ทันทีที่เจ้าแดนไทถูกจับให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใสสะอาดเป็นที่เรียบร้อยก็ถูกนำตัวไปกราบขอพรยายทวดบนเรือนใหญ่ ...
แรกเริ่มผมก็เกรงอยู่ไม่น้อย - กลัวว่าเจ้าตัวจะงอแงไม่ยอมขึ้นบนเรือนใหญ่ เพราะเกรงว่าความที่ไม่คุ้นเคยทั้งเรือนไม้และยายทวดจะพลอยทำให้แกหันเหไม่ให้ความร่วมมือ
กระนั้นก็ผิดคาดอย่างมหาศาล เนื่องจากเจ้าแดนไทเดินดิ่งขึ้นบันไดและก้มกราบยายทวดอย่างไม่เขินอายและไม่มีวี่แววของการขลาดกลัวคนแก่ในวัยชราเลยแม้แต่น้อย
นั่นอาจเป็นผลพวงที่มาจากการได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนแก่คนเฒ่ามาอย่างยาวนาน ครั้นพบเจอคนแก่ในวัยชราจึงคุ้นชินไปโดยปริยาย...
ตลอดทั้งวันของวันที่ 14 เมษายน....เจ้าแดนไทกลายเป็นขวัญใจพ่อยกแม่ยกของคนในเครือญาติ ใครต่อใครก็รับขวัญหลานด้วยเงินมากน้อยผสมปนเปกันยกใหญ่
สำคัญที่เฮฮากันนักก็คือการที่เจ้าจุกของผมไม่ยอมรับเงินเหล่านั้นด้วยวิธีธรรมดา แต่จะจำแลงตนห่มผ้าเป็นเณรน้อยคล้องบาตรออกบิณฑบาตรับเงินจากญาติโยมอย่างถ้วนทั่ว - สร้างความพออกพอใจให้กับทุกคนและคึกคักกันเป็นพิเศษ....
วันทั้งวันทุกอย่างเต็มไปด้วยเสียงแห่งชีวิตและความสุขอันหลากล้น...เจ้าแดนไทกลมกลืนอยู่ในบรรยากาศของความรักอย่างสนิทแน่น ราวกับคนคุ้นเคยที่อยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน
รุ่งเช้าของวันที่ 15 เมษายน...เป็นเวลาที่ผม - แฟนและเจ้าแดนไทต้องเดินทางกลับมายังกาฬสินธุ์อีกครั้ง...หลายคนก็แซว ๆ ขำ ๆ กันไม่หายว่าผมเอาแรงมาจากที่ไหนขับรถข้ามจังหวัดเป็นว่าเล่น ...เดี๋ยวมาเดี๋ยวไปราวกับไม่รู้จักคำว่า "เหน็ดเหนื่อย"
(ผมเหนื่อยสิครับ...แต่จุดหมายปลายทางมีความหมายและความสำคัญต่อชีวิตของผมมาก ...ผมจึงมีความสุขและมีพลังชีวิตที่พร้อมจะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ)
เราใช้เวลาร่ำลากันนานโข...เจ้าแดนไทยังคงถูกแกล้งส่งท้ายอย่างเมามัน เจ้าตัวออกอาการงอนและบ่นในทำนองว่าเมื่อไหร่จะกลับกันสักที !
บรรดาพี่ป้าน้าอาทั้งหลายไม่ลืมที่จะรบเร้าให้แกบิณฑบาตรับเงินอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็สนองตอบอย่างไม่ยากเย็น พร้อมกับบอกว่าเงินเหล่านี้จะใช้เป็นค่าน้ำมันรถกลับกาฬสินธุ์
ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจาชายคาบ้าน...ยายของแดนไทเดินเข้ามาประชิดตัวรถเพื่อร่ำลาหลานรัก พร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้กับเจ้าแดนไทพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ยายไม่มีอะไรให้..."
