากทะเบียนกลาง ไม่ปรากฏชื่อ ตามที่อยู่ หรือไม่มีในทะเบียนราษฎร์กลาง ทำให้ไม่สามารถออกหลักฐานที่อ้างอิงจากเลขประจำตัวประชาชน หรือ เลข 13 หลักได้ บางคนต้องตั้งชื่อ-นามสกุลให้ใหม่ เพื่อไปรับบริการด้านการรักษาพยาบาล
อย่างไรก็ดี ข้อมูลบุคคลเหล่านี้ มีการปรับเปลี่ยนได้อยู่เสมอเมื่อผู้รับบริการจำข้อมูลบุคคลของตนเองได้เพิ่มเติม
มีอยู่เสมอ ที่วันดีคืนดี ผู้รับบริการเดินมาบอกว่า
"พ่อ จำได้แล้ว บ้านหนูอยู่........"
ถ้าเป็นอย่างนั้น กระบวนการตามญาติ/นำส่งครอบครัวก็เริ่มเกิดขึ้นละ....
เรื่องเกี่ยวข้อง
1. เรื่องของสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง : วงจรชีวิตคนไร้ที่พึ่ง (1)
ปัจจุบันหนูท้อง 6 เดือน มีลูกชายคนโตอายุ 4 ขวบกว่า อยู่กับสามีที่ชัยนาท ปัญหาของหนูคือน้าชายซึ่งตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่ สติไม่ค่อยดีเนื่องจากกินเหล้ามากเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสวนปรุงหลายครั้ง จนครั้งล่าสุด รพ.บอกไม่รับแล้วเพราะออกมาก็มากินเหล้าอีก เมื่อก่อนอยู่กับยาย แต่ตอนนี้ยายเสียไปแล้ว แม่ของหนูก็เลยดูแลเรื่องอาหารการกินให้ แต่อีก 3 เดือนหนูจะคลอดลูก แล้วแม่ของหนูก็แก่มากแล้ว หนูอยากให้แม่มาอยู่กับหนูที่ชัยนาทแล้วก็ช่วยหนูดูลูกด้วย น้าชายก็จะไม่มีคนดูแล หนูติดต่อไปหลายที่ส่วนใหญ่บอกว่าเต็มจนล้นต้องรอคิวก่อน แต่เวลาของหนูมีไม่มากนัก รบกวนให้คำแนะนำหนูหน่อย ว่าหนูจะทำยังไงให้น้าชายมีคนดูแลและที่พักที่ไว้ใจได้ เพราะอยู่ที่เดิมก็จะกลับไปกินเหล้าอีก จะเอามาอยู่ด้วยก็ไม่สะดวก ถ้าให้มาอยู่ที่นี้จะต้องทำยังไงบ้างคะ ช่วยโทรกลับหาหนูหน่อยที่ 089-6398654
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากจะเรียนสอบถาม
มีชายเร่ร่อน2คน สติไม่ดีทั้งคู่ อาศัยอยู่ตามสถานีตำรวจและรอบตลาด ดิฉันอยากที่จะส่งเข้าองค์กรที่สามารถจะช่วยพวกเขา ดิฉันจะต้องไปเริ่มต้นที่ไหน และมีองค์กรใดบ้างที่ช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้