นอกจาก สกุล (Genus) และ ชนิด (Species) ) แล้ว... คำนิเทศ (Predicables) ที่มีนัยสำคัญสูงก็คือ ความผิดแผกเฉพาะ ....
การที่สิ่งหนึ่งแตกต่างจากสิ่งหนึ่งนั่นเอง เรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ เช่น...
วัวแตกต่างจากควาย
แมวแตกต่างจากสัตว์
พืชแตกต่างจากสัตว์
ซ่อนกลิ่นแตกต่างจากพืช
ก้อนหินแตกต่างจากขนม
อมยิ้มแตกต่างจากแมวน้ำ
....ฯลฯ...
ซึ่งสิ่งที่ทำให้วัวแตกต่างจากควาย หรือสิ่งที่ทำให้อมยิ้มแตกต่างจากแมวน้ำ นี้เอง เรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ...
เมื่อพิจารณาการเชื่อมโยงของคำศัพท์เหล่านี้ ก็จะเห็นว่าความผิดแผกเฉพาะว่ามี ๒ ลักษณะ คือ
๑. ทำให้คำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์เป็นสกุลกับชนิดแตกต่างกัน นั่นคือ ความผิดแผกเฉพาะมีหน้าที่ทำให้สกุลแตกต่างจากชนิด เช่น
สัตว์แตกต่างจากวัว (สัตว์เป็นสกุล แต่วัวเป็นชนิด ...สิ่งที่ทำให้สัตว์และวัวแตกต่างกันนี้เอง เรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ)
พืชแตกต่างจากทองกวาว (พืชเป็นสกุล แต่ทองกวาวเป็นชนิด...สิ่งที่ทำให้พืชและทองกวาวแตกต่างกันนี้เองเรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ)
อนึ่ง ความแตกต่างระหว่างสกุลกับชนิดนี้ เมื่อผูกเป็นประพจน์ ก็อาจได้ว่า....
วัวทุกชนิดเป็นสัตว์ (แต่ สัตว์บางชนิดเป็นวัว)
ทองกวาวทุกชนิดเป็นพืช (แต่ พืชบางชนิดเป็นทองกวาว)
๒. ทำให้คำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กันเป็นชนิดกับชนิดแตกต่างกัน... นั่นคือ ความผิดแผกเฉพาะทำให้ชนิดหนึ่งแตกต่างจากอีกชนิดหนึ่ง เช่น
ก้อนหินแตกต่างจากขนม (ก้อนหินและขนมต่างก็เป็นชนิดของสิ่งอื่น สิ่งที่ทำให้ก้อนหินและขนมแตกต่างกันนี้เอง เรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ)
อมยิ้มแตกต่างจากแมวน้ำ (อมยิ้มและแมวน้ำต่างก็เป็นชนิดของสิ่งอื่น สิ่งที่ทำให้อมยิ้มและแมวน้ำแตกต่างกันนี้เอง เรียกว่า ความผิดแผกเฉพาะ)
อนึ่ง ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นชนิดของสิ่งอื่นทำนองนี้ เมื่อผูกประพจน์ ก็อาจได้ว่า
ไม่มีก้อนหินใดเป็นขนม (ไม่มีขนมใดเป็นก้อนหิน)
ไม่มีอมยิ้มใดเป็นแมวน้ำ (ไม่มีแมวน้ำใดเป็นอมยิ้ม)
....ผู้เขียนจะนำประเภทของคำนิเทศที่มีนัยธรรมดาหรือไม่สำคัญ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความผิดแผกเฉพาะมาขยายความต่อไป...
..........
หมายเหตุ.....
ประพจน์ (Proposition) คือ ประโยคที่สามารถบ่งชี้ว่าจริงหรือเท็จได้ ซึ่งผู้เขียนจะนำมาขยายความเมื่อถึงเรื่องนี้....
ไม่มีความเห็น