สักครู่...แดนไทก็หันมายังผมและเอ่ยถ้อยคำที่ไม่ยืดยาวนัก แต่ก็เป็นจังหวะจะโคนที่ชัดเจน ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ผมและแฟนไม่ได้สอนหรือบอกให้เขาพูด และถ้อยคำเหล่านั้นก็ทำเอาผมนิ่งงัน - สะท้อนใจในความรู้นึกนึกคิดของเขาเป็นอย่างมาก
"แดนสิมาอีกอยู่เด้อ... สงสารยายหวี... ยายหวีบ่มีหยังให้.. สงสารยายหวีอยู่ผู้เดียว... แดนสิซื้อของมาให้ยายหวี..."
นั่นคือทุกถ้อยคำที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีการดัดเปลี่ยนกระบวนคำและถ้อยความใด ๆ .. นั่นคือความรู้สึกนึกคิดของเจ้าจุกแสนซนของผม
รถเคลื่อนตัวช้า ๆ .. แดนไทยังคงโบกไม้โบกมือออกมานอกกระจกรถและพูดด้วยเสียงอ่อยในทำนองเดิมกับเมื่อครู่....ขณะที่หัวใจของผมก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
สงกรานต์ย้อนหลังนะครับ
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
เข้ามาเยี่ยมครั้งหนึ่งแล้วแต่ net มีปัญหา คงไม่ช้านะคะที่ขอชื่นชมบรรยากาศของครอบครัวอบอุ่น
กำลังสนใจเรื่องสมองกับการเรียนรุ้ เพราะมีห้องเรียนทดลอง "การพัฒนาการเรียนการสอนแบบ BBL" โดยทดลองกับนักเรียนชั้นป.1 เฉพาะการจัดการเรียนรู้ทางด้านภาษาไทย"
เมื่อได้อ่านบทความของท่าน.....ปิ้งเลย.....นี่แหละการเรียนรู้แบบ BBL
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
อ่านแล้วซึ้งใจในความรู้คิดของน้องแดนยิ่งนัก..เบิร์ดมั่นใจว่าต้นกล้าต้นนี้จะเติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่ทรงคุณค่าของสังคมไทยต้นหนึ่งเลยล่ะค่ะ
ขอบคุณสำหรับความงดงามซาบซึ้งในบันทึกนี้..อ่านแล้วใจไหวๆ..และขอบตารื้นเลยล่ะค่ะ
สวัสดีครับ พี่อัมพร
สุขสันต์วันสงกรานต์ - วันขึ้นปีใหม่ย้อนหลัง...
อยู่ดี มีแฮง..แข็งแฮงทุก ๆ มื้อเด้อ..
อ่านแล้วมีรู้สึกมีความสุขดี
หากผมมีโอกาสไป มมส.คงจะได้เจอ หลานแดนไท นะครับ
ดูจ้ำหม่ำมากกว่าเดิมนะครับ
ไกล ใกล้แค่ไหนไม่สำคัญ..หรือมากกว่า 1,100 กิโลเมตรผมก็ยังต้องไป ขอเพียงจุดหมายนั้นมีคนสำคัญรอเราอยู่...(คุ้มเดินคุ้ม)
ขอบคุณครับ
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บันทึกนี้มีความดีอยู่บ้าง..เพียงเพราะแรกเริ่มก็คิดว่าจะเน้นแต่เฉพาะความรื่นเริงของเรื่องราวเท่านั้น
ผมจะพยายามเก็บตกคำพูดของลูก ๆ เสมอ..และชอบนำมาขบคิดว่าเขารู้สึกต่อโลกและชีวิตอย่างไรบ้าง...
บางทีก็นึกอยากจะบันทึกถ้อยคำของเขาไว้..โตขึ้นก็ทำเป็นหนังสือเล็ก ๆ มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเขา..ไม่รู้เขาจะชอบหรือเปล่า...
ขอบคุณครับ
เร่ง ๆ หาแม่ให้ลูกได้แล้วนะครับ...เด็กทุกคนน่ารักเสมอ..ดูจากเด็กบ้านนอก ไม่มีเสื้อใส่ ขี้มูกไหลย้อยเป็นทาง - ดูยังไงก็น่ารักเสมอแหละ...
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ผมคงไม่ขออะไรมากจากลูก...โตขึ้นขอเพียงไม่เป็นภาระและปัญหาของสังคมก็น่าจะเพียงพอแล้ว...และกำลังจัดเก็บบันทึกเหล่านี้ไว้ให้พวกเขา อย่างน้อยโตขึ้นเมื่อเขาได้อ่าน เขาจะได้รู้ว่า....ความรู้สึกอันดีงามของพ่อ - แม่และมิ่งมิตรชาวบล็อกที่ส่งถึงเขานั้นยิ่งใหญ่และอบอุ่นยิ่งนัก...ซึ่งอาจเป็นแรงขับให้เขาไปสู่เส้นทางที่ดีได้
และหากแม้นเขาเป็นต้นกล้าของแผ่นดิน...ผมก็ยิ่งตายตาหลับ...
ขอบคุณครับ
อันที่จริงผมก็เพิ่งมีโอกาสได้หยุดราชการในเทศกาลสงกรานต์นี่แหละครับ... 4 - 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้กลับไปร่วมกิจกรรมกับทางญาติเลยก็ว่าได้...
ปีนี้...ผมมีความสุขมากครับ
ช่วงนี้ยังไม่ได้มีเวลาตั้งหลักไปแลกเปลี่ยนบันทึกของคุณเอกเลยนะครับ..แต่ก็ติดตามอ่านทุกครั้ง...
ยินดีต้อนรับสู่มหาสารคามทุกเมื่อ...และรับรองว่าได้เจอตัวซนทั้งสองของผมอย่างแน่นอน...ตอนนี้น้องแดนอ้วนพี ๆ แข่งกับผมแล้ว...แถมยังแซวว่าตอนนี้น้องแดนมีพุงเหมือนพ่อแล้วนะ...
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะพี่แผ่นดิน
หลานน่ารักมาก ๆ ไม่คิดเลยค่ะว่าเด็กตัวเท่านี้พูดได้จับใจขนาดนี้ ในอนาคตเขาจะเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง ซึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดมาอย่างดีจากครอบครัวที่อบอุ่น น่ารัก และเป็นตัวอย่างที่ดี และอนาคตเขาจะเป็นคนตัวอย่างอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยค่ะ
อันที่จริงแดนไทเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา - ค่อนข้างแข็ง ๆ ห้วน ๆ เลยด้วยซ้ำไป แต่คราวนี้ผมเองก็สังเกตว่าแกไม่งอแง ..กล้าเข้าหายายทวดโดยไม่ต้องลากจูง...และรู้สึกที่สะเทือนไหวต่อคำพูดของผู้ใหญ่โดยที่เราไม่ต้องอธิบาย...
อนาคตก็หวังแต่เพียงให้เขาเติบโตโดยไม่เป็นภาระสังคม...ผมก็สุขใจเป็นที่สุดแล้ว
ขอบคุณครับ
รับรู้ได้ว่าน้องแดนสื่อสารกับผู้ใหญ่ได้ดีมากเลยนะคะ ที่เขาว่าเด็กกับคนแก่จะรับส่ง"ทางใจ"กันได้เร็วนี่เห็นชัดเลยค่ะ แต่ที่แน่ๆคือน้องแดนต้องเป็นคนลึกซึ้งเหมือนคุณพ่อแน่ๆค่ะ
สนับสนุนให้คุณพ่อ เก็บสิ่งต่างๆที่เขาพูด เขาทำแล้วเราประทับใจไว้ให้เขาค่ะ พี่ทำได้น้อยกว่าที่อยากทำ แต่เท่าที่มีก็สร้างความประทับใจให้ลูกค่ะ รู้ว่าเป็นของที่มีคุณค่ากับลูกมากกว่ามรดกใดๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณ แผ่นดิน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่าหักโหมมาก สังขารนี้ไม่ใช่ของเรา ยืมเขาใช้ เราต้องดูแลเขาด้วยค่ะ (ขอยืมมาจากคุณ Handy ค่ะ)
เบื้องต้นขอขอบคุณในทุก ๆ ถ้อยคำที่กรุณาแนะนำ หรือแม้แต่การเติมเต็มกำลังใจไว้ในบันทึกนี้ของผม...และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวาทกรรมของอาจารย์ที่ชวนคิดและเป็นความรู้ที่ต้องจดจำและมีไว้ประดับตน คือ เขาว่าเด็กกับคนแก่จะรับส่ง "ทางใจ" กันได้เร็ว
ขอบคุณครับ